ถ้าจะให้เปรียบ เกมการแข่งขันจักรยานก็ไม่ต่างอะไรกับหมากรุก 3 มิติที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยหมากบนกระดานกว่า 200 ชีวิตกับพลวัตรการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา กับการเดิมพันผู้ชนะเพียงแค่คนเดียว
ในทุกๆ ฤดูกาลแข่งขันเรามักจะได้เห็นชัยชนะที่เหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นแทคติคแบบเหนือชั้น จังหวะทุบหน้าเส้น จังหวะยิงทีเผลอ หรือแม้กระทั่งนักปั่นที่ออกลุยหนีเดี่ยวแบบหน้าด้านๆ แต่เป็นการโจมตีที่รุนแรง รวดเร็วจนคู่แข่งทำได้แค่เฝ้าดู
DT มีโมเมนท์เด็ดๆ ในใจมากมายในฤดูกาลนี้ครับ แต่ขอเลือกมา 11 คนที่เอาปั่นเอาชนะคู่แข่งแบบได้ใจกรรมการสุดๆ เป็นรางวัลนักปั่นยอดเยี่ยมแห่งปีที่ไม่ได้มีกะเกณฑ์อะไรเป็นพิเศษแต่มาจากความชอบของเราครับ มาดูกันว่า 11 นักปั่นแห่งปี 2015 มีใครบ้างและผลงานของพวกเขาเป็นยังไงถึงได้โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
ในลิสต์นี้ขอไม่รวมแชมป์แกรนด์ทัวร์ทั้งสามรายการ (Giro – คอนทาดอร์, TDF – คริส ฟรูม, Vuelta – ฟาบิโอ้ อารู) เพราะนักปั่นเหล่านี้เราพูดถึงกันไปเยอะแล้วและชัยชนะแกรนด์ทัวร์ของพวกเขาก็บอกถึงคุณภาพผลงานอยู่แล้วครับ
1. จอห์น เดเกนโคลบ์
Paris-Roubaix
ครั้งล่าสุดที่ชาวเยอรมันเป็นแชมป์พารี-รูเบคือปี 1896 ซึ่งเป็นการจัดแข่งรูเบครั้งแรกด้วย! ผ่านไป 120 ปีก็ยังไม่มีชาวเยอรมันกลับมาทวงแชมป์รายการนี้ได้สักที จนในที่สุด จอห์น เดเกนโคลบ์ (Giant-Alepcin) ก็ทำได้สำเร็จในปี 2015 ครับ
เดเกนโคลบ์ปั่นสนามนนี้ได้สมบูรณ์แบบถึงแม้ทีม Giant จะไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญและผู้ช่วยในสนามคลาสสิคทางวิบากสักเท่าไร แต่ทีมก็แก้เกมได้สมบูรณ์แบบ ที่ 13 กิโลเมตรสุดท้าย อีฟ แลมพาร์ท (EQS) และเกร็ก แวนเอเวอร์มาร์ท (BMC) เบรคอเวย์หนีกลุ่มออกไป เดเกนโคลบ์ให้เพื่อนร่วมทีมตั้งความเร็วไล่จับ จนเขาเกาะกลุ่มหน้าทันและไล่ปิดการโจมตีคู่แข่งได้จนถึงกิโลเมตรสุดท้ายในเวโลโดรม ถึงจะไม่มีลีดเอาท์ให้สปรินต์แต่ เดเกนโคลบ์ก็ปิดเกมสปรินต์ได้สวยงาม เป็นชัยชนะสนามคลาสสิตสไตล์พาวเวอร์สปรินเตอร์ที่ครบถ้วนสวยงามทุกกระบวนครับ
2. ปีเตอร์ ซากาน
World Road Race Championship
ด้วยความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วนจากการพลาดแชมป์สเตจใน Tour de France และที่ไม่มีผลงานในสนามคลาสิคซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ของเขา ซากานตัดสินใจวัดดวงเก็บฟอร์มอีกครั้งใน Vuelta a Espana (ซึ่งเขาชนะหนึ่งสเตจ) ทุกคนรู้ว่าเขามีความสามารถ แต่ยังขาดโชค
