เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) คว้าแชมป์ E3 Harelbeke เป็นครั้งแรก ยืนยันความแกร่งอีกครั้งด้วยการสปรินต์เอาชนะแชมป์เบลเยียม ฟิลลิป จิลแบร์ (Quickstep Floors) และม้ามืดจาก AG2R โอลิเวอร์ เนเซ็นที่หน้าเส้นชัย หลังจากที่ทั้งสามหนีขาดนำกลุ่มคู่แข่งได้ร่วมสองนาทีเต็ม
สนาม E3 เมื่อคืนนี้เริ่มด้วยเบรคอเวย์กลุ่มใหญ่ 6 คนทำระยะห่างได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการแข่งขัน สภาพอากาศแจ่มใสแต่ลมแรง บวกกับเส้นทางแคบทำให้กัปตันทีมของ Lotto-Soudal ทีชเบนูท และโทนี กาโลแพนล้มเจ็บหลุดกลุ่ม
เกมเริ่มร้อนแรงขึ้นที่ 65 กิโลเมตรสุดท้าย เมื่อทอม โบเน็น (Quickstep Floors) เปิดเกมโจมตีหมัดหนักเป็นครั้งแรกบนเนิน Taaienberg เปิดโอกาสให้ฟิลลิป จิลแบร์ เพื่อนร่วมทีมกระชากซ้ำหลังพ้นเนิน ดึงเอาเบรคอเวย์กลุ่มเล็กหนีพ้นเปโลตองซึ่งมีทั้งเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ทและเซป ฟานมาร์ค (Cannondale-Drapac)
กลุ่มของจิลแบร์ดูคร่าวๆ เหมือนจะไม่อันตรายและดูน่าจะถูกรวบจับไม่ยากนัก แต่เมื่อจิลแบร์พยายามดันกลุ่มให้ความเร็วไม่ตก และทีม Katusha และ Trek-Segafredo ไม่สามัคคีในการไล่ตามจับ เบรคอเวย์ก็เริ่มทำระยะห่างจนน่าเป็นห่วง
41 กิโลเมตรสุดท้ายระหว่างทางขึ้นเนิน Paterberg ปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) ล้มและจักรยานมีปัญหาจนหลุดกลุ่มไล่ ขณะเดียวกันเบรคอเวย์มีเวลานำร่วมหนึ่งนาที และเป็นโอลิเวอร์ เนเซ็น (AG2R) ที่เปิดเกมรุกในกลุ่มหนีบนเนิน Ode Kwaremont ที่ความชันสูงสุด 22% ทำให้เบรคอเวย์เหลือเพียงจิลแบร์, แวน เอเวอร์มาร์ท และเนเซ็น
ไม่มีใครคาดคิดว่าเนเซ็น ซึ่งปกติเป็นเพื่อนร่วมซ้อมของแวน เอเวอร์มาร์ทในเบลเยียมจะไล่ตามตัวเต็งทั้งสองคนมาได้ แต่เนเซ็นโชว์ฟอร์มดีต่อเนื่องในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน บนเนิน Tigemberg จิลแบร์พยายามสลัด GVA และเนเซ็น ซึ่งเนเซ็นเป็นคนเดียวที่ตามไม่ทัน แต่ก็ไล่กลับเข้ามาฟอร์มกลุ่มได้ใหม่หลังลงเนิน ซึ่งเป็นสัญญาณแรกว่าเขาอาจจะไม่พร้อมในการปิดเกมวันนี้
ทั้งสามคนช่วยกันผลัดนำได้ดี ในขณะที่กลุ่มด้านหลังระส่ำ มีเพียงฟาบิโอ้ เฟลิเน่ (Trek-Segafredo) ที่พยายามจะปิดระยะห่าง แต่เวลาระหว่างกลุ่มนั้นเพิ่มไปสูงถึง 2 นาที เปิดโอกาสให้กลุ่มหนีได้ลองเชิงกันก่อนเข้าเส้นชัยเมื่อไม่มีใครโจมตีกลุ่มจนกิโลเมตรสุดท้าย
