10 คำถามกับแอนดี้ ชเล็ค

ถึงแอนดี้ ชเล็คจะอำลาวงการแข่งขันจักรยานอาชีพไปแล้ว แต่เขาก็เป็นยอดนักปั่นคนหนึ่งที่สร้างผลงานไว้ประทับใจหลายๆ คน

แอนดี้เริ่มโด่งดังในช่วงปี 2007-2010 ที่เขาได้อันดับสอง Giro d’Italia ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงแข่ง และเหยียบโพเดี้ยม Tour de France สามปีติดต่อกัน จัดว่าเป็นนักแข่งแกรนด์ทัวร์อายุน้อยที่น่าเกรงขามที่สุดในสมัยนั้น ขับเคี่ยวกับอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์อยู่หลายต่อหลายครั้ง

เขาได้รับรางวัลแชมป์ Tour de France แบบย้อนหลังในปี 2010 เมื่อศาลกีฬาโลกตัดสินว่าคอนทาดอร์ แชมป์รายการปีนั้นผิดจากการพบสารเคลนบูเทอรอลในเลือด ซึ่งเป็นสารต้องห้าม แอนดี้ซึ่งรั้งตำแหน่งอันดับสองเลยได้เลื่อนมาเป็นแชมป์รายการโดยปริยาย

แต่หลังจากนั้นแอนดี้ก็โชคร้ายหลายครั้ง ประสบอุบัติเหตุระหว่างแข่ง ล้ม บาดเจ็บหัวเข่าเรื้องรังและเสียความมั่นใจ จนสุดท้ายอำลาวงการในปี 2014

นักปั่นอาชีพที่อำลาวงการหลายคนมักมีปัญหากับการปรับตัวใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาหลังแข่ง นักปั่นชาวลักเซมเบิร์กคนสุดท้ายที่ได้แชมป์ Tour de France ชาร์ลี กอลล์ เลิกแข่งตอนอายุ 33 ปรับตัวเข้าสังคมไม่ได้จนหนีไปอยู่ในป่าคนเดียวเวลาเป็นเวลา 20 ปี

ต้องยอมรับว่าช่วงปีท้ายๆ ของแอนดี้เป็นอะไรที่น่าเศร้าพอสมควรครับ กับนักปั่นที่มีแววรุ่งแต่ไปไม่ถึงฝั่ง Ducking Tiger เคยเขียนถึงประวัติของเขาไว้อย่างละเอียดแล้วใน บทความนี้

สัปดาห์ก่อน แอนดี้มาเที่ยวประเทศไทยตามคำชวนของเพื่อนชาวลักแซมเบิร์ก ที่ทำทัวร์จักรยานอยู่ที่นี่ เราเลยมีโอกาสได้ปั่นกับแอนดี้ที่ Sky Lane เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง และพอมีเวลาได้ถามคำถามสั้นๆ 10 คำถามครับ เป็นการสัมภาษณ์แบบปั่นไปคุยไปที่ความเร็ว 35-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!

* * * *

1. คุณมาทำอะไรที่ประเทศไทย?

แอนดี้: มาปั่นกับเพื่อนครับ เพื่อนผมทำทัวร์จักรยานที่นี่ จริงๆ เรามีแผนจะปั่นจากกรุงเทพไปภูเก็ต แต่เวลาไม่ค่อยสะดวกก็เลยอยู่ที่หัวหินกันเป็นหลัก มีวันอาทิตย์นี้แหละครับที่ได้มาลองปั่นที่ Sky Lane พอรู้จักมานานแล้วว่าประเทศไทยมีสนามปั่นอยู่แถวสนามบิน แต่มันเจ๋งกว่าที่คิดนะ เป็นระเบียบเรียบร้อย และดูปลอดภัยดีมาก

 

2. ทำไมถึงอยากเป็นนักปั่นอาชีพ?

แอนดี้: ผมอยากเป็นนักแข่งมาตั้งแต่เด็กครับ พ่อผมเป็นนักแข่งที่เคยพาเพื่อนร่วมทีมได้แชมป์ Tour de France แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นโปรตั้งแต่ทีแรกนะ ผมเริ่มแข่งชนะในลักเซมเบิร์กตอนอายุ 17 แต่ผมไม่มั่นใจจนได้ลงสนามชิงแชมป์โลกที่ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองสู้กับมืออาชีพได้ คือคุณไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะเป็นนักปั่นอาชีพได้จนกว่าคุณจะไปถึงตรงนั้น วันที่เซ็นสัญญา

จุดเปลี่ยนคือปี 2007 ที่ผมได้ที่สองใน Giro d’Italia มันทำให้ผมกล้าที่จะเล็งเป้าที่ใหญ่กว่านั้น

 

3. ความรู้สึกแรกหลังจากอำลาวงการ?

แอนดี้: พูดแล้วมันก็น่าอายนะ หลายต่อหลายปีที่คุณถูกห้อมล้อมโดยคนจำนวนมากที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณในทุกๆ เรื่อง โค้ช เทรนเนอร์ นักโภชนาการ เชฟ พี่เลี้ยง ผู้จัดการ มีคนซักผ้าให้ มีคนทำทุกๆ อย่างให้ หน้าที่ของคุณคือแค่ซ้อมและแข่งให้ดี

แล้วทันทีทันใด คนพวกนี้ก็หายไปหมด เวรละ แล้วเขามารับใช้เราอย่างนี้ได้ยังไงตั้งนาน? นี่แค่เริ่มคิดนะ…ผมเครียดอยู่นานเลยครับ

 

4. คิดถึงการแข่งขันบ้างไหม?

แอนดี้: ยอมรับเลยว่าคิดถึง ยิ่งตอนก่อนที่แฟรงก์ (พี่ชาย) จะรีไทร์ ผมเห็นเขาซ้อมกับทีมยิ่งทำให้ยากที่จะทำใจเข้าไปอีก แต่ผมเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉยๆ อยู่แล้ว มีอะไรต้องทำหลายอย่าง ผมเศร้าอยู่เดือนนึงหลังรีไทร์ ตอนที่ยังไม่รู้จะทำอะไร แต่ตอนนี้พอมีกิจการของตัวเองแล้วก็แฮปปี้มาก

 

5. แล้วคุณทำงานอะไรอยู่?

แอนดี้: ผมเป็นเจ้าของร้านจักรยาน! ร้านผมชื่อ Andy Schleck Cycles มันเป็นความท้าทายใหม่ในชีวิตนะ แล้วผมก็มีโรงเรียนสอนปั่นให้เด็กๆ ในลักเซมเบิร์กด้วย จริงๆ งานมันก็ยังคล้ายๆ กับสมัยตอนแข่งนะ เพราะตอนนั้นผมเป็นหัวหน้าทีม ผมมีหน้าที่ต้องตัดสินใจ การเป็นเจ้าของกิจการก็ไม่ต่างกัน ถ้าคุณไม่ตัดสินใจก็ไม่มีใครมาทำให้คุณ ที่ต่างไปคือผมต้องทำภาระอย่างอื่นด้วย จัดการเรื่องเซลล์ เช็คสต็อก สั่งซื้อสินค้า บริการลูกค้า ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากครับ

นอกจากงานร้านจักรยานแล้วผมยังได้ไปปั่นหลายๆ ประเทศนะ ชอบมีคนเชิญไปปั่น ผมไปปั่นที่จีนบ่อยมาก

 

6. คุณชอบสนามแข่งไหนที่สุด?

แอนดี้: ถ้าถามว่าชอบดูรายการไหนที่สุด ต้องบอกว่า Paris-Roubaix! ผมจะได้แข่งในอีก 3 สัปดาห์นี้แล้ว [footnote]เป็นงาน “ sportive หรือ ใจเกินร้อย Paris-Roubaix ที่จัดโดยผู้จัดแข่งสนามโปรที่ให้มือสมัครเล่นปั่นเส้นทางเดียวกับที่ใช้แข่งอาชีพ[/footnote] ผมไม่เคยมีโอกาสได้ลงแข่งสนามนี้เลยตอนเป็นโปร

ส่วนสนามที่ชอบแข่งที่สุดก็คงไม่พ้น Tour de France ครับ มันเป็นประสบการณ์ที่หาอะไรเทียบได้ยากจริงๆ

 

7. คุณชอบนักปั่นคนไหนบ้าง?

แอนดี้: คนที่ยังแข่งอยู่ตอนนี้ ผมชอบเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) นะ ผมชอบสไตล์การแข่งของเขา ความมุ่งมั่น ความกระหาย และการโจมตีแบบไม่แคร์คู่แข่ง ส่วนคนที่รีไทร์แล้ว ผมชอบมิกูเอล อินดูเรน (อดีตแชมป์ Tour de France 5 สมัย) เขาเป็นนักปั่นที่มีสไตล์และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้เป็นนักปั่นอาชีพ

 

8. คำแนะนำที่ดีที่สุดที่คุณเคยได้รับ?

แอนดี้: มีคนเคยบอกผมว่า อย่าเลิกเรียนหนังสือ อย่าลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเป็นนักปั่นอาชีพ ต่อให้คุณจะเก่งแค่ไหน จะเป็นแชมป์ประเทศหรืออะไรก็ตาม คุณอาจจะเก่งที่สุดในประเทศ ในทวีป แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีนักปั่นอาชีพไม่ถึง 400 คนที่เลี้ยงตัวเองได้ คุณลองคิดดูว่าโลกนี้มีคนปั่นจักรยานกี่คน มีนักแข่งกี่คน แต่มีคนที่ทำเป็นอาชีพได้จริงๆ กี่คน? ต้องมีแผนสำรองเสมอ ต้องคิดว่าถ้าไม่ปั่นแล้วคุณจะทำงานอะไร? สนุกกับการปั่นได้แต่ต้องคิดถึงอนาคตด้วย

 

9. สิ่งไหนที่คุณทำพลาดจนกลายเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด?

แอนดี้: (หยุดคิด 20 วินาที)

นักข่าวชอบวิจารณ์ว่าผมใจไม่สู้พอ และไม่กระหายพอจะชนะ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าถูกด่านะ แต่พอมองกลับไป ผมว่าพวกเขาก็พูดถูก แต่ผมไม่เสียใจครับ (I have no regrets) ผมไม่เคยเสียใจในทุกอย่างที่ได้ทำไปแล้ว

 

10. ถ้าคุณแนะนำนักปั่นสมัครเล่นได้หนึ่งอย่าง คุณจะบอกว่า?

อย่าเป็นคนขี้อิจฉา ผมเห็นนักปั่นเยอะมากที่ชอบอิจฉาคนอื่นนะ รถแพงกว่าบ้างหละ ขี่เร็วกว่าบ้างหละ แต่ละคนก็มีความสุขของเขานะ เราควรจะยินดีที่คนออกมาปั่นมากๆ ไม่ใช่เหรอ?

ขอบคุณ Bioracer Thailand เจ้าภาพงานมา​ ณ​ ที่นี้ด้วยครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!