เราควรมองหาอะไรในเสือหมอบแอโร่?

เมื่อคืนอ่านผลทดสอบ Specialized S-Works Venge ViAS vs Trek Madone 9 ของ Velonews ผลออกมาน่าสนใจดีครับ ความแอโร่จากอุโมงค์ลมที่ทดสอบ Vias เหนือกว่า Madone แต่ในส่วนของ Handling, ความสบาย, และการดูแล + ซ่อมบำรุงและเบรค Velonews ให้ Madone ชนะ และ overall Madone เป็นจักรยานที่ดีกว่าสำหรับ บก Velonews

ประมาณ 2 เดือนก่อน Tour Magazine นิตยสารเทพแห่งการรีวิวจากเยอรมันที่เด่นเรื่องความเป็นกลาง ก็เทสต์หมอบ aero รุ่นใหม่เกือบทุกยี่ห้อในตลาด (ยกเว้น F8 ที่ Pina ไม่ยอมส่งให้เทสต์) ผลความแอโร่ในอุโมงค์ลม Madone 9 ออกมาเท่ากับ ViAS มี drag เท่ากันเลย ชนะ Cervelo S5 หนึ่งวัตต์ แต่ในการทดสอบนั้น เมื่อดูปัจจัยทุกอย่างแล้ว ผู้ชนะคือ Scott Foil และ Canyon Aeroad ทั้งคู่แอโร่น้อยกว่า Madone และ Vias ไม่กี่วัตต์แต่ TOUR ให้ทั้งคู่เป็นจักรยานที่สมบูรณ์แบบกว่าเฉือน Madone 9 ไปนิดเดียว เพราะติ Madone เรื่องผ้าเบรคและยางติดรถที่ใช้ไม่ค่อยดี Tour ติ ViAS เรื่องน้ำหนักและ comfort (จริงๆ ถ้าไม่นับสองอย่างนี้ Madone จะชนะขาด)

วิธีการทดสอบเป็นเรื่องสำคัญ

สิ่งที่น่าสนใจคือสองสำนักนี้มีกระบวนการทดสอบต่างกันโดยสิ้นเชิง ในการเทสต์แอโร่ Tour ใช้หุ่นดัมมี่ปั่นหมุนขาด้วย และเทสต์เฟรมด้วยล้อสองคู่คือล้อติดรถและ Zipp 404 Firecrest และยาง GP4000s 23mm เป็นมาตรฐานให้ได้ค่าแอโร่กลาง ตัดปัจจัยเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบของล้อออกไป

ทั้งคู่ยังแบ่งน้ำหนักการให้คะแนนต่างกันด้วย Tour ให้คะแนน น้ำหนัก 20%, Aero 20%, Steering Rigidity 10%, ตะเกียบ 5%, ความสบายบริเวณหลักอาน 5%, ความสติฟกระโหลก 10%, การสับเปลี่ยนเกียร์ 10%, เบรค 10%, และยาง 5%

Velonews เปรียบเทียบแค่ ความแอโร่ ความสติฟ ความสบาย แต่ไม่ได้แบ่ง % สัดส่วนน้ำหนักซอยละเอียดเหมือน Tour และใช้ล้อติดรถในการทดสอบ ซึ่งแน่นอนว่าล้อ Roval 64 ที่ออกแบบมาเพื่อ Vias นั้นย่อมให้ผลแอโร่ดีกว่า Bontrager Aeolus 5 D3 ขอบสูง 50mm ของ Madone พอสมควร และยาง Spe ก็น่าจะแอโร่กว่า Bontrager ด้วย

นอกจากผลแล็บแล้ว ทั้งสองค่ายก็เทสต์รถด้วย​ ความรู้สึก หรือที่เราเรียกติดปากว่าฟีลลิ่งการปั่นด้วย เพื่อดูว่าตัวเลขมันสอดคล้องกับการใช้งานจริงหรือเปล่า ฟีลลิ่งตรงนี้ก็มีผลต่อคะแนนที่เขาให้รถไม่น้อย

เคยมีกรณีที่ตัวเลขรถบางคันมีความสติฟมากทั้งบริเวณกระโหลกและ headtube ซึ่งตัวเลขจากห้องแล็บนี้น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะรถคงถ่ายแรงได้ดี พุ่งกระชากทันใจ แต่ปรากฏว่ามันซับแรงสะเทือนได้ไม่ดีนัก ทำให้ปั่นไม่สบาย ตัวเลขอย่างเดียวไม่สามารถบอกคาแรคเตอร์รถได้ทุกอย่าง

ตัวเลขพวกนี้มีความหมายอะไร?

ถึงเราพูดถึงจักรยานตัวท็อปราคาสูง แต่บทเรียนจากการดูรีวิวนี้ผมว่าใช้ได้กับจักรยานทุกคันที่เราจะซื้อ นั่นคือเวลาอ่านรีวิว วิธีการทดสอบ เป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรจะมองข้ามครับ ถ้าเราอ่านข้อมูลแค่เผินๆ หรือดูแค่ตัวเลขวัตต์เราอาจจะฟันธงไปแล้วว่า คันไหนดีกว่า คันไหนแย่กว่า โดยที่ไม่ได้สนใจองค์ประกอบอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้งานจริง

อีกอย่าง ตัวเลขเรื่องความแอโร่นั้นมักจะต่างกันไม่เยอะมาก ถ้าเป็นหมอบแอโร่จากแบรนด์ที่ทำการบ้าน R&D เยอะๆ ส่วนต่างห่างกันไม่เกิน 5-8 วัตต์ ก็ไม่น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ใช้ตัดสินการซื้อได้ (…แต่แบรนด์ที่ทำการบ้านการออกแบบมาดี กับแบรนด์ที่อาจจะตามหลังเรื่อง R&D อยู่ อาจจะได้ผลต่างกันได้ 15-20 วัตต์ ซึ่งถือว่าเยอะนะครับ จะซ้อมให้วัตต์ขึ้นเท่านี้ได้นี่หลายเดือนทีเดียว ใน Tour Test จักรยานแอโร่ที่ลู่ลมที่สุดกับที่แย่ที่สุดมีค่า drag ต่างกันถึง 18 วัตต์!)

รีวิวของสำนักอื่นอย่าง Bikeradar, Cyclingtips, Road.cc ไม่ได้จับเข้าห้องแล็บเทสต์อะไรมากมาย ด้วยข้อจำกัดในงบประมาณ เวลา และเครื่องมือ แต่ถ้าได้คนเทสต์รถที่ประสบการณ์เยอะๆ จับความรู้สึกและอธิบายได้ดี ก็เป็นรีวิวที่เราน่าจะอ่านคู่กับผลทดสอบและตัวเลขของสำนักอื่นด้วยครับ เว็บพวกนี้จะไม่ได้เอารถมารีวิวเปรียบเทียบกัน แต่เป็นการเล่าประสบการณ์การใช้งานจักรยานคันนั้นๆ

เช่นนั้นแล้ว เวลาอ่านรีวิวเสือหมอบแอโร่ อย่าโฟกัสแต่ที่ค่าวัตต์อย่างเดียว โดยเฉพาะเมื่อคุณดูแบรนด์ที่อยู่ในเซกเมนต์ราคาเดียวกัน วิธีการทดสอบแต่ละค่ายก็ไม่เหมือนกันแล้ว เรื่องที่สำคัญและรู้สึกได้จริงๆ อย่างน้ำหนัก ความสบาย อะไหล่ติดรถ ความคุ้มค่า ความสะดวกในการดูแล ระบบเบรคที่ให้มา ดีไซน์ ประกัน ความชอบส่วนตัวและราคาก็เป็นเรื่องที่เราต้องชั่งน้ำหนักและตัดสินใจให้ดีครับ

รีวิวของ Velonews อ่านได้ที่ Clash of the Titans: Trek Madone vs. Specialized Venge Read

รีวิวของ Tour Magazine ต้องซื้อนิตยสารใน App Store ตามลิงก์นี้ และอยู่ในฉบับ 1/2016