รีวิว: Specialized S-Works Venge ViAS

เราอาจจะนึกถึงจักรยานที่ชนะมาหลายสนามอย่าง Specialized S-Works Tarmac แต่เชื่อไหมครับว่าสิ่งที่ทำให้ผมชอบ Specialized ไม่ใช่จักรยานเลย แต่มันคือ accessories ต่างๆ อย่างหมวก, รองเท้า, ถุงมือ และเบาะจักรยาน Spe เป็นบริษัทที่ทำสินค้าพวกนี้ดีมาก มันบ่งบอกให้เห็นว่าเขาใส่ใจไม่ใช่แค่การทำจักรยานดีๆ แต่ประสบการณ์ในการปั่นก็ต้องดีด้วย

ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้ Specialized โดดเด่นกว่าผู้ผลิตจักรยานยี่ห้ออื่นๆ คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือเทคโนโลยีและการตลาด คุณจะให้สัดส่วนด้านไหนมากกว่ากันคงต้องตัดสินใจกันเอง และ Specialzied S-Works Venge ViAS น่าจะเป็นตัวแทนของความเป็น Specialized ได้ดีที่สุด

ViAS เปิดตัวมาพร้อมกับแคมเปญ “ประหยัดเวลา 5 นาที” ที่ Specialized อ้างว่า หากคุณใช้จักรยาน ViAS และอุปกรณ์ทั้งหลายทั้งแหล่ที่มันแอโร่ลู่ลมแล้ว…คุณจะปั่นได้เร็วกว่าเดิม 5 นาทีทีเดียว…

เป็นการตลาดที่ฉลาดครับ เพราถ้าคุณไม่สังเกตให้ดีจะพบว่าส่วนที่ทำให้คุณไปได้เร็วที่สุดในสมการนี้ไม่ใช่จักรยาน Vias และล้อขอบสูงที่มากับรถช่วยคุณได้แค่สองนาทีกว่าๆ เท่านั้น ที่เหลือเป็นผลพวงของชุดปั่นลู่ลม, หมวก, และรองเท้า แต่นั่นแหละราวกับว่า Specialized ได้ผูกโยงคอนเซปต์ “ประหยัด 5 นาที” กับจักรยานคันนี้ไปเสียแล้ว

เรื่องความลู่ลมอะไรนั่น เอาจริงๆ ผมไม่ได้สงสัยเท่าไร พออ่านจากผลทดสอบของ 3rd party แล้ว ViAS ก็ลู่ลมประหยัดแรงไม่แพ้ Trek Madone 9, Canyon Aeroad, Scott Foil, Cervelo S5 และเสือหมอบแอโรเจนเนอเรชันใหม่หลายๆ คัน

ด้วยหน้าตาสุดอวกาศ ทั้งแฮนด์แบบยก, ถ้วยคอติด spacer ทรงหยดน้ำ เบรคฝังตะเกียบและเฟรมที่ทำงานในแนวขนานกับพื้นโลกและน้ำหนักเฟรมที่หนักกว่าคู่แข่งเอาหลายร้อยกรัม… มีหลายสิ่งให้ชอบ และมีหลายสิ่งให้เราต้องเกาหัวสำหรับ ViAS คันนี้

ยิ่งช่วงเปิดตัวที่นักปั่นอาชีพไม่ยอมใช้แข่ง ยิ่งทำให้เกิดคำถามในใจว่า ถ้ามันดีจริงอย่างที่อ้าง ทำไมนักปั่นเบอร์หนึ่งและเบอร์สองของคุณถึงไม่ยอมใช้!? แต่ถึงฤดูกาล 2016 คำถามนี้ก็ค่อยๆ หายไปจากหน้าอินเทอร์เน็ตเมื่อโปรทีมที่สปอนเซอร์โดย Specialized หันมาใช้กันมากขึ้น

แต่…เมื่อโปรทีมพวกนี้ ไม่ยอมใช้แฮนด์ integrarted ที่ Specialized อ้างว่าพัฒนามานานหลายปี และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดแรงต้านลม อย่างทีม Etixx เปลี่ยนมาใช้แฮนด์และสเต็มแยกชิ้นธรรมดา ที่มีสายระโยงระยางเหมือนเสือหมอบทั่วๆ ไป จึงเกิดคำถามใหม่ที่ว่า จริงๆ แล้วโปรให้ความสำคัญกับแอโรไดนามิกหรือความสะดวกสบายในการปรับจูนและซ่อมแซมมากกว่ากัน? ถ้ามองในแง่ลบนั่นคือชุดแฮนด์ของ Specialzied ไม่สะดวกและดีพอจะให้โปรใช้อย่างนั้นหรือ? หรือแค่ว่าสปอนเซอร์ FSA บังคับให้ Etixx ใช้ cockpit ของแบรนด์?

Aero อาจจะไม่ใช่ Everything และความเร็วมันอาจจะไม่ดีพอที่จะต้องแลกมากับความวุ่นวายอื่นๆ ในชีวิต แต่นั่นก็เป็นมุมของนักปั่นและทีมอาชีพ แล้วสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากจะใช้งานจะเป็นยังไง? ลองมาดูกันครับ

 

DESIGN

เฟรม

เฟรม S-Works Venge ViAS ยังคงเส้นสายโปรไฟล์คล้ายกับ Venge รุ่นเก่า Specialized อ้างว่าระหว่างที่คิดพัฒนาเฟรมนี้เขาไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงให้ “เฟรม” ต้านลมน้อยที่สุด แต่คิดถึงระบบจักรยานโดยรวมทั้งคัน ซึ่งทำให้ต้องเอาปัจจัยอย่างค็อกพิท ล้อ ยาง เบรค บริเวณยึดขากระติก มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้โจทย์แอโรไดนามิก ไม่ได้พัฒนาแยกส่วนกันเหมือนที่ผ่านมา

บริเวณท่อ downtube (ท่อล่าง) ประกอบไปด้วยรูปทรงแอโร่สองส่วนประกบกัน มาร์ค โคท หนึ่งในผู้พัฒนาเฟรม Venge บอกว่า บริเวณท่อ downtube ด้านบนนั้นทำงานไม่เหมือนส่วนล่าง เพราะถ้าจะให้มันต้านลมน้อยที่สุด มันต้องมีโปรไฟล์ทรงท่อสอดรับกับล้อ เบรคและตะเกียบ เพื่อให้ลมไหลผ่านได้ลื่นไหลที่สุด ขณะที่ส่วนล่างของ downtube นั้นมีหน้าที่ส่งต่อลมให้ไหลผ่านได้อย่างราบรื่นไปยังส่วนหลังของจักรยาน รูปร่างโปรไฟล์ท่อก็ควรจะต่างกันเพื่อให้ทำงานได้ดีที่สุด

ผลลัพธ์คือทรงท่อ downtube ที่ดูคล้ายกับนาฬิกาทราย ด้านบนเป็นทรงแหลมคมให้รับลมปะทะได้ราบรื่นและเป็นชิ้นเดียวกับส่วนตะเกียบ ล้อและเบรค integrated แต่ป้านออกในส่วนล่างเพื่อรองรับเข้ากับโปรไฟล์ช่วงหลังของรถและให้รองรับจุดยึดกระติกน้ำทั้งสองจุด

ท่อคอมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดแรงปะทะลมด้านหน้า

 

 เบรค

ส่วนที่แปลกประหลาดที่สุดในจักรยานคันนี้คงหนีไม่พ้นเบรคแบบ integrated ที่วางตำแหน่งในแนวนอนหลังตะเกียบหน้าและท่อนั่ง (seat tube) จักรยานแอโร่แทบทุกรุ่นที่ใช้เบรคแอโร่ลักษณะนี้มีปัญหาเหมือนกันสองประการคือ 1. เบรคที่ให้มามีกำลังเบรคแย่กว่าเบรคกรุ๊ปเซ็ตทั่วๆ ไป เสียหายง่ายและซ่อมลำบาก 2. ไม่ได้ช่วยให้แอโร่ขึ้นกว่าเดิมนัก

Specialized อ้างว่าเบรครุ่นใหม่ที่มากับ Venge นั้นไม่มีผลต่อแรงต้านลมเลย (zero drag) และพัฒนาให้ทำงานได้ดีเทียบเท่า Shimano Dura-Ace ซึ่งขึ้นชื่อว่าเบรคได้หนึบและมีฟีลลิ่งการเลียเบรคดีที่สุดในวงการ เบรคทั้งคู่มี power curve ในการเบรคคล้ายๆ กัน นอกจากเบรคดีไซน์นี้จะหลบลมแล้ว ยังไม่ต้องเพิ่มเนื้อวัสดุในจุดที่ยึด เพราะตำแหน่งหลังตะเกียบและหลังท่อนอนเป็นจุดที่มีความแข็งแรงที่สุดในจักรยาน และเลือกที่จะไม่ยึดเบรคใต้กระโหลกเพราะเป็นตำแหน่งที่เจอความเร็วลมสูงยิ่งกว่าจุดอื่นๆ ในเฟรม

เบ็ดเสร็จแล้วน้ำหนักเฟรมที่ไซส์ 56cm อยู่ที่ราวๆ 1,140g ไม่แย่

 

Cockpit

Venge ViAS review-1-2

อีกหนึ่งจุดที่มีรูปร่างต่างไปจากจักรยานคันอื่นๆ ก็คือค็อกพิท แฮนด์ สเต็ฒ Aerofly ที่ไม่ใช่แฮนด์ตรงๆ ทั่วไป

จากผลการทดสอบในอุโมงค์ลม Specialized พบว่าสเต็มที่ตำแหน่ง -17 องศา (ขนานพื้น) ให้ผลการลู่ลมดีที่สุด แต่ถ้าจะทำแฮนด์สเต็มชิ้นเดียวแบบแบรนด์อื่นๆ หมายความว่าบริษัทต้องผลิตทั้งแฮนด์และสเต็มหลายสิบขนาดเพื่อให้ฟิตนักปั่นได้ทุกคน

สำหรับผู้ซื้อ Venge ViAS จะมีตัวเลือกแฮนด์สองรูปแบบ (แบบแบน เหมือนแฮนด์ Aerofly ที่มีขายตอนนี้ และอีกแบบเป็นทรงปีกนกที่ยกสูงขึ้น 25mm) สำหรับระยะ stack จะใช้ spacer ในการเพิ่มหรือลดแทน

ค็อกพิทร้อยสายภายในทั้งหมด สเต็มที่ใช้เลือกปรับองศาแฮนด์ได้ +/- 6 องศา ซึ่งดูแล้วการเซ็ตอัปน่าจะลำบากช่างประกอบรถไม่น้อย Specialized เชื่อว่าระบบค็อกพิทนี้ใช้ไม่ยาก แต่ในการออกแบบบริษัทให้ความสำคัญเรื่องลดแรงต้านลมมากกว่าความสะดวกในการประกอบและปรับแต่งรถ

การเดินสาย

จุดเด่นของเฟรม ViAS คือไม่มีสายเคเบิ้ลโผล่ออกมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว แน่นอนว่าการเดินสายแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วเขาออกแบบมายังไง?

หัวใจสำคัญคือสเต็มพิเศษที่ Specialized ใช้เวลาพัฒนาถึง 5 ปี ซึ่งเจ้าสเต็มกลวงตัวนี้มีพื้นที่ภายในสเต็มไว้เป็นทางผ่านของสายเกียร์ สายเบรค และสายไฟ Di2

ถ้าคุณใช้เกียร์ไฟฟ้า Di2 ในสเต็มจะมี junction box ตัวเล็กที่ใช้เสียบสาย E-Tube สามเส้น สองเส้นเป็นสายจากมือเกียร์แต่ละข้างและอีกเส้นยาวผ่านท่อล่างลงไปเชื่อมกับ Junction box ตัวหลักที่อยู่ในกระโหลก

สายเบรคที่เดินผ่านสเต็มจะต้องถอดปลอกสายออกก่อน เพื่อร้อยผ่านท่ออ่อนอีกทีนึง จะได้ผ่านจุดพับแบบมีแรงเสียดทานน้อยที่สุด สายเบรคหน้าเดินร้อยลงผ่านซางไปยังขาตะเกียบขวาที่ยึดเบรคอยู่ สายเบรคหลังเดินผ่านสเต็มและอ้อมหลังซางผ่านไปยังท่อนั่งของเฟรม ซึ่งจะมีปลอกสายรองรับไปเชื่อมต่อกับตัวก้ามเบรคอีกที

Main Junction Box จะติดตั้งไว้ใต้กระโหลก ซึ่งเปิดฝาปิดเสียบชาร์จไฟได้ง่าย ใช้ประแจ 2.5mm ธรรมดา แต่แน่นอนว่าถ้าจะปรับจูนเกียร์ก็คงไม่สะดวกอย่างเฟรมที่เก็บ junction box ไว้ใต้สเต็ม (ซึ่งสายเกะกะ รก ไม่ลู่ลม)Venge ViAS review-1-10

REVIEW

ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีไซน์ Venge ViAS มีอะไรให้พูดถึงเยอะ แต่คำถามคือใช้งานจริงเป็นยังไง?

สเป็ค ViAS ที่เราได้มาเป็นรถตัวท็อป อะไหล่จัดหนักทุกชุด รถมากับล้อ Roval CLX 64 และยาง Specialized Turbo หน้ากว้าง 25mm ชุดเกียร์ Shimano Dura-Ace Di2 9070, ชุดจาน S-Works และพาวเวอร์มิเตอร์ Quarq กับเบาะ Specialized Power เรียกได้ว่าสุดทุกอย่างไม่มีอะไรที่ต้องอัปเกรดกันแล้ว แน่นอนราคาก็ไม่ถูก ถ้าอยากได้สเป็คนี้ต้องจัด 4xx,xxx บาท

ฟิต

ถึงจะเป็นเสือหมอบแอโรลู่ล่มแต่ Venge ViAS ใช้องศาและมิติรถ (geometry) แบบเดียวกับ S-Works Tarmac ทั้งหมด อัตราส่วนระหว่าง stack:reach ในไซส์ 49 ที่ทดสอบอยู่ที่ 1.308 ไม่ก้มไม่เหยียดจนเกินไป เป็นฟิตรถแข่งแต่ก็สามารถเซ็ตให้นั่งปั่นสบายได้ แต่ต้องบอกว่าฟิตนี้มากับแฮนด์แบบ riser นะครับ ไม่ใช่แฮนด์ flat top นั่นหมายความว่าถ้าคุณอยากซิ่งเหมือนปีเตอร์ซากาน ก้มจับดรอปลึกๆ ปั่นท่าหลังแบนลู่ลม ก็เลือกแบบนั้นได้เช่นกัน โดยรวมแล้วฟิตไม่ยากครับ แต่รถราคาขนาดนี้ควรไปทำฟิตติ้งหาไซส์ที่ถูกต้องมาก่อน เพราะเวลาซื้อต้องเลือกขนาดแฮนด์และสเต็มให้พอดีด้วย

 

ฟีล: 4/5

Venge ViAS ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับ S-Works Tarmac มากกว่า S-Works Venge รุ่นเก่า ฟีลลิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคือเป็นเสือหมอบแอโร่ที่ขี่สบายครับ รถซับแรงสะเทือนดีกว่า Venge เก่าอย่างเห็นได้ชัดถึงจะยังใช้หลักอานแอโร่และใช้ท่อรูปทรงแอโรยิ่งกว่าตัวเก่า ต้องบอกว่าทำการบ้านมาดีในจุดนี้ ความสามารถในการลดแรงสะเทือนจากท้องถนนใกล้เคียงกับเสือหมอบแอโรเจนใหม่หลายๆ คันที่ผมเคยลองปั่น (Canyon Aeroad, Pinarello Dogma F8, Cervelo S5, Felt AR FRD) แต่อาจจะยังไม่เท่าจักรยานที่มีระบบซับแรงสะเทือนในตัวอย่าง Trek Madone 9 หรือรถสายไต่เขาที่เด่นเรื่อง comfort อยู่แล้ว

ผมเทสต์รถบนถนนเส้นเทียนทะเลซึ่งบางจุดไม่ได้เรียบมาก มีจังหวะสะเทือนบ้างเวลารูดหลุมเล็กๆ แฮนด์ aerofly ซับแรงดีกว่าแฮนด์ Canyon Aero H11

อย่างไรก็ดี จักรยานที่ทดสอบมากับยางกว้าง 25mm ตัวท็อปของ Specialzied – ยาง S-Works Turbo ตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสบายอยู่แล้ว (หลายคนบ่นว่านิ่มเกิน จนเสียฟีลล้อและเฟรมที่มันสติฟมากๆ) ถ้าใช้ยางอื่นที่ไม่ได้นิ่มมาก อาจจะสะเทือนกว่าที่คิดครับ

 

การตอบสนองแรง: 4.5/5

ห้องกระโหลกแน่นหนาดี ยกขึ้นสปรินต์ กระทืบ ย่ำไม่มีอาการหน่วงให้เห็น ต้องบอกว่าหมอบแอโร่เจนใหม่ๆ แก้ปัญหาอาการห้องกระโหลกกับช่วงหลังย้วยได้หมดแล้ว ViAS ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็ยังมีความรู้สึกไม่ “ว่อง” เท่าหมอบสายไต่เขา ไม่น่าแปลกใจเพราะเฟรมค่อนข้างหนัก และถ้าใครเคยปั่นรถแอโร่กับไม่แอโร่เทียบกัน น่าจะเข้าใจฟีลที่หมอบแอโรมันยังไม่ปรู๊ดปร๊าด วื้ดๆ เหมือนเฟรมไต่เขา แต่นั่นก็มาจากดีไซน์ครับ เป็นคาแรคเตอร์คนละแบบที่แตกต่างกันชัดเจน

การออกตัวระเบิดพลังที่ความเร็วต่ำๆ ยังรู้สึกว่าไม่ทันใจนัก (เฟรมหนัก ล้อขอบสูง 64mm) แต่เมื่อตั้งความเร็วตั้งรอบได้แล้วระเบิดพลังสปรินต์ รถนิ่ง แน่น ติดพื้น กระทืบได้สะใจมาก ผมว่ามันฟีลที่ออกแบบมาให้นักปั่นอย่างคิทเทลและคาเวนดิชโดยเฉพาะ  ที่มีหัวลากช่วยทำความเร็วเริ่มต้นแล้วระเบิดพลังสปรินต์หน้าเส้นชัย

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างแบบเห็นชัดๆ เรื่องฟีลลิ่งของรถ ผมว่ารถแอโร่ส่วนใหญ่ในตลาด (รวมถึง ViAS ด้วย)มันให้ฟีลเหมือนเราเหวี่ยงดาบใหญ่ ในขณะที่เฟรมไต่เขามันจะได้ฟีลเหมือนถือมีดผ่าตัด อย่างหลังมันให้ความรู้สึก “คม” (precision) ในการบังคับควบคุม กดกระชากมากกว่า – ไม่มีแบบไหนดีกว่ากัน

 

การควบคุม: 4.5/5

เราไม่ได้เทสต์รถลงเขา เพราะเส้นทางไม่เอื้ออำนวยและไม่มีเวลาทดสอบมากนัก แต่การเข้าโค้ง บังคังควบคุมโดยทั่วไปไม่มีข้อติอะไร รถให้ฟีลแน่นมั่นคงดี แต่องศา stem angle ชันๆ แบบนี้บางทีทำให้รู้สึกน้ำหนักลงบริเวณหน้ารถมากเกินไปนิดนึง

 

ไหลมั้ย?

คงไม่ถกเถียงเรื่องความลู่ลมเพราะเราไม่มีอุโมงค์ลมให้ทดสอบและไม่มีเวลาขี่เทียบกับเฟรมไม่แอโร่อย่าง Tarmac แต่จับฟีลได้ชัดว่ารถแหวกลม คงความเร็วได้ดีโดยไม่ต้องเพิ่มเติมแรงเยอะครับ โดยเฉพาะที่ความเร็ว 35 เป็นต้นไปจนถึง 40 นิดๆ บวกกับแฮนด์แบบยกที่ทำให้ก้มจับดรอปได้ไม่ยาก รักษาท่าปั่นแอโร่ได้ต่อเนื่อง เป็นรถที่ขี่เร็วๆ สนุกมาก และเวลามีลมข้างเยื้องหลังมาปะทะนิดๆ ยิ่งสบายเท้า เพราะทั้งล้อและทรงท่อเฟรมทำงานเหมือนใบเรือ ผลการทดสอบจาก Tour Magazine ที่มี protocol การทดสอบที่น่าเชื่อถือได้ให้ Madone 9 และ ViAS มีค่าความลู่ลมใกล้เคียงกัน เร็วกว่าทุกยี่ห้อ และเร็วกว่า  Cervelo S5 1 วัตต์

โดยรวมแล้วก็เป็นจักรยานแข่งขันเจนใหม่ที่ยำออกมาได้ลงตัวมากคันหนึ่ง ฟีลลิ่งการขี่ไม่มีอะไรให้ติ ไม่น่าผิดหวัง จะมีก็ตรงที่น้ำหนัก ที่ยังเร่งได้ไม่สะใจมาก (แต่สติฟดีนะ)

ล้อ: ล้อที่ให้มา Roval CLX 64 clincher ใช้โปรไฟล์ขอบล้อจาก HED (Spe ซื้อไลเซนส์มาอีกที) และใช้ไส้ในดุมจาก DT Swiss ล้อไม่กระด้าง ตัดลมสู้ลมตามสไตล์ล้อแอโรขอบอ้วน แต่ฟีลลิ่งเบรคน่าจะทำได้ดีกว่านี้Venge ViAS review-1Venge ViAS review-1-3Venge ViAS review-1-8

สิ่งที่ไม่ชอบ

เบรค: ต้องบอกอย่างนี้ก่อน เบรค ViAS เซ็ตอัปยาก และต้องรู้วิธีเซ็ตที่ถูกต้อง เบรคหน้าต้องผ่านการขดหักงอของสายเบรคถึง 6 ครั้ง ด้านหลังต้องงอ 4 ครั้ง นั่นหมายความว่าจะเซ็ตให้ดีแค่ไหน มันไม่สามารถให้ฟีลเบรคที่นิ่มนวลเหมือนเบรคธรรมดาแน่นอนครับ และการที่มันต้องคดงอหลายครั้ง ฟีลลิ่งการจับก้ามเบรคเลยไม่นิ่มนวลสมูทมากนักเพราะมีแรงเสียดทานเยอะ

Venge ViAS review-4

เราไม่ได้เทสต์กันแบบ long term เลยไม่รู้ว่าถ้าขี่ไปนานๆ แล้วสายเบรคเริ่มเสื่อม ฝุ่นเกาะ สายเริ่มยืด มันจะมีอาการยังไงบ้าง

แต่ถ้าเซ็ตได้ดี เบรคให้แรงเบรคที่ดีพอสมควร ไม่เท่า Dura-Ace และฟีลลิ่งการเลียยังไม่เท่าเบรค Direct Mount ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ได้ดีเด่อะไร  เอาจริงๆ มันก็คือ V-Brake ธรรมดาๆ นี่แหละครับ แค่วางอยู่ในตำแหน่งที่ป้องกันล้อสีขอบเบรคได้ดีที่สุดแค่นั้นเอง

อีกอย่างคือ เบรคตัวนี้คุณไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งผ้าเบรคได้ มันเลื่อนให้รองรับล้อขนาดความกว้างต่างๆ ได้ แต่การเลื่อนตำแหน่งผ้าเบรคไม่ได้นี่ก็อาจจะทำให้บางคนรำคาญใจ ตำแหน่งที่ให้มาก็น่าจะใช้ได้กับล้อทุกประภท

 

สรุป

เอาจริงๆ แล้ว Venge ViAS เป็นรถที่สรุปยาก มีทั้งจุดที่ชอบมากและเซ็งมาก

ส่วนตัว ผมว่ามันเหมือนรถ concept bike ที่ออกแบบมาเพื่อจุดมุ่งหมายเดียว – ไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด – และเหมือนเป็นสินค้าที่พิสูจน์เทคโนโลยีและความคิดหลายๆ อย่างของ Specialized กลายมาเป็น halo/ flagship product ที่บ่งบอกว่า ฉันก็ทำจักรยานไฮเทคได้ดีไม่แพ้ใคร

ถามว่ามันขี่ดีมั้ย ก็ต้องบอกว่ามีข้อติน้อยมากในเรื่องฟีลลิ่งการปั่นสำหรับเสือหมอบประเภทแอโร่ แน่นอน ไม่ได้ไต่เขาวับๆ ว่องๆ เหมือนเฟรมเบาๆ แต่เรื่องความลู่ลม ความไหลที่ได้มามันทำให้ผมรู้สึกอยากปั่นเร็วๆ ตลอดเวลา เป็นรถที่ขี่เร็วแล้วสนุก เหมือนเอารถ Time Trial มาผสมกับการควบคุมของเสือหมอบเลยก็ว่าได้

แต่ก็ยังติดเรื่องฟีลลิ่งเบรค เอาเบรคมาวางไว้ตรงตะเกียบกับท่อนั่งมันแอโร่จริงมั้ย ก็คงจะจริง แต่มันน่าปวดหัวยิ่งกว่าการดูแลเบรค direct mount ที่ซ่อนไว้ใต้กระโหลกเสียอีก และฟีลลิ่งเบรคก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น แถมซื้อเปลี่ยนเป็นรุ่นอื่นไม่ได้ด้วย

Venge ViAS ไม่ใช่จักรยานที่เพอร์เฟ็ค มันมีจุดเด่นของมันชัดเจน แต่จุดอ่อนก็มีเช่นกัน ถ้าคุณชอบค่าย Big S อยากได้เสือหมอบแอโรประสิทธิภาพครบครัน ไม่มีสายเกะกะกวนใจ ได้ลุคคลีนๆ และยอมรับข้อเสียของมันและราคาค่าตัวได้ ก็ไม่น่าจะผิดหวังครับ

9/10

ตัวแทนจำหน่าย: Sport Bicycle
ราคา: สอบถามตัวแทนจำหน่าย

Gallery

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

2 comments

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *