รักแรกพบ: Cervelo R5, R5 Disc, R3

รีวิวรอบนี้พิเศษนิดนึงครับ เพราะเราได้ไปปั่นกันกลางเขาแถวตอนเหนือของอิตาลี Cervelo ตั้งแคมป์อยู่ที่เมือง Rota d’imagna อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเบอร์กาโม่ ห่างมิลานไปประมาณชั่วโมงนึง และเป็นเมืองที่โฮสต์สเตจใน Giro d’Italia ปีนี้ (เสียดายว่าเราไม่ได้ไปดู)​ ต้องบอกว่าเราโชคดีที่ได้ไปช่วงอากาศดี ฝนไม่ตกเลยสักหยด และเส้นทางก็เหมาะเจาะครับ ตัวเมืองอยู่เบนเขาสูงเกือบ 700 เมตรจากระดับน้ำทะเลและอยู่ในหุบเขา เพราะงั้นเส้นทางปั่นเราก็จะเป็นปั่นตามแนวหุบเขา ข้ามเขาบ้าง ปาดตรงกลางระหว่างเขาบ้าง ฟินสุดๆ

เราได้ปั่น R5 ทั้งหมดสองวัน วันแรกปั่นชิลล์ๆ ไปกินกาแฟกับนักปั่น Dimension Data พร้อมจัดซัดขึ้นเขายาว 3.3km ชันเฉลี่ย 8.8% ไปหนึ่งลูก ส่วนวันที่สองเป็น long day testing ระยะทาง 80km, elevation 1,500m ปีนเขากันทั้งวัน

 

Cervelo R5 Dura-Ace

เริ่มกันที่คันแรก Cervelo R5 Dura-Ace เฟรมตัวท็อปเรือธงของ Cervelo R Series ครับ รถทดสอบของผมเป็นไซส์ 51 แต่ใช้สเต็ม 90mm (ขอไซส์ 48 ไว้ แต่มันหายไประหว่างขนส่ง O_O) ฟิตโดยรวมก็ถือว่าโอเค ขี่ได้ ได้หลักอานเยื้อหลังมามันเลยเอื้อมไปนิดนึง รถมากับกรุ๊ป Dura-Ace 9100 Mechanical แบบ full set และล้อ Mavic Ksyrium ครับ

Stiffness

ถ้าใครได้อ่าน เบื้องหลังการออกแบบ New Cervelo R-Series  แล้วจะเห็นว่าเขาโฆษณาไว้เยอะทีเดียวครับ ราวกับว่าเป็นการรื้อออกแบบเสือหมอบสไตล์ all-round ใหม่หมด คือตอนนั่งฟังนี่บอกว่าเคลิ้มเลยก็ว่าได้ หน้าตามันก็คลีนๆ เส้นสายดูเรียบสวยงามตามสไตล์เสือหมอบทรง traditional อยู่แล้ว (ถึงท่อจะสโล้ปนิดหน่อย)

สัมผัสแรกเป็นยังไง? ไม่ใช่ความว้าวแบบว่าโหนี่มันรถที่ดีที่สุดที่เคยขี่อะไรแบบนั้น วันแรกที่ปั่นกับทีม Dimension ก็มีเหวอๆ บ้างเพราะยังไม่คุ้นรถและเบาะ (Fizik Antares) แต่วันที่สองก็เริ่มชิน

จุดเด่นที่สุดของ R5 คือความพุ่งและ handling ครับ ฟีลมันคือรถแข่งอย่างแท้จริง ความพุ่งนี้การันตีได้ว่าไม่แพ้ใครแน่นอน Cervelo บอกว่าความสติฟตัวนี้ดีกว่า Cervelo RCA เสียอีก (แต่เฟรมหนักกว่า) เห็นได้ชัดเจนในจังหวะขึ้นเขา  ไม่มีอาการหน่วงขา ไม่มีอาการรอรอบ ส่งพลังได้เต็มแรงกด ยิ่งจังหวะที่เนินชันมากยิ่งเด่น ตรงนี้จาน 50-34 และเฟือง 11-30 ก็ช่วยไม่น้อย แต่ฟีลการขึ้นเขานั้นให้เต็ม 10 ได้ไม่อายปาก

Handling

ด้าน Handling ก็ทำได้ดีมากครับ ปกติแล้วเสือหมอบแนวแข่งขันนี่มันจะหน้าไวและคม ตัดโค้งออกโค้งได้ดี ยิ่งถ้า front end stiffness ดี รถมันจะนิ่ง เร่งออกจากโค้งได้อย่างมั่นใจ  R5 ใหม่ทำท่อคอเตี้ยลงเกือบ 1cm และกระโหลกต่ำลงนิดหน่อย ฟีลมันจะเหมือนนั่งอยู่ในจักรยานมากกว่านั่งอยู่บนจักรยาน

วันแรกที่ปั่น ลงเขาแบบ switchback หลายลูก ผมเกิดอาการแหยงๆ แต่ไม่ได้มาจากรถ นั่นคือฟีลแบบไม่ชินรถ เรารู้ว่ารถเอาอยู่ถ้าจะลงเขาเร็วกว่านี้ เบรคใกล้โค้งกว่านี้ แต่ใจยังไม่ด้านพอ แต่วันที่สองพอเริ่มเอาอยู่ก็เลยสนุกครับ ซิ่งได้ทุกโค้ง ตัวรถ handle ได้นิ่งมาก ที่ความเร็ว 60 กว่าๆ เกือบไปถึง 70 ก็ยังนิ่งดี

การออกเร่งในทางราบ เช่นการเร่งเข้ากลุ่มหนี หรือออกสปรินต์ก็ตอบสนองแรงดีมาก กระโหลกสติฟอยู่แล้ว แต่ระยะเชนสเตย์หลังที่สั้นลงทำให้สามเหลี่ยมหลังมีความกระชับ ถ่ายแรงได้ดี รถให้ฟีลว่องไวไม่อืดอาด รวมๆ แล้วเรื่อง geometry นี่จัดว่าทำสมดุลได้ดีครับ ไม่ twitchy เหมือนรถแข่งจ๋าๆ แต่ยังมีความดุดันอยู่

ทั้งนี้ทั้งนั้น มันไม่ใช่จักรยานสำหรับทุกคน เพราะท่อคอที่สั้นนี่หละครับ ถ้าก้มได้ไม่เยอะคงขี่ไม่สนุก อัตราส่วน stack:reach ไซส์ 49 อยู่ที่ 1.378 เท่านั้น ใกล้เคียง Specialized S-Works Tarmac, Trek Madone H1, Canyon Aeroad CF SLX

Comfort

ประเด็นต่อมาเป็นเรื่องความสบาย รวมๆ แล้วถือว่าพอใช้ได้ แต่ยังไม่ดีที่สุดในบรรดารถสไตล์ all round ครับ มันเป็นฟีลรถแข่งคือเก็บฟีดแบคถนนได้เต็มทุกเม็ด ขี่สบายกว่ารถแอโร แต่มีรถ all round ที่เก็บแรงสะเทือนดีกว่าเช่น Canyon Ultimate CF SLX และ Specialized S-Works Tarmac ช่วงหลังไม่สะเทือนเท่าไร แต่ช่วงหน้าถ้าเติมลมแข็งๆ อาจจะมีสะท้านได้เหมือนกัน จริงๆ ล้อที่เราทดสอบก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้ครับเพราะล้อ Ksyrium นี่รู้กันดีว่าโคตรแข็ง และยางที่ให้มาก็เป็นยางหน้าแคบ จะปั่นสบายกว่านี้ถ้าได้ล้อและยางดีๆ สมราคารถ

จุดที่ผมชอบที่สุดในเรื่องความสบายกลับเป็นแฮนด์ AB06 ครับ

เป็นแฮนด์คาร์บอนกึ่งแอโร แต่ทำองศาความโค้งได้รับกระชับมือดีมาก ที่จับด้านบนมันจะเชิดนิดนึงรองรับกับการกำมือรอบแฮนด์พอดีๆ มันจะไม่ราบขนานพื้นเหมือนแฮนด์ตัวอื่น แล้วก็ตรง hood bend มันหักทำมุมรับกับอุ้งมือพอดี ส่วนระยะดรอปนั้นไม่ลึกไป ทำเลียนแบบแฮนด์ Cinelli 66 ซึ่งเป็นทรงคลาสสิคที่หลายๆ คนชอบครับ

Cervelo R5 Disc

R5 Disc ตัวนี้มากับกรุ๊ป SRAM eTap HRD เรื่องเบรคก็ทำได้ดีตามประสาดิสก์เบรคไฮดรอลิครับ ตัวนี้ให้ล้อ Zipp 302 Disc ซึ่งเป็นล้อ Zipp ตัวใหม่เวอร์ชันลดต้นทุน ใช้ดุมและขอบที่หนักกว่า Zipp 202/303/404 จุดเด่นของเฟรม R5 ดิสก์ที่ Cervelo บอกว่าสติฟกว่านั้น ยังรู้สึกไม่ค่อยได้ เพราะถึงเฟรมดิสก์จะเบากว่าเฟรมริมเบรค แต่พอประกอบเป็นคันแล้วมันหนักกว่านิดหน่อย อย่างไรก็ดี ฟีลลิ่งเวลาลงเขานั้นมั่นใจยิ่งกว่าตัวริมเบรค เพราะดิสก์เบรคให้ฟีลชะลอดีกว่า และล้อ Zipp ก็เป็นล้อขอบอ้วนที่มากับยาง Continental หน้ากว้าง ได้ฟีลหนึบกว่าล้อ Ksyrium เยอะครับ

เฟรมดิสก์จะขี่สบายกว่าเฟรม R5 ริมเบรคเพราะซีทสเตย์มันให้ตัวได้เยอะกว่า (ไม่ต้องติดตั้งเบรคตรงนั้นแล้ว) บางจังหวะซีทสเตย์นี่ยุบแบบรู้สึกได้ มันก็จะฟีลแปลกๆ ครับ แต่ช่วยเรื่องความสบายที่ผมเฉยๆ กับตัว R5 ธรรมดา

อย่างไรก็ดี เฟรมดิสก์นี่ต้องประกอบดีๆ ครับ เพราะรถตัวเทสต์เรานี่ก็มีเสียงก็องๆ แก๊งๆ มีอะไรสั่นอยู่ในรถ อาจจะเป็นการเดินสายหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ก็จะมีความจุกจิกตรงนี้เพิ่มเข้ามา แต่ถ้าวัดกันที่ประสิทธิภาพโดยรวม R5 Disc ชนะ R5 แน่นอน แค่เรื่องความสบายก็กินละ

Cervelo R3

สิ่งที่แปลกใจมากคือ Cervelo R3 นี่ขี่ไม่เหมือน R5 เลยครับ เป้าการออกแบบของ Cervelo คือ R3 จะเป็นรถที่เหมาะกับ “มือสมัครเล่น” มากกว่า มีระยะ stack สูงกว่า ท่าปั่นก็จะรีแลกซ์ไม่ก้มเท่าตัว R5 และสำคัญสุดคือฟีลรถมันนิ่มกว่า R5 อย่างเห็นได้ชัด (แต่ไม่ใช่ว่าย้วยนะ) ชัดๆ คือมันซับแรงสะเทือนดีกว่าครับ

พอถามกราแฮม วิศวกรของ Cervelo เขาก็บอกว่า เป็นความตั้งใจ นักปั่นอาชีพไม่ได้แคร์เรื่องความสบายมากนัก เพราะปกติก็ใช้ล้อยาง Tubular แข่งซึ่งฟีลนิ่มดีกว่าล้อยางงัดที่คนส่วนใหญ่ใช้อยู่แล้ว และโปรอยากได้ฟีดแบคถนนเยอะๆ แบบปั่นทับเศษหินก้อนเดียวก็รู้สึกได้อะไรแบบนั้น  แต่ใน R3 จะลดฟีดแบคถนนลง สำหรับมือสมัครเล่นที่อาจจะยังบังคับรถได้ไม่นิ่งหรือมั่นใจมากนักก็จะอุ่นใจกว่า เวลาเจอถนนไม่ดีก็จะรู้สึกเอาอยู่

ด้วยน้ำหนักที่มากกว่า เมื่อเทียบอัตราเร่งแล้ว R3 ก็ไม่ทันใจเท่า R5  แต่ก็ทำได้ดีมากเมื่อเทียบกับเฟรมอื่นๆ ครับ เหลือใช้แน่นอน

อย่างไรก็ดี Cervelo R3 ไม่ได้มากับแฮนด์คาร์บอนครับ เป็นแฮนด์อลูทรงเดียวกัน แต่ก็จะเก็บแรงสะเทือนได้ไม่ดีเท่า และหนักกว่า

สรุป

Cervelo R Series เจเนอเรชันใหม่เป็นแพลตฟอร์มที่คิดมาดีครับ ก่อนหน้านี้ความต่างของ R5 และ R3 (รวมถึง S5/ S3) คือน้ำหนักและราคา ในเจนใหม่ Cervelo แยกตระกูล 3 และ 5 ออกจากกัน สำหรับการใช้งานและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ต่างกัน 5 เป็นรถสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความสุดทุกอย่าง (คนธรรมดาก็ซื้อได้ล่ะนะ) แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะเหมาะกับการใช้งานของคนธรรมดา ที่ R3 ก็เหลือใช้และราคาถูกกว่าด้วย กราแฮมบอกว่าคุณอาจจะไม่ชอบ R5 ก็ได้ เพราะมันก็ไม่ได้ซับแรงสะเทือนได้ดีเหมือน R3 ถึงมันจะพุ่งกว่า และหลายๆ คนก้มขี่เซ็ตติ้งรถในท่าเดียวกับโปรไม่ได้

ฟีลรถโดยรวมขี่สนุกกว่ารุ่นก่อนครับ ถึง Cervelo จะพยายามฉีกกฏจากการออกแบบที่อิงกับ performance อย่างเดียว มาสนใจด้านฟีลลิ่งและอารมณ์ร่วม แต่ส่วนตัวผมก็ยังมองแบรนด์ Cervelo เป็นแบรนด์​ performance & innovation อยู่ดี คือแบรนด์มันก็ยังใหม่ด้วยแหละ ยังไม่มีความ epic แบบ Pianrello, Bianchi น่ะนะ อันนี้คงไปแก้กันด้วยมาร์เก็ตติ้ง และเป็นรสนิยมส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพรถครับ

แฮนด์และสเต็มใหม่ดูเข้ากับรถและให้ฟีลพรีเมียมกว่า แฮนด์ใหม่จับได้สบายมากครับ

ในด้านประสิทธิภาพ R5 นี่ไม่มีอะไรให้ติมาก ดีงามตามระดับราคาไฮเอนด์ คาแรคเตอร์คือพุ่งมากและนิ่ง ว่องไวแต่ไม่ให้ฟีล ‘planted’ หรือหนึบแน่นเหมือนรถอิตาเลียน (ล้อและยางที่มากับรถทดสอบน่าจะมีผลกับส่วนนี้ครับ) R3 ก็จะสบายกว่าหน่อยแต่ไม่พุ่งเท่า ขี่สบายกว่าเพราะไม่ก้มเยอะเท่า ราคาดีกว่า

เรื่องสีสันและ finishing ผมว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ แต่สียังดูจืดๆ อยู่และมีให้เลือกน้อย คือมีแค่รุ่นละ 2 สี: R5 มีแค่สีดำ-เขียว (สีทีม DD) , ดำเขียวสะท้อนแสง R3 มีสีกรมท่า-แดง และเขียวสะท้อนแสงทั้งคัน (ยังไม่เปิดตัว)

สเป็คที่ให้มาผมว่าทำดีกว่าเจนก่อน คือให้กรุ๊ป Shimano/ SRAM มาแบบ full set ไม่ตัดขาจาน แฮนด์ สเต็มเป็น FSA แล้ว ล้อ completed bike หลายๆ รุ่นก็ใช้ได้แบบไม่ต้องเปลี่ยน ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าราคาเพิ่มขึ้นหรือเปล่า เพราะยังไม่ได้ราคาไทยครับ ถ้าได้แล้วจะมาอัปเดตอีกที

* * *

ขอบคุณ​ Cervelo และ Bike Zone ตัวแทนจำหน่ายที่ชวนเราไปทดลองปั่นกันไกลถึงยุโรปครับ
Photo: Robin Smicht, Thienthai Sangkhaphanthanon

* * *

Gallery

รูปทรง R5 เป็นรถทรง traditional เรียบง่าย และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้อะไหล่ integrated เพื่อให้เจ้าของรถปรับจูนท่านั่งได้สะดวกและสบายที่สุด
เฟรมใหม่รองรับล้อและยางกว้างขึ้นมาก เวอร์ชันริมเบรครองรับยางกว้าง 28mm (ถูกจำกัดโดยเบรค) ส่วนเวอร์ชันดิสก์เบรคใส่ได้ถึง 38mm
รัดหลักอานแบบใหม่ มีชิ้นยางใช้ปิดครอบจุดยึดขันเพื่อความสวยงาม
แฮนด์และสเต็มใหม่ที่ Cervelo ออกแบบเอง เป้าหมายคือคุมฟีลลิ่งการปั่นของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด ถึงซื้อจักรยานที่ออกแบบดีแต่ใช้แฮนด์ที่ไม่เข้ากับสรีระก็ทำให้รถคันนั้นขี่ไม่สบายได้ง่ายๆ

Frontend แบบคลีนๆ ถึงจะไม่ใช่เฟรมแอโร แต่ Cervelo ออกแบบให้เป็นเฟรม all round ที่ลู่ลมด้วย

Shimano Dura-Ace 9100 เปลี่ยนเกียร์ไม่งอแง ไว คม ตามสไตล์ Shimano และ finish สวยดูแพงครับ
R3 มาในสี navy-red ดุดันไปอีกแบบ
Ultegra R8000 แบบชัดๆ 🙂
เฟรม R5 และ R3 ทุกคันมากับตัวกันโซ่กระแทกเชนสเตย์ที่ทำจาก pvc สามารถถอดออกได้ถ้าไม่ชอบครับ

แฮนด์และสเต็มอลูมิเนียมของ Cervelo หนักกว่ารุ่นคาร์บอนเล็กน้อยแต่รูปทรงใกล้เคียงกัน
R3 ใช้รัดหลักอานธรรมดา
Cervelo R5 Disc
R5 Disc eTap HRD + Zipp 302

Sram Red eTap
Sram Red eTap HRD ขนาดฮู้ดเล็กลงกว่าเดิม ถึงจะไม่บางเล็กเท่าตัวริมเบรคแต่ก็ทำได้ดีกว่ารุ่น HydroR ที่ออกมาเมื่อสองปีก่อน
ซีทสเตย์เฟรมดิสก์ให้ตัวได้เยอะ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *