เควียทคอฟสกี้คว้าแชมป์ Milan Sanremo

ไม่บ่อยที่เราจะมีนักปั่นอย่างปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) นักปั่นที่สามารถคุมเกมการแข่งขันในทุกสนามที่เขาลงแข่งด้วยตัวคนเดียว แต่บางครั้งความเก่งกาจของเขาก็เป็นเสมือนโซ่คล้องคอที่ทำให้เขาพ่ายแพ้การแข่งขันได้ง่ายพอๆ กับที่เขาชนะ

Milan-San Remo ปี 2017 จบลงด้วยชัยชนะของมิฮาล เควียทคอฟสกี่้ (Sky) ที่ทลายแผนของซากานได้อย่างแยบยล ด้วยการแข่งกว่า 291 กิโลเมตร การจะปะทุจังหวะตัดสินของเกมไม่ใช่เรื่องง่าย ซากานเริ่มขยับตัวขึ้นมาหน้ากลุ่มระหว่างทางขึ่้นเนินลูกสุดท้ายของรายการ – Pogio di San remo ความยาว 3.7 กิโลเมตรและความชันเฉลี่ย 3.7%

ช่วงกลางเนินทีม Sunweb เร่งความเร็วนำโดยทอม ดูโมลาน์ที่หวังตัดแรงกลุ่มเปโลตองช่วยไมเคิล แมธธิวส์กัปตันทีม ผลัดกันกับหัวลากของทีม Sky แต่ทันทีที่ดูโมลาน์หมดแรงร่นถอยลงไปหลังกลุม ซากานเปิดจังหวะโจมตีกลุ่มก่อนถึงยอดเนินเพียงเล็กน้อย

เป็นการโจมตีที่หนักหน่วงและได้ผล และสร้างระยะห่างระหว่างเขาและกลุ่มได้ทันที เควียทคอฟสกี้ และจูเลียน อลาฟิลลิป (Quickstep-Floors) เป็นนักปั่นแค่สองคนจากทั้งหมดกว่า 50 คนในกลุ่มที่ตามแชมป์โลกได้  แชมป์โอลิมปิก เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) พยายามเร่งปิดระยะห่างแต่ก็ถูกทิ้งขาดในที่สุด

ทั้งสามคนทำเวลาห่างกลุ่มได้ราว 15 วินาทีในช่วงสองกิโลเมตรสุดท้าย และด้วยการที่ไม่มีทีมไหนเร่งขึ้นนำกลุ่มไล่ ชัยชนะ San Remo ปีที่ 108 จะมาจากสามคนในกลุ่มหน้านี้

ซากานค้นพบว่าสถานะแชมป์โลกและความเป็นสปรินเตอร์ของเขาไม่ได้ช่วยให้เกมง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทีม Sky และ Quickstep มีไพ่สองใบ นอกจากสองคนที่ตามเกาะเขามาด้วยจะมีโอกาสลุ้นแชมป์ในสัดส่วน 1 ใน 3 แล้ว แต่หากจะโดนกลุ่มรวบจับทั้งสองทีมก็ยังมีสปรินเตอร์ที่พร้อมจะแก้เกมให้ ในขณะที่ซากานเป็นเอซคนเดียวของทีม – นั่นหมายความว่า การโจมตีครั้งนี้ต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามถูกกลุ่มหลังรวบไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

จึงเป็นซากานที่ต้องทำหน้าที่นำกลุ่มจนถึงนาทีสุดท้าย เมื่อเควียทคอฟสกี้และอลาฟิลลิปถือไพ่เหนือกว่า ซากานตัดสินใจสปรินต์จากตำแหน่งหน้าสุดของกลุ่ม (ซึ่งเสียเปรียบ) ที่ 200 เมตรสุดท้ายหน้าเส้นชัย ทิ้งระยะห่างเควียทคอฟสกี้ได้เล็กน้อย แต่อดีตแชมป์โลกไม่ยอมง่ายๆ ไล่ขึ้นอย่างรวดเร็วและขึ้นแซงในวินาทีเข้าเส้นชัยพอดี เควียทคอฟสกี้คว้าแชมป์สนามคลาสสิคระดับโมนูเมนท์ให้ทีม Sky ได้เป็นครั้งที่สอง

 

วิดีโอ 30 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน

วิดีโอไฮไลท์

 

ผลการแข่งขัน

ปีเตอร์ ซากาน (Interview)

“ผมพอใจกับผลงานวันนี้ครับ แน่นอนชัยชนะนั้นสำคัญครับ แต่การแข่งเอาใจแฟนๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน คนที่แกร่งที่สุดไม่ได้ชนะทุกครั้ง”

“สิ่งที่ขาดไปวันนี้คือความช่วยเหลือของนักปั่นคนอื่น แต่ผมโอเคครับ ผมทำส่วนของผมเต็มที่ และมันคือเกมการแข่ง คุณปั่นมา 300 กิโลเมตร คุณชนะนิดนึงหรือแพ้นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”

“ผมนำกลุ่มเยอะในช่วงห้ากิโลสุดท้าย ทั้งคู่ขึ้นนำคนละครั้ง แต่มันปกติครับทั้งคู่มีสปรินเตอร์ในทีม เป็นธรรมดาที่จะไม่ช่วยผม”

“ผมไม่ได้แพลนว่าจะยิงกลุ่มบนเนิน เพราะการแข่งมันต้องดูว่าคุณเหลือแรงแค่ไหน ผมว่าวันนี้ฟอร์มผมไม่ค่อยดี ผมคิดว่าคนอื่นจะโจมตี แต่กลับไม่มี สงสัยว่าแรงหมดกันหมด”

“ผมลองยิงบนเนินปีนี้เพราะสังเกตเห็นลมส่งตรงทางลง ผมไม่มีอะไรจะเสีย ถึงเควียทและอลาฟิลลิปจะตามมาได้ ผมก็คิดว่าผมเร็วกว่าทั้งคู่นะ” (Cyclingnews)

 

มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Interview)

“ตอนสมัยเป็นนักปั่นยุวชน ความสามารถเราสูสีกันมากครับ (หมายถึงซากาน) ผมเป็นนักปั่นคนเดียวในเปโลตองที่ได้แข่งกับซากานเยอะที่สุด ผมรู้ว่าผมชนะซากานได้ คุณแค่ต้องเชื่อ”

“เปโลตองอาจจะคิดว่าซากานมาจากนอกโลก แต่ผมรู้ว่าผมตามเขาได้ เหมือนบนเนิน Poggio วันนี้ ตอนวางแผนกับทีมก่อนแข่งทีมก็รู้ว่าผมตามซากานได้ คือเป้าหมายเราต้องชนะน่ะครับ ไม่ใช่ได้ที่สองหรือที่สาม มันดีกว่าที่จะมีไพ่หลายใบ ทั้งผมและอลาฟิลลิปก็มีสปรินเตอร์ในทีม ซึ่งมันก็ช่วยผมมากเพราะผมพูดได้ว่ามาปิดแก็ปให้สปรินเตอร์ในกลุ่ม จะไม่ช่วยขึ้นลาก ซากานไม่มีตัวเลือกอื่น”

“ผมเชื่อเสมอว่าในฐานะนักปั่นเราจะชนะใครก็ได้ ถ้าคุณเดินเกมถูก”

“ตอนสปรินต์ผมพนันกับซากานเหมือนกัน ผมปล่อยให้เขาเปิดสปรินต์ก่อนและทิ้งระยะห่างไว้นิดนึงให้เขาเชื่อว่าเราตามไม่ทัน แล้วผมจะได้มีระยะมากพอจะเร่งความเร็วสูงขึ้นเพื่อแซงเขาด้วย สุดท้ายมันก็สำเร็จ ชนะกันไม่กี่เซนติเมตรครับ” (Cyclingnews)

 

จูเลียน อลาฟิลลิป (Interview)

“เป็นสนาม San Remo ครั้งแรกในชีวิตผม เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ เราเคารพหน้าที่ของทุกคนในทีม ทีมเราทุ่มให้กาวิเรีย เป็นหน้าที่ผมที่ต้องปิดทุกการโจมตีบนเนิน Poggio ซึ่งผมก็ทำสำเร็จ ”

“แต่ตอนสปรินต์มันยากมากครับ ซากานแข็งแกร่งมากตอนที่เขาโจมตี ผมพยายามเต็มที่ที่จะขึ้นนำตอนลงเขา และเห็นชัดว่ากลุ่มตามเราไม่ทัน แต่ซากานเล่นยิงหนีเราทุกโค้ง พอลงมาถึงตีนเขาเราไม่เหลือแรงแล้ว ผมทำเต็มที่ออกแรงสุดชีวิต ไม่เสียใจเลยครับ”

“ตอนสปรินต์ผมรู้เลยว่าขาไม่เหลือแรง คุณต้องรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีแชมป์โลกสองคนที่อยู่ข้างหน้าผมและชนะผม แค่ได้ขึ้นโพเดี้ยมกับทั้งคู่ผมก็ดีใจละครับ”​ (Cyclingnews)

 

DT Comment

  • กาวิเรีย (Quickstep) คอนเฟิร์มสันนิษฐานของเราว่าเขาน่าจะเป็นแชมป์ได้ถ้าเกมจบด้วยการสปรินต์ จบเกมด้วยอันดับห้า พ่ายให้คริสทอฟไปนิดเดียวในการสปรินต์ชิงที่ 4 ซึ่งเข้าเส้นชัยหลังกลุ่มหน้า 5 วินาที
  • ซากานเกือบจะได้เป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง เพราะถ้าเขาชนะ MSR ปีนี้เขาจะเป็นแชมป์โลกคนแรกในรอบ 34 ปีที่ได้แชมป์ระหว่างที่เป็นแชมป์โลก จริงๆ MSR เป็นรายการที่แชมป์โลกหลายคนเคยชนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเอ็ดดี้ เมิร์กซ์, ออสก้า เฟรเร่, มาริโอ ชิปโปลินี่, เพาโล เบ็ตตินี่, เมาริโอ้ ฟอนดริเอส, และล่าสุดมิฮาล เควียทคอฟสกี้
  • ส่วนเควียทคอฟสกี้นั้นก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้กับชาวโปแลนด์ ​เขาเป็นแชมป์โลกจักรยานถนนคนแรกของประเทศ,และตอนนี้ก็เป็นนักปั่นจากโปแลนด์คนเดียวที่ได้แชมป์สนาม classic monument
  • รวมๆ แล้วรายการนี้ไม่มีอะไรให้วิเคราะห์มากครับ ชัดเจนว่าซากานคือนักปั่นที่แกร่งที่สุด แต่ตัวเลือกน้อยที่สุด ทั้ง Sky และ Quickstep อ้างได้ว่าตามปิดการโจมตีกะรอสปรินต์ ถ่วงซากานให้หมดแรงได้ อลาฟิลลิปให้สัมภาษณ์ชัดว่าวันนี้ทีมมาเพื่อกาวิเรียและจะไม่ลากช่วยให้กลุ่มรอด แต่เมื่อกลุ่มหลังไล่ไม่ทันก็ต้องออกสปรินต์ทำผลงานให้ทีมเท่าที่จะทำได้
  • ถามว่าซากานแข็งแกร่งแค่ไหน ดูข้อมูล Strava จากเควียทคอฟสกี้ระหว่างทางขึ้นเขา Poggio นั้นน่าทึ่งมากครับ ออกแรงไปวัตต์ 536 วัตต์ในเวลาเกือบหกนาที ความเร็วเฉลี่ย 34.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหัวใจเต้นเฉลี่ย 180bpm! และได้ KOM ของ Segment Poggio ชัดเจนว่าการขึ้นลากของดูโมลาน์และ Sky นั้นโหดมาก แต่ที่โหดกว่าคือซากานเพราะพุ่งมาจากข้างหลังแล้วทุบกลุ่มแตกกระจาย ถ้าเขาเล่น Strava คงเห็นวัตต์ที่โหดร้ายมากแน่นอน

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *