Stage 9: Montenero di Bisaccia — Blockhaus, 149KM
ถ่ายทอดสด: 19:00-22:00 ที่ duckingtiger.com/live
สเตจ 9 ใน Giro d’Italia ปีนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสเตจที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด และอาจจะมีผลกระทบต่ออันดับเวลารวมยาวไปจนถึงวันสุดท้ายของรายการก็เป็นได้ครับ ระยะทางวันนี้สั้นเพียง 149 กิโลเมตร แต่ภูเขาลูกสุดท้ายที่ชื่อ Blockhaus นี่น่าจะทำให้ตัวเต็งบางคนต้องฝันสลายได้เลย
ในสเตจ 4 ระหว่างทางขึ้นภูเขาไฟ Mt.Etna นั้นเราไม่ได้เห็นศึก GC อย่างที่หลายๆ คนคาดหวังไว้ นั่นก็เพราะมีกระแสลมต้านแรงทำให้ตัวเต็งไม่สามาถรออกแรงหนีกันได้อย่างเต็มที่ เสื้อชมพูผู้นำเวลารวมยังคงอยู่กับ บ็อบ ยุงเกลส์ (Quickstep Floors) มาหลายวัน แต่ Blockhaus นี่เส้นทางยากกว่า Etna ชันกว่าและท้าทายกว่า ซึ่งคงไม่มีการที่ตัวเต็งจะเกาะกลุ่มกันได้จนถึงเส้นชัยแน่นอน
นี่คือโปรไฟล์ของสเตจวันนี้ครับ สังเกตว่าความท้าทายอยู่ที่ช่วงปลายสเตจล้วนๆ มีภูเขาสั้นๆ (Chieti) ที่กิโลเมตร 91.2 ให้เบรคอเวญ์ได้ฟอร์มตัวกันนิดหน่อย แต่อุปสรรคสำคัญคือ Blockhaus
ความยาว 13.65 กิโลเมตร ความชันเฉลี่ย 8.4% และชันสูงสุดถึง 14% ที่ประมาณ 5 กิโลเมตรก่อนถึงเส้นชัย นักปั่นจะต้องผ่านช่องเขา Luciano Pass ก่อนจะขึ้น Blockhaus และขึ้นไปถึงความสูงประมาณ 1665 เมตร (ยอดอยู่ที่ 2,142 เมตร แต่น่าจะลำบากที่จะพาขบวนคาราวานและทีมงานขึ้นไปถึงยอดเขาครับ ครั้งสุดท้ายที่จบบนยอดเลยคือปี 1984)
ถึงจะไม่ถึงยอด แต่ก็เป็นการปีนเขาที่ทรมานน่าดู เพราะความชันเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ที่ 9-10% พยากรณ์บอกว่าอากาศดี ไม่ร้อนไม่หนาว ฝนไม่ตก
จริงๆ ภูเขาลูกนี้ขึ้นได้สามทาง แต่ทางฝั่งนี้เป็นฝั่งที่ยาวและชันที่สุด และยังไม่เคยใช้ในการแข่ง Giro มาก่อน
ภูเขาลูกนี้เป็นส่วนหนึ่งของตำนาน Giro d’Italia ครับ รายการนี้เคยใช้แข่งมาแล้ว 5 ครั้ง (ขึ้นทางอื่น) ในปี 1967, stage 12; 1968, stage 21; 1972, stage 4a; 1984, stage 5; และ 2009, stage 17.
Make or Break
ถ้าเราดูจากประวัติการแข่งที่ผ่านมาที่เคยใช้เส้นทาง Blockhaus จะพบว่า มีการเปลี่ยนอันดับผู้นำเวลารวมอยู่ 2 ครั้งจากทั้งหมด 5 ครั้ง และผู้ชนะรายการทุกครั้งต้องติด Top 10 ในสเตจนี้ แต่ผู้ชนะ overall ในทั้ง 5 ครั้งนั้นไม่เคยมีใครได้แชมป์สเตจนี้ครับ นั่นหมายความว่าสเตจนี้จะมีผลสำคัญต่ออันดับเวลารวม คนที่ชนะสเตจนี้อาจะไม่ใช่ผู้ชนะรายการเสมอไป แต่คนที่เสียเวลาเยอะก็น่าจะหมดสิทธิท้าชิงแชมป์รายการได้เลย
ที่สำคัญ ในปี 1967 เมิร์กซ์คว้าแชมป์สเตจ Giro บนยอด Blockhaus และมันเป็นแชมป์สเตจในแกรนด์ทัวร์ครั้งแรกของตำนานนักแข่งชาวเบลเยียมคนนี้ครับ
ใครจะชนะ?
ดาริโอ้ คาทาลโด้ (Astana) นักปั่นที่บ้านอยู่ใกล้ภูเขาลูกนี้ให้สัมภาษณ์ Cyclingnews ว่า
“มันเป็นภูเขาสำหรับนักไต่เขาโดยเฉพาะครับ มันชันและยาว ผมชอบเขาที่ความชันน้อยกว่านี้ ผมว่ามันน่าจะยากมากสำหรับนักปั่นที่น้ำหนักตัวเยอะกว่าพวก pure climber เกินสิบกิโลกรับ”
นักไต่เขาเพียวๆ ที่คาทาลโดหมายถึงก็คือไนโร คินทานา (Movistar) ซึ่งอาจจะได้เห็นเขาออกโจมตีกลุ่มเป็นครั้งแรก ในขณะที่ตัวเต็งอย่าง ทอม ดูโมลาน์ (Sunweb) และบ็อบ ยุงเกลส์ (Quickstep) ที่ตัวใหญ่ อาจจะเสียเปรียบ
คาทาลโด เสริม “มันยากกว่า Mt.Etna ในสเตจ 4 มากครับ โดยเฉพาะช่วง 12-13 กิโลเมตรสุดท้าย ผมบอกเลยว่าการมีเพื่อนร่วมทีมอยู่ด้วยไม่ช่วยอะไรคุณแน่นอน มันเป็นเรื่องของพละกำลังล้วนๆ ผมว่าอันดับเวลารวมคงเปลี่ยนเยอะครับ”
- ถ้าเบรคอเวย์หนีรอด จับตามองนักไต่เขาฝีเท้าดีที่อันดับเวลารวมหลุดไปไกลเช่น แดเนียล เทเคิลไฮมานอท (Dimension Data), ปิแอร์ โรลองด์, โจ ดอมโบรวสกี้ (Cannondale-Drapac) และดาริโอ้ คาทาลโด้ (Astana) เจ้าถิ่น
- แต่ถ้า GC เล่นเกมหนัก เบรคอเวย์ก็อาจจะไม่รอด ตัวเต็งเบอร์หนึ่งคงไม่พ้น ไนโร คินทานา (Movistar) เอซโคลอมเบียตัวจิ๋วที่ดูจะเกิดมาเพื่อเส้นทางแบบนี้โดยเฉพาะ และเป็นสเตจที่คินทานาอาจจะต้องทำใจโจมตีถึงจะไม่ชอบ เพราะเขาอาจจะเสียเวลาได้เยอะในสเตจ Time Trial วันอังคารนีครับ
- คนที่สองที่น่าลุ้นผมว่าเป็น มิเคล แลนด้า (Sky) ที่ชอบภูเขาชันๆ และความชันขยับตลอด และเมื่อวานก็ดูจะฟอร์มดีพอจะโจมตีกลุ่มได้พักหนึ่งด้วย ส่วนเพื่อนร่วมทีม เกอเรนท์ โทมัสดูไม่เหมาะกับเขาสไตล์นี้แต่ก็ยังฟอร์มดี น่าจะไม่เสียเวลามาก คำถามคือถ้าคนหนึ่งโจมตี อีกคนจะทำยังไง?
- ทิโบต์ พิโนท์ (FDJ) ก็เป็น pure climber แต่มาในแนวเครื่องดีเซลครับ อาจจะถูกทิ้งในช่วงแรกแต่ถ้าเพซตัวเองดีก็มีสิทธิไล่กลับทัน
- อิลเนอร์ ซาคาริน (Katusha) ก็เป็น pure climber ที่ยังดูฟอร์มดีอยู่ครับ เขาเคยเอาชนะตัวเต็งเบอร์ใหญ่มาสองสามครั้งในทางเขาชันแบบนี้ (Tour de France ปีที่แล้ว) ไม่แน่ อาจจะทดเวลาที่เสียไปก่อนหน้าคืนได้หมด
- สี่คนที่เรายังไม่เห็นฟอร์มชัดคือนิบาลี (Bahrain), เยทส์ (Orica), เคราซ์เว็ก และโมเล็มม่า (Trek) – เยทส์เพิ่งได้แชมป์สเตจไปใน Tour de Romandie ที่เขาเชือดพอร์ทบนยอดเขา นิบาลีมียิงโชว์นิดหน่อยในสเตจ 3 และโมเล็มม่าเองเวลาฟอร์มดีก็น่ากลัว ปีที่แล้วในตูร์เขาตามพอร์ทและฟรูมได้บนทางขึ้น Mont Ventoux ส่วนเคราซ์เว็กนี่บอกไม่ได้จริงๆ ครับ ก็คงได้รู้กันวันนี้หละ
