ไม่นานมานี้ NR Nanofiber ติดต่อส่งชุดปั่นมาให้ DT ลองอยู่สองชุด พอได้ยินชื่อผมก็สตันท์ไปประมาณสองวินาที เพราะยังงงอยู่ว่าแบรนด์ NR นี่คือใคร ไม่ยักกะเคยได้ยินชื่อในวงการ…
NR Nanofiber
คุยไปคุยมาปรากฏว่าเป็นแบรนด์ของไทยเรานี่เอง ก่อนจะหันมาทำชุดออกกำลังกายและชุดปั่น พื้นหลังของบริษัทนี้คือเป็นโรงงานสิ่งทอและผู้ผลิตเส้นด้ายคุณภาพสูงอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เป็นผู้ผลิตเส้นใยสำหรับแบรนด์กีฬาระดับโลกหลายราย มี Know-how ในการผลิตเส้นใยนาโนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเฉพาะทางอย่างทางด้านการแพทย์เป็นพิเศษขนาดที่ได้ทำวิจัย R&D เรื่องเนื้อผ้าที่ใช้ในโรงพยาบาลและอุตสาหกรรมใหญ่ร่วมกับห้องแล็บในต่างประเทศอีกหลายโปรเจ็ค
ล่าสุด NR ไปร่วมวิจัยพัฒนาสินค้าคู่กับโรงพยาบาลกรุงเทพและศูนย์วิจัยกีฬาจุฬาด้วย ถือว่ามีจุดแข็งด้านเนื้อผ้าที่โดดเด่นทีเดียวครับ
มันติดที่ว่าเจ้าของแบรนด์เขาชอบปั่นจักรยานระดับเข้าเส้น ก็เลยอยากลองมาทำชุดปั่นโดยใช้เทคโนโลยีเด็ดๆ ของตัวเองบ้าง ก็เลยออกมาเป็นคอเลคชันชุดปั่น (และชุดออกกำลังกาย) ในชื่อ NR Nanofiber นั่นเอง
NR เป็นแบรนด์น้องใหม่เพิ่งเปิดตัวมาได้ราวๆ ปีนึง จุดเด่นของแบรนด์จริงๆ แล้วคือชุดออกกำลังกายที่ใช้เส้นใยนาโนไฟเบอร์ (ไปดูคอเลคชัน NR ได้ที่ลิงก์นี้) ที่มีคุณสมบัติในการลดกลิ่นอับ ป้องกันรังสี UV และไม่ระคายเคืองผิว และมีเสื้อผ้าแบบคอมเพรสชันที่ใช้รั้งพยุงกล้ามเนื้อด้วย
สินค้าที่เราได้มาลองเป็นชุดปั่นในรุ่น Ultralight Jersey ลองมาดูกันว่าปั่นจริงแล้วมันเป็นยังไง
น้ำหนัก
เสื้อ Ultralight Jersey ถึงจะไม่ได้ใช้เส้นใยนาโนไฟเบอร์ แต่ก็มากับผ้าคุณภาพสูงครับ จุดเด่นตอนที่ได้จับเสื้อตัวนี้อย่างแรกเลยคือน้ำหนักที่เบามาก ชั่งออกมาแล้วไซส์ M อยู่ที่ราวๆ 135 กรัมเท่านั้น ซึ่งเบากว่าเสื้อแบรนด์ดังหลายๆ ตัวทีเดียว
คัตติ้ง
เสื้อ Ultralight หน้าตาจะไม่ค่อยเหมือนเสื้อปั่นร่วมสมัยสักเท่าไร ตรงที่ว่าเสื้อมีขนาดสั้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับเสื้อเจอร์ซีย์สไตล์ยุโรปที่เน้นชายเสื้อยาวลงไปด้านหลัง แต่ใส่จริงแล้วก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้น อีกจุดที่ต่างคือแขนเสื้อค่อนข้างสั้นครับ เทรนด์สมัยนี้หลายแบรนด์นิยมทำเสื้อเป็นแขนยาวมาถึงศอก ได้เรื่องความเท่ห์และบางแบรนด์ก็ใช้ผ้าแอโร (ผ้าแอโรลู่ลมกว่าผิวหนังของเรา) แต่มันก็มีข้อเสียคือมันใส่แล้วร้อนแขนครับ เสื้อแขนสั้นแบบนี้เลยถูกใจผมมาก อีกอย่างถ้าไม่ใส่กับปลอกแขนแล้วก็เป็นลุคที่ดูเท่ห์ดีเหมือนกัน
ดีเทล์
โดยรวมแล้วไม่ใช่เสื้อที่มีดีเทล์อะไรมากมาย ซิปที่ให้มาคุณภาพค่อนข้างดีเป็นของ YKK, ชายเสื้อด้านล่างมีแถบซิลิโคนกันไว้ไม่ให้เสื้อเลิก ด้านหลังมีกระเป๋า 3 ช่องตามมาตรฐาน กระเป๋าอาจจะดูตื้น แต่ความยืดหยุ่นของผ้าทำให้ใส่ของได้เยอะโดยไม่เสียทรงกระเป๋าครับ
แขนเสื้อมีจุดรัดเล็กน้อย แต่ไม่มีแถบซิลิโคนและไม่ใช่ผ้ารัดแน่นแบบเลเซอร์คัทที่ยมใช้กัน แขนเสื้ออาจจะเลิกขึ้นขยับได้บ้างแต่ไม่น่ารำคาญเท่าไร (จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบเสื้อแบบแขนรัดมากๆ ยกเว้นว่าจะเอาไปใส่แข่งที่ต้องเน้นประสิทธิภาพจริงๆ)
ด้านหลังเสื้อ ชายแขน และแนวข้างเสื้อใช้ผ้าโปร่งระบายอากาศ แต่ไม่ใช่ผ้า mesh แบบที่เราเห็นในดีไซน์เสื้อจักรยานสมัยนี้ โดยเฉพาะด้านหลังที่มีแถบโปร่งตลอดแนวหลังไปจนถึงคอ เอาจริงๆ แล้วผ้าที่ใช้ใน Ultralight Jersey นี่ไม่ใช่ผ้าที่นิยมใช้ในชุดจักรยานที่เคยลองมาทั้งหมดเลย
คอเสื้อก็ใช้ผ้าโปร่งเช่นกัน คอไม่สูงมากไม่มีปกเสื้อ คัตติ้งแบบเว้าลงมาดูซิ่งใช้ได้ และไม่ระคายคอครับ
การตัดเย็บโดยรวมถือว่าทำได้ดี แต่อาจจะยังขาดรายละเอียดที่ทำให้ดูเป็นของ luxury เหมือนเสื้ออย่าง Rapha/ Assos พูดง่ายๆ ก็คือยังไม่เนี้ยบเป๊ะนั่นหละครับ แต่ราคาก็ไม่ได้ชนแบรนด์ใหญ่เช่นกัน ถือว่ารับได้ตรงนี้
Free Movement
เสื้อจักรยานที่ดีต้องไม่จำกัดการเคลื่อนไหวของผู้ใส่ ตรงนี้กำหนดโดยแพทเทิร์นของเสื้อ การตัดเย็บและประเภทของผ้าที่ใช้ NR โฆษณาว่าผ้าที่ใช้ในเสื้อ Ultralight มีความยืดหยุ่นแบบ 3 มิติ นั่นคือเส้นใยสามารถให้ตัวได้โดยไม่ยึดรั้งการเคลื่อนไหวหลายๆ ส่วน ลองใส่เล่นขยับตัวในบ้านก่อนออกไปปั่นก็ถือว่าใช้ได้ครับ แพทเทิร์นที่ตัดมาไม่รั้งจุดใดจุดหนึ่งเหมือนเสื้อบางแบรนด์ ก็จัดว่าให้อิสระได้ค่อนข้างดีทีเดียว
Review
ผมได้เทสต์เสื้อตัวนี้อยู่หลายเดือนเหมือนกัน (งานดองอีกแล้ว 555) ลองในหลายๆ สภาพอากาศ ทั้งเอาไปขึ้นเขา ตากฝน ปั่นทางราบ ปั่นช้า ปั่นกลุ่มความเร็วสูง และเอาไปแข่งด้วย พอจะสรุปการใช้งานได้ประมาณนี้
ฟิต 9.5/10
ชอบตรงที่คัตติ้งของเสื้อเข้ารูปพอดีทุกส่วน ถึงแม้คนทดสอบจะมีพุงนิดๆ ก็ตาม แต่เสื้อสีดำล้วนและคัตที่ไม่รัดช่วงกลางลำตัวเกินไปทำให้ผู้ใส่ดูดีใช้ได้ครับ ที่โฆษณาว่าผ้าเคลื่อนไหวได้สามมิติ อันนี้ชอบเลย เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นสูงแต่ก็ไม่ได้ย้วยเสียรูป ขยับตัวสะดวกดีมาก ถ้าจะมีจุดที่น่าปรับปรุงก็คงเป็นกระเป๋าหลังที่ย่นเวลาก้มเยอะๆ ใส่ของยากเหมือนกัน
ระบายความร้อน 8/10
ตอนแรกผมก็สงสัยเรื่องนี้พอสมควร เพราะผ้าที่ NR Nanofiber ใช้ไม่ใช่เนื้อผ้าแบบที่เราเห็นทั่วไปในชุดปั่น ก็คิดอยู่ว่ามันจะระบายความร้อนและเหงื่อได้ดีแค่ไหน ลองมาทุกสภาพอากาศแล้วก็สรุปได้ว่า ชุดระบายเหงื่อได้ดี แต่ถ้าวันที่อากาศร้อนมากๆ อาจจะยังทำงานได้ไม่ดีเท่าเสื้อปั่นบางๆ แบบสายแข่งที่เน้นระบายความร้อนเป็นพิเศษ
ตอนขึ้นเขาต่อเนื่องยาวๆ ก็รู้สึกร้อนอมๆ แต่ปลดซิปลงหน่อยก็พอช่วยได้ครับ อีกส่วนอาจจะเป็นเพราะเสื้อเป็นสีดำ เลยดูดความร้อนมากหน่อยเวลาตากแดดนานๆ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำได้ดีกว่าเสื้อระดับเริ่มต้นหรือเสื้อปั่นที่แจกตามงานมากครับ พอฟัดพอเหวี่ยงกับแบรนด์ต่างประเทศชื่อดังได้อยู่
ความทนทาน 9/10
ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่ชอบที่สุดสำหรับชุดปั่น NR เพราะผ้าในเสื้อ Ultralight ไม่บอบบางเหมือนชุดปั่น high performance ทั่วๆ ไปและไม่เก็บกลิ่นเหงื่อบริเวณวงแขนมากนัก (เสื้อปั่นที่ใช้ผ้าไฮเทคมักเก็บแบคทีเรียได้ดีกว่าผ้าธรรมดาๆ)
ที่ต้องติคือการตัดเย็บ ใช้มาหลายเดือน ด้ายบริเวณกระเป๋าหลังเริ่มมีอาการหลุดบ้าง
ความคุ้มค่า: 8.5/10
เทียบประสิทธิภาพต่อราคา 2,800 บาทแล้วผมว่าเป็นเสื้อที่คุ้มทีเดียว ทน ใส่สบาย ใส่ได้ทุกวันแบบไม่ต้องห่วงถนอมกลัวเสื้อขาด เสื้อฟิตลู่ลมและขยับตัวได้สะดวกไม่มีจุดไหนดึงรั้งเป็นพิเศษ รายละเอียดยิบย่อยอาจจะยังดูไม่เนี้ยบมากเมื่อเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศ แต่ก็ถือว่ารับได้ครับ
สรุป
โดยรวมแล้วเสื้อ NR Nanofiber Ultralight Jersey เป็นชุดปั่นที่ใส่ดีทีเดียว ในฐานะแบรนด์ไทยน้องใหม่ทำได้ขนาดนี้ในตลาดที่แข่งขันกันสูงมากก็ถือว่าน่าชื่นชมครับ ราคาไม่แรงมากคัตติ้งอาจจะดูแปลกและสั้นแต่ใส่จริงแล้วก็สวยดีครับ ผ้าระบายความร้อนโอเค ขยับตัวสะดวกดี
ทั้งนี้ที่ชอบสีสันอาจจะไม่ถูกใจนัก เพราะตอนนี้ยังมีแต่สีดำล้วน และสีดำ+เทาตอนนี้ก็รอดูว่าคอเลคชันใหม่จะมีลวดลายอะไรเพิ่มเติมมั้ย และอยากเห็นการเก็บงานและการตัดเย็บที่เนี้ยบกว่านี้ครับ
ใครสนใจอยากลองสวมใส่หรือดูเนื้อผ้าตอนนี้ NR เปิดบูทที่งาน International Bangkok Bike ที่อิมแพคเมืองทองธานี และมีคอลเลคชันสำหรับสาวๆ ด้วยครับ ดูคอเลคชันทั้งหมดของแบรนด์ได้ที่เว็บไซต์ข้างล่างครับ
Nrnanofiber.com / Instagram / Facebook