แต่ไม่ใช่ในศึกที่มีรางวัลเดิมพันเป็นเสื้อสึรุ้ง ในสนามชิงแชมป์โลกที่ Richmond ซากานงัดวิชาที่มีออกมาใช้ทั้งหมด ตั้งแต่การระเบิดพลังขึ้นเนินตัดสิน ก่อนที่จะดิ่งลงเนินแบบเสี่ยงตายที่คนอื่นไม่กล้าตาม (ได้มา 5 วินาที) และการปาดโค้งหักศอกแบบที่คุณไม่ควรลองเองแถวบ้าน เท่านั้นยังไม่พอ เขาหนีเดี่ยวเป็นระยะทางร่วม 2500 เมตรจนรอดเงื้อมมือตัวเต็งอย่างเอ็ดวาลด์ บอสซัน ฮาเก็น (นอร์เวย์) และเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (เบลเยี่ยม) ที่คอยไล่ปิดระยะตลอดช่วงสามกิโลเมตรสุดท้าย กลายเป็นผลงานแชมป์โลกที่จังหวะตัดสินตื่นเต้นที่สุดในรอบหลายปี
ps. จริงๆ ผมว่าชัยชนะ Overall ของซากานใน Tour of California ปีนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน จากสนามที่เขาเป็นสปรินเตอร์ที่ชนะจำนวนสเตจในรายการเยอะที่สุด กลายมาเป็นนักปั่น all-round ที่ไต่เขาไล่บี้เวลาระดับวินาทีกับ pure climber จนเอาชนะจูเลียน อลาฟิลลิป (EQS) ทั้งๆ ที่เขาเองไม่ได้เหมาะกับเส้นทางภูเขาของรายการ ซากานชนะอลาฟิลลิปด้วยเวลาเพียง +3 วินาทีเท่านั้น
พล็อตหลักของ ToC ปีนี้คือ หลังจากที่ซากานชนะสเตจ TT และสเตจ Time Trial เขานำเวลารวมอยู่ 28 วินาทีก่อนถึงควีนสเตจซึ่งเป็นการไต่เขา Mt.Baldy ที่ชันและยาวมาก แก็ป 28 วิจัดว่าน้อยสำหรับคนที่ไม่ใช่นักไต่เขาอย่างซากาน ถ้าเขาอยากชนะ overall เขาต้องไล่ตามนักไต่เขาตัวเต็งให้ได้นานที่สุด สุดท้ายเขาเข้าเส้นชัยหลังอลาฟิลลิป +47 วินาที หลังจบสเตจเขาตามหลังอันดับเวลารวมอลาฟิลลิปแค่ +2 วินาที เพราะฉะนั้นเขาต้องได้อันสามในสเตจสุดท้ายเป็นอย่างน้อยเพื่อเก็บ time bonus มาพลิกเอาชนะอลาฟิลลิป
และเขาก็ทำได้ในที่สุดด้วยการสปรินต์คว้าอันดับสามแบบ “เฉือนหน้าเส้น” กับไทเลอร์ ฟาร์ราร์ ชนะไปแค่ไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น! โคตรแห่งสปิริตนักสู้หละครับ
3. เอียน สแตนนาร์ด
Omloop Het Nieuwsblad
ชัยชนะของสแตนนาร์ดอาจจะเป็นชัยชนะการแข่งขันจักรยานถนนที่น่าทึ่งที่สุดในรอบหลายสิบปีก็ว่าได้ครับ ด้วยผลงานการคว้าแชมป์สองสมัยซ้อนในรายการคลาสสิคสนามแรกของปี Omloop Het Nieuwsblad เขาเข้ากลุ่มหนีมากับเอซจาก Etixx-Quickstep ถึงสามคน (แวนเดนเบิร์ก โบเน็น และเทิรป์สตรา) และล้มกระดานจากเกมเชือดหมูของ EQS เป็นชัยชนะแบบเหนือชั้น
ที่5 กิโลเมตรสุดท้าย สแตนนาร์ดเร่งความเร็วจนโบเน็นและแวนเดนเบิร์กหลุดกลุ่ม ก่อนที่จะบังคับให้เทิรป์สตร้าเปิดเกมสปรินต์บังลมให้เขาก่อนจะขึ้นแซงป้องกันแชมป์ไปแบบเหนือความคาดหมาย ที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ว่าทำได้ยังไง ไฮไลท์นี้ดูกี่รอบก็ยังน่าทึ่งทุกครั้ง
4. สตีฟ คัมมิงส์
Tour de France สเตจ 14
สเตจ 14 เส้นชัยอยู่หลังเนินเขาสูงชัน โรเมน บาร์เดต์ (AG2R) และทิบอต์ พินอท์ (FDJ) ไล่ขับเคี่ยวกันระหว่างทางขึ้นเขาสลัดคู่แข่งทิ้งจนหมด มุมกล้องจับภาพราวกับว่าจะเป็นการสปรินต์แข่งกันระหว่างนักไต่เขาชาวฝรั่งเศสทั้งสองคน แต่สิ่งที่กล้องไม่ได้แพนจับตามเลยคือจังหวะรุกของสตีฟ คัมมิงส์ (MTN-Qhubeka) ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมาในจังหวะลงเนินแล้วอาศัยสกิลการเข้าโค้งสุดคม ขึ้นแซงทั้งคู่ไปแบบไม่รู้ตัว ซ้ำยังเป็นผลงานแชมป์ของทีมจากแอฟริกาใต้ในวันรำลึกเนลสัน แมนเดลา รัฐบุรุษชาวแอฟริกันอีกด้วย ถ้าให้นักเขียนบทฮอลลีวู้ดมาวางสคริปต์คงยังไม่ได้พล็อตที่เด็ดเท่าสเตจนี้ครับ
5. วินเชนโซ นิบาลิ
Giro d’Lombardia
ไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดสำหรับนิบาลิ เมื่อเขาไม่สามารถป้องกันแชมป์ Tour de France ได้แถมยังโดนไล่ออกจากการแข่งขัน Vuelta a Espana จากที่ทำฟาวล์เกาะรถเซอร์วิสแซงคู่แข่งร่วมสิบคัน
แต่ใครๆ ก็รู้ว่านิบาลิไม่ใช่คนที่จะถอดใจอะไรง่ายๆ และเป็นหนึ่งในนักปั่นที่ยังลงแข่งสนามใหญ่ๆ ตลอดทั้งปี Giro d’Lombardia เป็นสนามที่มีความหมายมากสำหรับนิบาลิ เพราะมันเป็นสนามคลาสสิคแบบวันเดียวระดับ Monument ซึ่งศักดิ์ศรีจัดว่าเทียบเท่า Paris-Roubaix เลยทีเดียว ถึงจะแข่งกันในเดือนตุลาคมก็ตาม
นิบาลิหนีคู่แข่งที่ 17 กิโลเมตรสุดท้ายในจังหวะลงเขา เทคนิคการลงเขาแบบเหนือมนุษย์ของเขาเป็นจุดชี้ขาดที่ทำให้เขาได้ชัยชนะในสนามนี้ครับ (ต้องดูถึงจะเข้าใจ วิดีโออยู่ข้างล่าง) ลงเขาเร็วจนรถมอเตอร์ไซค์กรรมการกะความเร็วเขาไม่ถูกในจังหวะเข้าโค้งจนเกือบได้ชนกัน และถึงเอซของทีมจะนำคู่แข่งร่วม 30 วินาทีแล้ว ลูกทีมยังทำงานได้สมบูรณ์แบบ ส่งดิเอโก้ โรซ่า ขึ้นมาบล็อกกลุ่มไล่ด้านหน้าขบวนไม่ให้ไล่จับนิบาลิได้ง่ายๆ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้นิบาลิกลายเป็นแชมป์ Tour de France คนที่สี่ในโลกที่เป็นแชมป์ Lombardia ด้วย (คนที่เคยได้มีเมิร์กซ์ อินอลท์ และจิมอนดี้)
6. โรเมน บาร์เดต์
Criterium du Dauphine สเตจ 5
พูดถึงการลงเขาขั้นเทพแล้วจะไม่พูดถึงคนนี้ก็ไม่ได้ครับ โรเมน บาร์เดต์กับผลงานแชมป์สเตจ 5 ในสนาม Criterium du Dauphine ปีนี้ที่เขาดิ่งลงเขาจนนำกลุ่มได้ร่วมนาทีเต็ม คว้าแชมป์ไปแบบไม่ยากเย็น แต่เมื่อเห็นลีลาการดิ่งนรกของเขาแล้วก็ไม่แปลกใจว่าทำไมไม่มีใครกล้าตามครับ (บาร์เดต์มาปั่นบนเขาลูกนี้บ่อย เขารู้โค้งเกือบทุกโค้ง)
7. เกอเรนท์ โทมัส
E3 Harelbeke
แชมป์นี้อาจจะดูไม่หวือหวาเท่าลิสต์ข้างบน แต่ปีนี้จัดว่าเป็นปีทองของโทมัสก็ว่าได้ครับ ถ้าจะมีนักปั่นคนไหนที่รอบด้านอย่างแบรดลีย์ วิกกินส์ (แชมป์สนามลู่ แชมป์ TDF แชมป์โอลิมปิก TT แชมป์โลก TT) ก็น่าจะเป็น ‘G’ นี่แหละ ปีนี้เขาได้แชมป์ Volta ao Algarve ก่อนจะมาคว้าแชมป์สนามคลาสสิครายการแรกของชีวิตใน E3 Harelbeke อาศัยสกิลการปั่นทีมเปอร์ซูต์ กระตุกหนีปีเตอร์ ซากาน (Tinkoff) และชเน็ค สตีบาร์ (EQS) ที่ 4 กิโลเมตรสุดท้าย (ระยะหากินเด็กเปอร์ซูต์) หลุดยาวๆ ไปจนถึงเส้นชัยเป็นผลงานแชมป์สนามคลาสสิครายการใหญ่ให้กับทีม Sky ครั้งแรก
พอมาถึง Tour de France เขาก็เลี้ยงอันดับ GC จนเกือบจะติดโพเดี้ยม เสียว่าต้องมาเป็นหัวลากให้ฟรูมจนหมดโอกาสของตัวเองไป ปั่นดีทั้งลู่ ทั้งคลาสสิค ทั้งสเตจเรซแบบนี้ เป็นอีกคนที่น่าจับตามองในปี 2016 ครับ
7. อเล็กซานเดอร์ คริสทอฟ
Tour of Flanders
อเล็กซานเดอร์ คริสทอฟคือนักปั่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดในฤดูกาลด้วย กับผลงานชัยชนะ 20 รายการ เยอะที่สุดในบรรดานักปั่นอาชีพในปี 2015 แต่ชัยชนะที่เด็ดที่สุดของเขาคงหนีไม่พ้น Tour of Flanders ซึ่งการันตีตำแหน่งตัวเต็งคลาสสิคหน้าใหม่ในวงการได้ยางไร้ที่ติครับ เขาหนีไปกับนิกี้ เทิร์ปสตรา (Etixx-Quickstep) ในจังหวะขึ้นเนินคัดตัว ด้วยความเป็นสปรินเตอร์ที่จังหวะเร่งรวดเร็วกว่า เทิรป์ปสตราไม่มีสิทธิแม้จะต่อกรกับคริสทอฟที่หน้าเส้นชัย
ตอนนี้คริสทอฟมีผลงานแชมป์คลาสสิคระดับ Monument ถึงสองรายการแล้ว (Milan-San Remo และ Tour of Flanders) ซึ่งผลงานน่าจะดียิ่งกว่านี้อีกในปีถัดๆ ไป
8. เอสเตบาน ชาเวซ
Vuelta a Espana
ถึงจะไม่ได้แชมป์รายการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาเวซ (Orica-Greenedge) (และทอม ดูโมลาน – Giant-Alpecin) คือม้ามืดที่น่าจับตามองที่สุด จากนักไต่เขาชาวโคลอมเบียที่มีผลงานกะปิดกะปอย เขาเริ่มลงแข่ง Vuelta ในฐานะเอซลับของทีม ที่ทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย คว้าแชมป์ถึงสองสเตจ ครองเสื้อผู้นำเวลารวมถึง 6 วัน และจบการแข่งขันด้วยอันดับ 5 Overall แถมยังปิดฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์รายการ Abu Dhabi Tour อีกด้วย
ลีลาการแข่งขันและการโจมตีคู่แข่งสุดเกรี้ยวกราดของเขา (ดูวิดีโอข้างล่าง) น่าจะถูกใจแฟนๆ ที่ชอบสไตล์การแข่งของคอนทาดอร์ ซึ่งจะอำลาวงการไปในฤดูกาลหน้านี้แล้ว
9. เทย์เลอร์ ฟินนีย์
USA Pro Challenge Stage 1
จริงๆ นี่น่าจะเป็นรางวัล “Comeback of the year” ก็ว่าได้ครับ เทย์เลอร์ ฟินนีย์คือดาวรุ่งจากทีม BMC ที่กำลังจะได้ดี แต่ปีที่แล้วดันดวงซวย ระหว่างที่เขาแข่งสนามชิงแชมป์เสือหมอบอเมริกา (หลังจากที่ได้แชมป์ Time Trial อเมริกามาแล้ว) เขาล้มไปชนกับราวกั้นถนนจนกระดูกขาหักเป็นสองท่อน จนหลายคนสงสัยว่าเขาจะกลับมาแข่งขันในระดับสูงสุดได้อีกหรือเปล่า
ฟินนีย์ใช้เวลาพักฟื้นร่วม 15 เดือน และกลับมาแบบร้อนแรงแซงโค้ง เขาได้อันดับสามในสเตจ 1 ในรายการ Tour of Utah หลังจากหายบาดเจ็บไม่นาน ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเขาซิวแชมป์สเตจ 1 ในรายการ USA Pro Challenge ด้วยการเบรคอเวย์ในกิโลเมตรสุดท้าย เก็บแชมป์ไปคนเดียวแบบที่สปรินเตอร์ได้แต่มองตาปริบๆ แถมยังเป็นแชมป์ในรัฐบ้านเกิดของเขาอีกด้วย (โคโรลาโด้) หายห่วงได้เลยว่าคนนี้จะฟอร์มตก ปีหน้ามาแรงแน่นอน
10. ม้ามืดที่น่าจับตามอง
a.) คาเล็บ ยวน (Orica-GrennEdge)
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเฟอร์นันโด กาวิเรีย แล้ว สปรินเตอร์ชาวโคลอมเบียวัยกระเตาะที่เอาชนะมาร์ค คาเวนดิชและทีมจับเซ็นสัญญมาเรียบร้อย แต่มีสปรินเตอร์อีกคนที่มาในพิมพ์เดียวกับคาเวนดิชเหมือนกาวิเรียครับ คนๆ นี้คือคาเล็บ ยวน (Caleb Ewan) จาก Orica-GreenEdge
ด้วยวัยเพียง 21 ปี ยวนมีผลงานการสปรินต์ไม่ธรรมาทีเดียว ถึงจะได้ลงแข่งในระดับ WorldTour เป็นครั้งแรกในปีนี้แต่เขาเก็บผลงานมาแล้ว 11 ชัยชนะ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ 4 สเตจพร้อม overall ใน Tour of Korea, สองสเตจใน Tour de Langkwai และแชมป์สเตจใน Vuelta a Esapana ทั้งเร็ว ทั้งมั่นใจ เป็นสปรินเตอร์แถวหน้าคนใหม่ของวงการที่น่าเชียร์ครับ
b.) ทอม ดูโมลาน (Giant-Alpecin)
ต้องบอกว่าคนนี้เป็นรีเควสจากเพื่อนๆ ในแฟนเพจ แต่มานั่งทบทวนก็จริงครับ จะไม่รวมเขาไปด้วยก็กะไรอยู่ เพราะเช่นเดียวกับเกอเรนท์ โทมัส (Sky), ดูโมลานก็เป็นอีกคนที่พลิกโผเหมือนกัน จากปกติที่เก่งการปั่น Time Trial ฝึกซ้อมผันตัวกลายมาเป็นนักปั่น GC ที่ไต่เขาได้ดีไม่พ้คู่แข่งเท้าทอง โดยเฉพาะใน Vuelta a Espana ที่ต่อสู้ครองเสื้อผู้นำเวลารวมได้หลายวันแต่น่าเสียดายที่ต้องพ่ายให้กับฟาบิโอ้ อารู (Astana) ไปในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน (และตกโพเดี้ยมด้วย) สรุปจบการแข่งขันดูโมลานได้แชมป์ไปถึง 2 สเตจ และครองเสื้อผู้นำไปหลายวัน แถมยังโชว์ฟอร์มการไต่เขาสู้กับตัวเต็งยาวไปจนถึงสัปดาห์สุดท้ายแบบที่คู่แข่งละสายตาไม่ได้เลย เพราะไม่มีใครรู้ว่าม้ามืดตัวนี้มีศักยภาพแค่ไหน
แน่นอน ผลงานนั้นเหนือความคาดหมาย เพราะทีมไม่ได้หวังว่าเขาจะกลายเป็นผู้นำแกรนด์ทัวร์ในชั่วข้ามคืนถึงแม้จะฝึกการขึ้นเขา ลดน้ำหนักตัวเป็นพิเศษ หลายคนบอกว่าดูโมลานอาจจะเป็นมิกูเอล อินดูเรนคนใหม่ที่ปั่น TT ได้ดีกว่านักไต่เขาคนอื่น และจะกลายเป็นตัวละครสำคัญในศึกชิงแชมป์แกรนด์ทัวร์ในอนาคตด้วย
ถ้าใครสนใจพัฒนาการของดูโมลาน ทีม Giant เขาเขียนบทความลงรายละเอียดเชิงลึกไว้ด้วยครับ ซ้อมยังไง พัฒนามายังไง มันช่วยอธิบายว่าทำไมเขาไม่ได้เก่งข้ามคืนแบบที่หลายๆ คนคิด อ่านที่ ลิงก์นี้ ครับ
11. นักปั่นยอดเยี่ยมแห่งปี
อเลฮานโดร วาวเวอเด้ (Movistar)
ถ้าจะมีนักแข่งสักคนหนึ่งที่มีผลงานรอบด้านที่สุดในวงการ ชั่วโมงนี้คงไม่ใช่ใครไปได้นอกจาก อเลฮานโดร้ วาวเวอเด้ กัปตันทีม Movistar ผู้มากประสบการณ์ นอกจากจะเป็นแชมป์นักปั่นที่คะแนนสะสมเยอะที่สุดในตาราง UCI ถึงสองปีซ้อนแล้ว ปีนี้เขามีผลงานดีที่สุดตั้งแต่แข่งขันมาเลยก็ว่าได้ถึงแม้จะย่างเข้า 35 ปีเต็ม!
ผลงานของวาวเวอเด้มีทั้งโพเดี้ยม Tour de France, แชมป์ Liege-Bastonge-Liege แชมป์สเตจ Vuelta พร้อมรางวัลเสื้อเจ้าความเร็ว, อันดับ 5 ในศึกชิงแชมป์โลกเสือหมอบชาย (เกือบขึ้นโพเดี้ยมครั้งที่ 5!) ไม่ใช่แค่ทักษะการไต่เขาและการแข่งแกรนด์ทัวร์ (เขาช่วยคินทานาให้ได้อันดับ 2 ในตูร์ปีนี้) เขายังเป็นนักไต่เขาที่สปรินต์ได้เร็วที่สุดในเปโลตอง
เรื่องการอ่านเกมเขาก็เด็ดขาดไม่แพ้ใคร ในสนาม Liege ปีนี้ที่ระยะทางร่วม 250 กิโลเมตร วาวเวอเด้รอจน 400 เมตรสุดท้ายก่อนจะกระชากหนีคู่แข่ง ปล่อยให้ตัวเต็งออกแรงสู้กันจนหมดแรงแล้วกวาดชัยชนะไปเพียงคนเดียว
จริงว่าเขาอาจจะไม่ได้แชมป์แกรนด์ทัวร์อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้านับคุณภาพผลงานแล้วเขาไม่แพ้ใครเลยในฤดูกาลนี้ครับ
Bonus: ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี
Team Sky
Movistar อาจจะมีคะแนนสะสมเป็นอันดับหนึ่งใน UCI World Tour Ranking และ Etixx-Quickstep อาจจะมียอดชัยชนะเยอะที่สุดในฤดูกาล แต่เมื่อพูดถึงคุณภาพแล้วไม่มีทีมไหนมีผลงานกว้างและลึกเท่า Sky
นอกจากผลงานแชมป์ Tour de France ของคริส ฟรูมแล้ว Sky เป็นทีมที่กวาดแชมป์สเตจเรซเยอะที่สุด (Volta ao Algarve, Vuelta a Andalucia, Paris-Nice, Volta Catalunya, Tour de Yorkshire, และ Criterium du Dauphine) แถมยังชนะสนามคลาสสิคสองรายการ (E3 Harelbeke และ Omloop) วิวิอานี่ที่เป็นสปรินเตอร์ก็มีแชมป์ถึง 8 สเตจ และน่าจะเป็นไม่กี่ทีมในปีนี้ที่มีผลงานแชมป์สเตจในแกรนด์ทัวร์ทุกรายการ
ถ้าปีหน้าทีม Sky จะเป็นไปอย่างที่เซอร์ เดฟ เบรลส์ฟอร์ด ตั้งใจไว้ ทีมจะมีผลงานเยอะยิ่งกว่านี้อีก!
* * *
