รีวิว: Specialized S-Works Sub6

รองเท้าปั่นผูกเชือกสมัยใหม่ O_O

ก่อนที่จะมาใส่รองเท้าปั่นคู่นี้ ผมชอบใส่รองเท้าปั่นเรียบๆ ที่มันไม่มี ลูกเล่นอะไรมากนัก จุดรัด หัว BOA ไม่ต้องเยอะ ส่วนตัวคิดว่ามันดูเหมือนรองเท้าอวกาศ เลยไปหารองเท้าแบบสายรัด velcro สามเส้นธรรมดามาใส่ แต่อีแบบนี้มันมีข้อเสียคือความตึงมันปรับยากครับ แล้วเท้าขยับเยอะ น่าหงุดหงิด

ย้อนไปสี่ปีที่แล้ว Giro มันออกรองเท้า Empire มาซึ่งแม่มฮิปสเตอร์มาก เป็นรองเท้าปั่นผูกเชือกแบบโมเดิร์นครับ เห็นทีแรกนี่นึกว่ารองเท้าสตั๊ดฮ่าๆ แต่มันก็ถูกใจนะ แอดมินก็ไปซื้อมาลอง แล้วมันไม่ได้พื้นย้วยแบบรองเท้าปั่นเรโทรครับ เพราะพี่แกจัดเทคโนโลยีใหม่มาเต็มมาก พื้นคาร์บอนไฟเบอร์แบบแข็ง หนังเทียมด้านบนนุ่มนิ่มสบายเท้า แถมรุ่นใหม่ๆ Empire SLX นี่เป็นที่ถูกอกถูกใจนักปั่นระดับพระกาฬอย่างเฮียแบรดลีย์ วิกกินส์และน้องหล่อเทย์เลอร์ ฟินนีย์ ก็ถ้าวิกกินส์ใส่รองเท้าผูกเชือกได้แชมป์โลก Hour Record ได้คุณก็ไม่ต้องกลัวว่าพื้นมันจะย้วยส่งแรงไม่ดีน่ะนะ

จริงๆ ต้นกำเนิดของรองเท้า Giro Empire นี่คือ เทย์เลอร์ ฟินนีย์ (ตอนนั้นอยู่ทีม BMC) อยากให้ Giro ลองทำรองเท้าต้นแบบสำหรับปั่น TT โดยเฉพาะ (คือน้องแกเป็นสาย TT) แล้วพอดีตอนแข่งสเตจถนนรองเท้าถนนแกพัง เลยไปงัดคู่ผูกเชือกสำหรับ TT มาใช้ Giro ไม่คิดว่าจะขายคู่นี้ แต่พอคนเห็นฟินนีย์ใส่ ก็มีอุปสงค์จากแฟนๆ อย่างล้นหลาม จนตอนนี้ Giro ขายรองเท้าผูกเชือกหลายรุ่นเลยทีเดียวครับ

จุดเด่นของรองเท้าผูกเชือกคือมันเบาครับ เพราะฮาร์ดแวร์มันน้อย ไม่มีอะไรเลย มีแต่หนังด้านบน ด้านล่าง พื้น และเชือกผูก แอโรด้วยเพราะไม่มีอะไรมาขวางลม เห็น Giro ขายดี พี่ Specialized ก็เอาบ้าง เปิดตัวรองเท้า Sub6 ปีที่แล้ว ซึ่งก็มาในสไตลล์เดียวกัน แต่ต่างจาก Empire นิดหน่อยครับ อีกอย่างคือมันฟิตดีเหมือนใส่ถุงเท้านิ่มๆ จะดีไม่ดียังไงไปดูกันต่อ

Design

รองเท้า Sub6 ไซส์ 43 ที่ผมใส่หนัก 384 กรัมบนตาชั่ง เบากว่า Giro Empire SLX ไซส์เดียวกันประมาณ 9-10 กรัม โดยรวมๆ แล้วจัดว่าเป็นรองเท้าที่เบามาก

Specialized แถมถุงรองเท้าแบบมีหูรูดมาหนึ่งใบ มี Warp Sleeve ตัวหุ้มรองเท้าเพื่อความแอโรหนึ่งคู่ เชือกดำและขาวอย่างละคู่

S-Works Sub6 มีไซส์ให้เลือกแบบครึ่งไซส์ด้วย และมีรุ่นหน้ากว้าง (ในบางสี)

ทรง Spe กับ Giro ต่างกันพอสมควร ทรง Giro จะมาแนวฟิตยุโรป ออกจะแคบนิดนึงสำหรับคนเท้ากว้างและไม่มีออปชันแบบหน้ากว้าง ส่วน Specialized นี่ก็หัวแคบครับ ซื้อมานี่ผมใส่ไม่ได้ ต้องเอา shoe trees (รองเท้าไม้ที่เอาไว้ใส่รองเท้าหนังให้หนังมันคงรูป) มายัดไว้สามคืน ถึงจะใส่ได้ (ปกติผมใส่ Bont หน้ากว้าง) แต่ด้วยความที่หนังด้านบนมันค่อนข้างให้ตัวได้ ก็เลยถ่างจนใส่ได้พอดี ไม่บีบหัวเท้า

Specialized ถ้าใส่ตัวคลุมบริเวณเชือกรองเท้าที่เรียกว่า Warp Sleeve จะช่วยให้แอโรขึ้น ประหยัดเวลา 35 วินาทีในระยะทาง 40 กิโลเมตร ปัญหาคือ warp sleeve นี่มันใส่ยากมากครับ ยัดแทบไม่เข้าผมเลยไม่ใส่เลย เพราะกว่าจะใส่รองเท้าเสร็จ เพื่อนเขาปั่นไปสองกิโลละ

Fit

มาดูพื้นรองเท้าและ heel cup บ้าง บริเวณ heel cup หรือตัวหุ้มส้นเท้านี่เป็นจุดเด่นเลย มันแข็งและโอบเข้ากับบริเวณส้นเท้าเราจนกระชับและแน่นมาก และแคบด้วย จังหวะยกลูกบันไดนี่ไม่มีขยับครับ อันนี้ชอบ แน่นกว่า Empire พอสมควร แต่คนที่ใส่แล้วไม่พอดีอาจจะมีรำคาญ

และถึงมันจะแน่นกระชับ ความเลวร้ายที่ตามมาคือ มันถอดและใส่ยากสลัดครับ! ถ้าส้นเท้าคุณใหญ่ด้วยนะลำบากหน่อยละครับ

ส่วนใต้อุ้งเท้านั้นนูนขึ้นมาเล็กน้อยให้อุ้งเท้าเราออกแรงกดได้เต็มที่แต่ดันเท้าเราออกด้านข้างนิดนึง

ดีไซน์รองเท้า specialized มันเป็นทรงที่ชัดเจนมากครับ เหมือนงานปั้นแบบ sculpted รูปทรงมันจะซิ่งๆ หน่อย ไม่รู้ว่าจะเข้ากับเท้าทุกคนมั้ย โชคดีว่าผมใส่ได้พอดี (หลังจากง้างหัวรองเท้าแล้ว) รองเท้า Giro มันจะมี wedge มาให้สามชิ้น ปรับระดับความสูงตัวซัพพอร์ทอุ้งเท้าได้ แต่ของ Specialized นี่ไม่มีแถมมา แต่ซื้อพื้นรองเท้า (footbed) เปลี่ยนได้ มีให้เลือกสามแบบ

รองเท้าอบไม่ได้เหมือน Bont / Lake / Shimano เพราะงั้นถ้าไม่ฟิตเท้าคุณและเปลี่ยน footbed แล้วยังใส่ไม่พอดีนี่อาจจะต้อง say good bye นะฮะ

พื้นรองเท้าที่เป็นคาร์บอนสติฟแบบมหาประลัย กดเท่าไรแรงออกไปเท่านั้น ใช้พื้นเดียวกับ Specialized S-Works 6 เป็นฟูลคาร์บอน เมื่อบวกกับฟิตที่กระชับแล้วออกแรงได้เต็มทุกจังหวะการควงขา ดีงามครับ

Performance

หนังด้านบนทำจากหนังเทียม น้ำหนักเบา ยืดหยุ่นได้นิดหน่อย สบายๆ รูที่เจาะๆ ไว้นี่ลมเข้าเย็นดี ไม่เคยรู้สึกว่าเท้าอับหรือเหงื่อล้นครับ

ทีนี้มาถึงจุดเด่นของรองเท้าผูกเชือกละ นั่นก็คือฟิตครับ คุณอาจจะสงสัยว่ารองเท้าจักรยานผูกเชือกนี่

  1. ถอดและใส่ง่ายมั้ย: พี่บอกเลยว่าใช่ โดยเฉพาะ Sub6 นี่ส้นมันคับครับ จะยัดเข้าไปได้ต้องปลดเชือก สามสี่รูบนให้หลวมๆ นิดนึง
  2. ระหว่างปั่นเป็นยังไง?: อะ เมื่อคุณใส่มันเข้าไปได้แล้ว คราวนี้หละ สวรรค์มีจริงครับ ฟีลมันจะเหมือนรองเท้าเทรนเนอร์คู่โปรดของคุณ คือถ้าผูกเชือกได้ความตึงพอดีแล้วก็ไม่ต้องปรับอีกเลยระหว่างปั่น ด้วยทรงรองเท้าที่ค่อนข้างกระชับ บวกกับความตึงพอดีๆ (แต่ต้องซื้อให้ถูกไซส์นะ) มันจะฟิตพอดี ไม่คับไปไม่หลวมไปครับ อยากให้ตรงไหนแน่นก็ปรับความตึงเชือกก่อนใส่ตามใจชอบ ถ้าคุณรัดเชือกได้แน่นพอดีๆ ความตึงมันจะไม่คลายครับ
  3. เชือกมันจะหลุดไหม?: เมื่อผูกเชือกเสร็จแล้วอย่าลืมยัดปลายเชือกเข้าไปในห่วงเก็บเชือกบนลิ้นรองเท้า ไม่ให้มันหลุดออกมาเกี่ยวกับโซ่ ขาจาน ที่จะพาคุณล้มคว่ำได้ ตั้งแต่ใส่มานี่ยังไม่เคยมีหลุดให้เห็นครับ ใส่สายเก็บเข้ารูแล้วก็เรียบร้อยสวยงามดี ปลอดภัยหายห่วง

สรุป

จะรองเท้าปั่นหรือไม่ปั่นก็ดี มันยากมากที่จะออกแบบรองเท้าให้ฟิตพอดีเท้าทุกคนครับ โดยเฉพาะรองเท้าซิ่งๆ ที่ทำออกมาเพื่อการแข่งขันด้วยแล้ว ถ้าใส่ไม่ได้และเป็นรองเท้าที่ปรับภายหลังซื้อไม่ได้ (เช่นการอบ) ก็จบเลยครับ อย่างที่เขาบอก จะซื้อรองเท้าต้องลองก่อน ไม่งั้นจะวุ่นวายชีวิต

ราคาข้างกล่องเขียน 13,800 บาท ส่วนลดเท่าไรก็แล้วแต่ร้านค้าครับ

ขอบคุณ Sport Bicycle สำหรับรองเท้าทดสอบ // ข้อมูลเพิ่มเติม: Specialized.com

ข้อดี

  • ฟิตกระชับทรงเท้า พื้นแข็ง ประสิทธิภาพเต็มเหนี่ยว อาจจะแอโร (วัดยาก)
  • เบามาก เย็นสบาย
  • มีพื้นรองเท้าให้เปลี่ยนถ้าใส่ไม่กระชับ (ซื้อแยก)
  • ทน ใส่หลายเดือนแล้วยังไม่ค่อยเป็นรอย คู่สีขาวถ้าเปื้อนหนังด้านบนเช็ดล้างคราบออกง่าย
  • หล่อ

 

ข้อเสีย

  • ใส่และถอดยาก
  • ราคาสูง
  • ปรับฟิตไม่ได้มากนัก
  • อาจจะมีช่วงเวลารอรันอิน นั่นคือรอให้หนังมันนิ่มลงนิดนึง ตอนได้มาแรกๆ ผมใส่แทบไม่ได้เลยเพราะมันบีบหัวมาก (ต้องถ่าง) พอถ่างแล้วก็ยังแน่นอยู่ แต่ใส่ไปสักพักหนังมันนิ่มขึ้น ขยายตัวขึ้น หลังจากนั้นใส่ปั่นนานแค่ไหนก็ไม่มีปัญหาครับ

* * *

 

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *