ศึก GC เมื่อวานอยู่ที่การชิงแชมป์รายการระหว่างวินเชนโซ นิบาลี (Astana) และเอสเตบาน ชาเวซ (Orica-GreenEdge) กับการชิงโพเดี้ยมของสตีเวน เคราซ์เวก (LottoNL-Jumbo) และอเลฮานโดร วาวเวอเด้ (Movistar)
สำหรับนิบาลีที่ต้องการเวลาแค่ 44 วินาทีเพื่อชิงเสื้อชมพูจากชาเวซ ทีม Astana โชว์ความเก๋าเกมวางแผนรับมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ นิบาลีเก็บแรงไว้ทางขึ้นเขาลูกที่สาม Col de la Lombarde ปล่อยให้มิเคลี สคาร์โพนี เพื่อนร่วมทีมและอดีตแชมป์ Giro 2011 เป็นคนเซ็ตเพซจนกลุ่มที่ตามมาหลุดร่วงเหลือแค่ตัวเต็งไม่กี่คน นิบาลีหันกลับไปเห็นชาเวซที่สภาพเริ่มไม่ไหว ตัดสินใจโจมตีกลุ่มตรงนี้ จนหลุดไปทั้งวาวเวอเด้และชาเวซ
ถึงจะหลุดไปได้คนเดียวแล้ว นิบาลียังตามไปทันเพื่อนร่วมทีม ทาเนล แคงเกิร์ทที่หนีไปกับกลุ่มเบรคอเวย์ช่วงแรกของวัน ส่วนชาเวซได้เพื่อนร่วมชาติแต่ต่างทีม ริกโอเบอร์โต อูราน (Cannondale) ขึ้นมาช่วยทำความเร็ว แต่ก็ไม่ดีพอที่จะสู้นิบาลี ที่ทำเวลาห่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าเส้นชัยก่อนชาเวซ 1.40 นาทีเต็ม กลายเป็นผู้นำเวลารวมคนใหม่และว่าที่แชมป์รายการ (ถ้าไม่มีอุบัติเหตุในสเตจสุดท้าย)
ด้านหน้ากลุ่มเป็นเรน ทาราแมร์ (Katusha) จากเบรคอเวย์ที่หนีไปคว้าแชมป์สเตจ และทีม Sky เองก็ไม่ยอมกลับบ้านมือเปล่า ส่งมิเคล เนียเว ไล่เก็บแต้มเจ้าภูเขาจนทำคะแนนนำดามิอาโน คูเนโก ได้สำเร็จ
สำหรับเคราซ์เวก (LottoNL) ปั่นได้ดีถึงแม้จะซี่โครงร้าว แต่สุดท้ายเมื่อนิบาลีโจมตีก็หลุดกลุ่มไป จนวาวเวอเด้ (Movistar) ขึ้นมาแทนอันดับโพเดี้ยมของเขา เคราซ์เวกต้องกลับบ้านมือเปล่า ไม่มีทั้งแชมป์สเตจและอันดับโพเดี้ยม overall ใน Giro ที่เขาเกือบจะได้แชมป์ แต่พลาดไปด้วยการตัดสินใจพลาดและความประมาทเพียงเสี้ยววินาที
สำหรับวาวเวอเด้ ถึงจะได้แค่โพเดี้ยม แต่ทำให้เขาได้โพเดี้ยมในแกรนด์ทัวร์ครบทุกรายการทั้ง Giro, Tour, และ Vuelta
ผลการแข่งขัน
สรุป
สเตจสุดท้ายวันนี้ เปโลตองจะกลับเข้าสู่อิตาลีผ่านทางช่องเขา Po Valley เพื่อปิดการแข่งขันในเมือง Turin
ถ้าดูฟอร์มของนิบาลีสองสัปดาห์ก่อน คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะมีโอกาสได้แชมป์ ด้วยฟอร์มการปั่นที่ไม่พร้อมสู้และเวลารวมที่หลุดอันดับลงทุกวันๆ แม้แต่เจ้าตัวก็สารภาพว่าตัวเองคงทำได้แค่แชมป์สเตจแล้ว ไม่หวังแชมป์รายการ
แต่จะบอกว่านิบาลีได้แชมป์เพราะเคราซ์เวกล้มนั้นก็ดูจะใจร้ายกับเอซทีม Astana จนเกินไปครับ การที่นิบาลีขึ้นนำบนทางขึ้นเขาในสเตจ 19 และเป็นคนแรกที่เริ่มดิ่งลงเขา ผมว่าจังหวะนั้นคือจุดตัดสินเกมการแข่งขันเลย เพราะวินาทีที่คู่แข่งคนอื่นรู้ว่านิบาลีขึ้นถึงยอดและลงเขาก่อนใคร มันสร้างความกดดันทันที จากที่นิบาลีเป็นคนที่ลงเขาได้เร็วมาก จนอาจจะทำเวลาห่างคู่แข่งได้ มันบังคับให้คู่แข่งต้อง “เสี่ยง” ในจังหวะลงเขา เข้าโค้งหรือเลือกไลน์ที่ไม่ถนัด เพื่อไม่ให้เสียเวลาให้นิบาลี อาจจะพูดได้ว่ามันเป็นการกระตุ้นให้เคราซ์เวกประมาท และทำให้ซาคารินต้องเสี่ยงจนล้มก็เป็นได้
แชมป์ Giro ครั้งนี้จะเป็นแชมป์แกรนด์ทัวร์ครั้งที่ 4 ของนิบาลี (2x Giro, 1x TDF, 1x Vuelta) และเป็นการกลับมาของแชมป์ Giro โดยชาวอิตาลี หลังจากที่เสื้อชมพูถูกยึดไปโดยโคลอมเบีย (คินทานา 2014) และสเปน (คอนทาดอร์ 2015)
ถึงชาเวซและเคราซ์เวกจะไม่ชนะ แต่มันก็ทำให้เห็นดาวรุ่ง GC คนใหม่ที่น่าจะขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นในปีสองปีนี้ครับ
วิดีโอไฮไลท์
