[vc_row][vc_column width=”2/3″][vc_column_text][dropcap letter=”ว่”]ากันว่าหนึ่งในทักษะการแข่งจักรยานที่ยากที่สุดก็คือประเภทจับเวลาทีมหรือ Team Time Trial เพราะนอกจากที่นักปั่นทุกคนในทีมต้องทำงานกันได้สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดระยะทางแข่งแล้ว ความผิดพลาดเพียงนิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิค หรือตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ก็อาจจะมีผลต่อเวลาจนถึงขั้นแพ้ชนะเลยทีเดียว
ในการปั่นไทม์ไทรอัล ผู้เข้าแข่งขันต้องออกแรงเต็มที่ในจุดที่ร่างกายเกือบจะทนไม่ไหว แต่ก็ต้องมีแรงเหลือพอให้ปั่นได้จนจบสนาม สำหรับประเภททีม คนที่แกร่งที่สุดจำเป็นต้องรอคนที่ช้าที่สุด เพราะนับเวลาจากนักปั่นคนที่ 4 ในทีม ((เฉพาะสนามชิงแชมป์โลก)) และในสนามชิงแชมป์โลกปีนี้ เราก็ได้เห็นความท้าทายที่นักปั่นต้องเผชิญแบบสดๆ กันทั้งประเภทหญิงและชาย โพสต์นี้ DT สรุปการแข่งขันอย่างคร่าวๆ พร้อมกับ 20 ภาพเด็ดที่คุณอาจจะไม่ค่อยได้เห็นในสนาม Team Time Trial ครับ
Elite Men
จากเส้นทางการแข่งขัน 57 กิโลเมตรในประเภทชาย ทีม BMC ทำเวลาได้ดีที่สุดที่ 1:03:29 ชั่วโมง กับความเร็วเฉลี่ย 53.986 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกระดับผลงานจากที่ทีมเคยได้เหรียญเงินในปี 2012 และอันดับที่ 4 ในปี 2013 เอาชนะทีมตัวเต็งทั้ง Omega Pharma-Quickstep และ Orica-GreenEdge ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จมาจากการที่ทีมออกสตาร์ทก่อน OPQS และ OGE ร่วม 30 นาที ก่อนที่จะเจอพายุฝนและกระแสลมแรง ทีม OPQS ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าต้องปั่นช้ากว่าที่เคยซ้อมถึง 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเซคชันสุดท้าย ถึงแม้จะทำเวลาในเช็คพอยท์ที่สองได้ดีกว่า BMC
ทีม Sky ซึ่งคว้าอันดับ 4 ทำเวลาได้ดีที่สุดในเช็คพอยท์ที่สองแต่ก็ต้องเสียนักปั่นสองคนซึ่งหมดแรงหลุดไป ทำให้ต้องปั่นต่อในระยะทางที่เหลือด้วยทีมแค่ 4 คน หลุดโพเดี้ยม พ่ายให้ OPQS ไป +2 วินาที
“This is a team sport, but sometimes people don’t understand that. The team time trial really shows you that. You can understand what the team aspect is all about,”
“กีฬาจักรยานมีผู้ชนะแค่คนเดียว แต่ต้องอาศัยทีมทั้งทีมในการคว้าชัยชนะนั้นๆ แต่บางครั้งผู้ชมก็ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นการแข่งจับเวลาแบบทีมเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะได้เห็นว่าทีมเวิร์กในสนามแข่งจักรยานเป็นยังไง” – ทีเจย์ แวนการ์เดอเรน กัปตันทีม BMC
Elite Women
สำหรับประเภทหญิงที่เริ่มแข่งก่อนประเภทชาย 3 ชั่วโมงนั้น ระยะทางปั่นไม่มากเท่าชายที่ 36.2 กิโลเมตร แชมป์ตกเป็นของทีม Specialized Lulu Lemon เจ้าของแชมป์เก่าทั้ง 2 สมัย เป็นการคว้าเหรียญทองติดต่อกันทั้ง 3 สมัยตั้งแต่ UCI เริ่มบรรจุ Team Time Trial กลับเข้ามาในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ทีมใช้เวลาเพียง 43:33 นาที ที่ความเร็วเฉลี่ย 49.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชนะอันดับสอง Orica-Ais มากถึง 1:17 นาที และเร็วกว่าที่สาม Astana Bepink ถึง 2:20 นาที
แต่ในเงาของผู้ชนะย่อมมีผู้แพ้ที่ผิดหวัง เพราะทีมตัวเต็งอย่าง Rabobank-Liv จากเนเธอร์แลนด์ประสบอุบัติเหตระหว่างทาง ชนเข้ากับบาร์ริเออร์ในจังหวะเข้าโค้งช่วงกิโลเมตรสุดท้าย ทีมต้องสละสิทธิ์เพราะไม่สามารถปั่นต่อได้จนจบการแข่งขัน
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/3″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_column_text]
Video Highlight
Gallery
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]