เนเซ็นเปิดสปรินต์เป็นคนแรกที่ 250 เมตรสุดท้าย แวน เอเวอร์มาร์ทขึ้นประกบทันทีถึงแม้จะมีระยะห่างนิดหน่อย จิลแบร์ดูลังเลและเสียจังหวะ แต่ก็ขึ้นตามล้อแชมป์โอลิมปิกอย่างรวดเร็ว เนเซ็นแรงตกที่ร้อยเมตรสุดท้ายและเป็นแวน เอเวอร์มาร์ทที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกเฉือนจิลแบร์ไปหนึ่งช่วงคันรถ
ผลการแข่งขัน
DT Comment
- สนามนี้จริงๆ ไม่มีคอมเมนต์มากครับ ถึงวันก่อน DT จะพูดถึงว่าซากานแข็งแกร่งระดับที่ทีมช่วยกันอาจจะล้มเขาไม่ได้ แต่ E3 เมื่อคืนแสดงให้เห็นว่าโชคก็มีผลต่อการแข่งขันไม่น้อย เมื่อคืนซากาน “เผลอ” ไปหน่อย ในจังหวะที่จิลแบร์กระชากหนีซ้ำจากการโจมตีของโบเน็น จริงว่ามีเพื่อนร่วมทีม Bora ในกลุ่มของจิลแบร์ แต่การที่กลุ่มหน้ามีทั้งจิลแบร์ , GVA และฟานมาร์ค ห่างเส้นชัยไปไม่ถึง 60 กิโลเมตร มันชัดเจนว่า กลุ่มนี้ปล่อยไม่ได้ ซากานพยายามปิดระยะห่างหลายครั้ง แต่ขาดคนช่วย และโชคไม่ดีล้มกลางคันด้วย ก็เลยกินแห้วไปในรายการนี้
- Trek ยังคงเงียบ ชัดเจนว่าเฟลิเน่และเดเกนโคลบ์นั้นฟอร์มดีทีเดียวครับ พยายามปิดแก็ปกลุ่มหน้า แต่กลุ่มหน้าก็สามัคคีกันมากจน Katusha และ Trek ช่วยกันก็ยังตามไม่ทัน
- โพเดี้ยมของเนเซ็นครั้งนี้เป็น breakthrough เลยก็ว่าได้ครับ ผลงานค่อนข้างคงเส้นคงวาตลอดฤดูกาลนี้ในสนามคลาสสิค เป็นอีกคนที่น่าจับตา จังหวะที่เขายิงบนเนิน Kwaremont นั้นหนักหน่วงดีทีเดียวแม้แต่ฟานมาร์คยังตามไม่ได้
Video Highlight
วาทะนักปั่น
เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC)
“ทุกคนแข่งเพื่อผลงานตัวเองครับ ตอนที่ฟิล (จิลแบร์) ยิงกลุ่มบนเนินสุดท้ายมันยากมากที่จะตามและกลับขึ้นมาช่วยผลัดนำ แต่มันก็คือเกมแข่งล่ะนะ ผมต้องสู้ด้วยอาวุธที่ผมมีอยู่ คือจริงๆ ไปถึงเส้นชัยด้วยกลุ่มสองคนยังไงก็ดีกว่าสามคนเสมอ ผมไม่ได้กะว่าจะยิงใครก่อนถึงเส้นชัย แต่พอฟิลโจมตี ก็ต้องสู่กันตัวต่อตัวครับ สุดท้ายผมว่าเราสามคนแฮปปี้กับผลงานวันนี้นะ ถึงผมจะเป็นเพื่อนร่วมซ้อมกับโอลิเวอร์และรู้จักดีกับฟิล แต่ในสนามแข่งนี้เราต้องสู้กัน ไม่ใช่เวลาที่จะมาแบ่งรางวัลครับ”
“ผมกับฟิลเป็นนักปั่นสไตล์เดียวกัน เพราะงั้นตอนอยู่ทีมเดียวกัน (Lotto และ BMC) มันเลยไม่ง่ายที่จะจัดโปรแกรมแข่งให้เรา สำหรับผมฟิลเป็นยอดแชมป์ เขาไม่เกี่ยงที่จะนำ เขาเล่นเกมหนัก เขาลุย 100% ซึ่งน่านับถือครับ ตอนอยู่ทีมเดียวกันผมจะโจมตีเขาไม่ได้ แต่วันนี้เราอยู่คนละทีมก็เป็นโอกาสให้ผมได้สู้กับเขาจริงๆ”
“ผมพยายามคว้าผลงานใน E3 มาร่วมสิบปี (ผลงานที่ดีที่สุดคือโพเดี้ยมในปี 2008) และตอนนี้ผมก็ทำได้แล้ว ผมหวังว่าผลงานจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไปอีกนานๆ ครับ”
สมัยที่ GVA เพิ่งเทิร์นโปร เขาต้องออกจากทีม Lotto เพราะตอนนั้นจิลแบร์เป็นกัปตันทีมในรายการคลาสสิค แต่เมื่อทั้งคู่ต้องเจอกันอีกครั้งใน BMC ตั้งแต่ปี 2012 ก็เกิดความขัดแย้งอยู่เป็นพักๆ ทีม BMC พยายามแยกทั้งคู่ให้ลงคนละรายการแข่ง แต่ก็เป็นอะไรที่ทุกคนรู้สึกได้ว่าทั้งคู่ไม่ลงรอยกันในเรื่องบทบาทในทีม แต่ดูเหมือนความขัดแย้งนั้นจะหายไปแล้ว เมื่อจิลแบร์เข้ามาแสดงความยินดี จับมือกับแวน เอเวอร์มาร์ททันทีหลังทั้งคู่เข้าเส้นชัย
ฟิลลิป จิลแบร์ (Quickstep-Floors)
“ตอนสปรินต์เนเซ็นเล่นเอาผมตกใจ ผมลังเลอยู่แป๊ปนึง แล้วจังหวะสปรินต์มันมีลมต้านเลยขึ้นหน้ากลุ่มยากครับ น่าเสียดายเพราะถ้าผมเล่นเกมดีกว่านี้ก็มีสิทธิชนะ แต่มันก็คือการแข่งขันล่ะนะ ผมพยายามมองในแง่บวก ผมกลับมาฟอร์มดีขึ้นและความรู้สึกสนุกในการแข่งขันมันกลับคืนมาแล้ว ผมพอใจครับ”
“ในสนามแบบนี้คุณต้องทำงานหนักและมีสติตลอดเพื่อให้ได้อยู่ในตำแหน่งน่าสุดของกลุ่ม ผมโคตรชอบฟีลลิ่งนี้เลยครับ ผมเจอจิตวิญญาณการต่อสู้ในสนามแข่งที่มันหายไปอีกครั้ง ผมกลับมาแล้ว!”
โอลิเวอร์ เนเซ็น (AG2R)
“ตอนผมรู้ตัวว่าเป็นเบรคอเวย์กับสองคนนั้น ผมรู้เลยว่ามันเป็นงานช้างครับ”
“เอาจริงๆ ผมก็ประหม่านะ ผมรู้ว่าทั้งสองคนแข็งแรงกว่าผม มันชัดมากบนเนิน Tigemberg ที่จิลแบร์และเกร็กสลัดผมหลุด จังหวะที่เขากระชากขึ้นไปผมต้องผ่อนเลย”
“ตอนที่ผมยิงบนเนิน Kwaremont ทั้งคู่ตามผมทัน ผมว่าเราสามคนน่าจะหนียาวได้ถึงเส้นชัย กิโลเมตรสุดท้ายมันเป็นเกมลองเชิงครับ ผมเล่นเกมเซอร์ไพรส์กะหนีทีเผลอ แต่ก็รู้ว่าผมอาจจะไม่ 100% ผมจบในตำแหน่งของผม ผมแอบเชื่อว่าจะชนะได้แต่เส้นชัยมันอยู่ห่างเกินไป”
“ตอนลงสนาม เป้าหมายผมคือแต่อันดับท็อป 5 หรือท็อป 10 ผมว่าอันดับประมาณนี้เหมาะสมกับความสามารถตอนนี้ดี เพราะงั้นการได้อันดับสามมันเหนือความคาดหมายครับ ถ้าคุณเป็นคนที่แกร่งที่สุด 10 อันดับแรกของรายการ อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ สนามแข่งแบบนี้มันเลยสนุกครับ”
โอลิเวอร์ เนเซ็นเทิร์นโปรกับทีม Topsport-Vlaanderen ในปี 2015 และเริ่มมีผลงานระดับสูงสุดกับทีม IAM Cycling คว้าแชมป์สนาม Bretagne Classic และถึงจะไม่ชนะ E3 เมื่อคืนนี้แต่เขาก็โชว์ผลงานดีต่อเนื่องในรายการคลาสสิค ปีนี้เขาได้ที่ 7 ใน Omloop, 8 ใน Kuurne-Brussels-Kuurne และที่ 6 ใน Dwars Door Vlaanderen ด้วยวัยเพียง 26 ปีเท่านั้น
* * *
