สวัสดีวันเสาร์ครับ ช่วงนี้เราก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีกันแล้ว อีกไม่ถึง 50 วันฤดูกาลแข่งจักรยานปี 2014 ก็จะเริ่มขึ้น เวลานี้ก็น่าจะเหมาะแก่การรีวิว ย้อนดูผลงานของโปรทีมและนักปั่นกันครับ วันนี้เราจะเริ่มกันด้วยภาพรวมผลงานของทุกทีม แล้วทุกวันในเดือนธันวาคม DT จะวิเคราะห์เจาะลึกทีละทีม รวมถึงนักปั่นเด่นๆ ในปีนี้ด้วย
ข้อมูลสถิติที่อ้างอิงในโพสต์นี้นำมาจากเว็บไซต์ Cycling Quotient และจากเว็บไซต์ของ UCI ตารางแรกที่เราจะดูกันคือจำนวน “ชัยชนะ” ในการแข่ง ซึ่งมาจากทั้งสเตจวินในรายการแข่งหลายวัน และแชมป์รายการรวมกัน ไอเดียการทำ Ranking ทีมนี้มาจากเว็บไซต์ inrng.com แต่เราไม่ได้แปลมาครับ อยากวิเคราะห์เองสไตล์ไทยๆ มากกว่าเพราะเราก็ติดตามการแข่งทุกสนามเหมือนกัน
OPQS นำลิ่ว
ดูกราฟแล้วเห็นกันชัดๆ เลยว่า OPQS ทำผลงานได้เยอะที่สุดที่ 55 ชัยชนะ ปีที่แล้ว OPQS ก็ได้อันดับ 1 คู่กับทีม Sky ที่ 51 ชัยชนะ ยังไม่เท่าทีม HTC-Highroad ที่เคยทำได้ถึง 85 ชัยชนะในปี 2010 ครับ ไม่น่าแปลกใจที่ OPQS จะชนะเยอะเพราะมีสปรินเตอร์ฝีมือดีอย่าง Mark Cavendish ที่เก็บชัยชนะถึง 19 รายการ และ Tony Martin ที่ชนะสเตจ Time Trial เกือบทั้งหมดที่เขาลงแข่ง
อันดับ 2 เป็นของ Belkin ที่ดูเหมือนจะเงียบๆ แต่ว่าเป็นทีมที่เก็บชัยชนะตลอดทั้งปีเช่นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นสนามเล็กๆ ส่วน Cannondale อันดับ 3 ก็ได้ผลงานมาจาก Peter Sagan แทบทั้งหมด ทีมที่น่าผิดหวังคงเป็น Saxo-Tinkoff ที่มีหมัดหนักอยู่หลายคนอย่าง Mick Rogers, Alberto Contador และ Nicolas Roche แต่กลับไม่มีผลงานสักเท่าไร ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ทีมไม่มีสปรินเตอร์ครับ ในชาร์ทนี้อย่าลืมว่าทีม Euskatel และ Vacansoleil ยุบไปแล้วและจะไม่ลงแข่งในฤดูกาลหน้า
[separator type=”double”]
ใครชนะเยอะที่สุด?
ชาร์ทที่สองเรามาดูกันว่านักปั่นคนไหนสร้างผลงานเยอะที่สุด ไม่น่าแปลกใจที่ 10 จาก 15 คนที่ผลงานเยอะที่สุดเป็นสปรินเตอร์ครับ Peter Sagan ครองอันดับหนึ่งนำหน้า Mark Cavendish อยู่ 3 ชัยชนะ ที่น่าทึ่งคือชัยชนะของ Sagan นั้นไม่ใช่แค่สเตจวินแต่รวมรายการแข่งวันเดียวด้วย อีกสองคนที่เด่นกว่าเพื่อนคือ Chris Froome และ Tony Martin โดยเฉพาะ Froome ที่เป็นนักปั่น GC แต่กลับได้มาถึง 13 ชัยชนะ อย่าลืมว่า Froome ได้แชมป์สเตจเรซเกือบทุกรายการที่เขาลงแข่งปีนี้ และในรายการนั้นๆ ก็ได้สเตจวินมาด้วย
Tony Martin ได้ผลงานมาจากสเตจ Time Trial ที่เขาลงแข่ง (ชนะทุกรายการ ยกเว้น Tour of Poland ที่พ่ายให้ Cancellara) คนสุดท้ายที่เป็นม้ามืดคือ Theo Bos จาก Belkin ครับ คนนี้อาจจะไม่ดัง แต่แป็นหนึ่งในสปรินเตอร์ที่น่ากลัวที่สุดใน peloton ถึงจะไม่ได้ลงรายการใหญ่ แต่สนามเล็กแกกวาดเรียบทั้งปี ลองดูชื่อ Demare, Bouhani และ Modolo ไว้ด้วย 3 คนนี้เป็นสปรินเตอร์ตัวเต็งที่อายุยังน้อย
[separator type=”double”]
ใครพึ่งใคร?
อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจมากๆ คือชัยชนะของนักปั่นตัวเด่นคิดเป็นกี่ % ของชัยชนะทั้งหมดที่ทีมทำได้ ตารางนี้บอกอะไรเราหลายอย่างครับ ยกตัวอย่างทีม Cannondale – 63% ของชัยชนะของทีมมาจาก Peter Sagan คนเดียว! คำถามที่เกิดคือถ้า Sagan บาดเจ็บแข่งไม่ได้หรือย้ายทีม ทีมนี้จะเหลือผลงานมั้ย? กลยุทธ์ของแต่ละทีมนั้นไม่เหมือนกัน บางทีมสร้างทีมเพื่อซัพพอร์ทนักปั่นคนเดียวโดดๆ อย่าง Saxo-Tinkoff (ช่วย Contador) และ Astana (ช่วย Nibali) Cannondale, Lotto และ Argos ก็เช่นเดียวกันครับ กลยุทธ์นี้ได้ผลดีถ้านักปั่นฟอร์มดีตลอดทั้งปีและสามารถชนะได้จริงอย่าง Sagan แต่ก็เป็นการพนันที่เสี่ยงเหมือนกัน ปีนี้ Contador ไม่ชนะรายการไหนเลย
ทีมที่ “กระจายความเสี่ยง” ได้ดีก็เช่น OPQS, Sky, BMC, RSLT และ Movistar ซึ่งผลงานของนักปั่นไม่ได้กระจุกอยู่ที่คนเก่งคนเดียว หมายความว่าทีมมีนักปั่นฝีมือดีที่พึ่งพาได้หลายคน การพึ่งนักปั่นเพียงคนเดียวมันเสี่ยงเพราะว่าถ้าไม่ชนะ ทีมก็จะไม่ได้คะแนนจากการแข่งขันครับ คะแนนนี้ใช้พิจารณาต่อไลเซนส์ทะเบียน UCI Pro Tour (ดิวิชัน 1) ถ้าคะแนนไม่ถึงและเกณฑ์อย่างอื่นไม่ผ่านก็มีสิทธิหลุดดิวิชันได้ง่ายๆ
[separator type=”double”]
แล้วดิวิชันสองเป็นยังไงบ้าง?
มาดูผลงานของทีมดิวิชันสองกันบ้าง (UCI Pro Continental) ดิวิชันนี้ค่อนข้างขาดครับ Europcar ครองแชมป์มาหลายปีแล้ว สังเกตว่า 26 ชัยชนะนั้นเยอะกว่าทีมดิวิชัน 1 หลายๆ ทีมรวมกันเสียอีก แต่อย่าลืมว่าก็เป็นชัยชนะจากสนามแข่งดิวิชันสองที่คู่แข่งอาจจะไม่โหดมากเหมือนพวก Pro Tour อย่างไรก็ดีถึง Europcar จะชนะเยอะก็ใช่ว่าจะขึ้นไปอยู่ดิวิชัน 1 ทีมมีขนาดเล็กและงบไม่มากพอที่จะซัพพอร์ทนักปั่นให้ไปแข่งได้ทั่วโลกเหมือนทีมใหญ่ๆ
สังเกต IAM ผลงานถือว่าไม่เลวทั้งๆ ที่เป็นทีมใหม่และปีหน้าจะได้ตัวแรงอย่าง Matthias Frank (BMC) กับ Sylvain Chavanel (OPQS) เข้าไปนำทัพ คาดว่าน่าจะชนะเยอะกว่านี้อีกพอสมควร
[separator type=”double”]
สรุป
จำนวนชัยชนะนั้นบอกอะไรเราหลายอย่างครับ แต่มันไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด อย่าลืมว่าปริมาณและคุณภาพนั้นไม่เหมือนกัน บางทีมชนะน้อย แต่ชนะรายการใหญ่ก็ย่อมมีความหมายมากกว่า หลายทีมยอมชนะสเตจ Tour de France แค่สเตจเดียวแลกกับชัยชนะสนามเล็กๆ หลายสนามรวมกันด้วยซ้ำ ในการแข่งขันจักรยานนั้นชัยชนะและอันดับการแข่งจะมีคะแนนให้ด้วย คะแนนตัวนี้อย่างที่บอกข้างต้นเป็นสิ่งที่ทีมต้องสะสมให้ได้เยอะๆ เพื่อที่จะต่อไลเซนส์เข้าแข่งดิวิชัน 1 ได้ตลอดครับ มาดูกันว่าทีมไหนทำคะแนนได้เยอะที่สุด
เห็นได้ว่าทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุด (สำคัญกว่าจำนวนชัยชนะ) นั้นตรงข้ามกับชาร์ทแรกที่เราดูครับ ทำไม Movistar ได้คะแนนเยอะ? เพราะนักปั่นเขาชนะสเตจใน Grand Tour ทั้งสามรายการในปีนี้ ทั้ง Giro, Tour, Vuelta และได้อันดับ placing ดีมากๆ ส่วน Sky นั้นก็ชนะรายการสเตจเรซที่ใหญ่ที่สุดทุกรายการที่ Froome ลงแข่ง คะแนนย่อมเยอะกว่าทีมอย่าง OPQS ที่ชนะมากถึง 55 รายการแต่เป็นสนามเล็กที่ได้คะแนนน้อย
แล้วนักปั่นที่ได้คะแนนเยอะที่สุดคือใคร?
Joaquin Rodriguez! คนนี้ได้อันดับ 1 มาสามปีซ้อนแล้วครับถึงแม้เขาจะยังไม่เคยชนะแกรนด์ทัวร์เลย! ทำไม J-Rod ได้คะแนนเยอะ? ก็เพราะว่าเขาเป็นหนึ่งในนักปั่นที่ขยันและทำผลงานได้ดี (แต่ไม่ที่สุด) ตลอดฤดูกาล ได้อันดับดีทั้งในสนามคลาสสิคและแกรนด์ทัวร์ เป็นจอมเฉียด เหยียบโพเดียมแต่ไม่เคยได้แชมป์ (เสียดายแทน) เช่นเดียวกับ Valverde ที่ placing ดีอย่างสม่ำเสมอ สังเกตว่าคนที่ point เยอะๆ จะเป็นคนที่ชนะหรือได้อันดับในรายการใหญ่ครับอย่าง Quintana, Cancellara, Porte, Contador, Horner เป็นต้น
ทั้งคะแนน (คุณภาพ) และจำนวนชัยชนะ (ปริมาณ) เป็นสิ่งสำคัญที่โปรทีมต้องบริหารให้ดีและทั่วถึง พรุ่งนี้เรามาวิเคราะห์กันแบบเรียงทีมครับ ว่าทีมไหนผลงานเป็นยังไง และมีอะไรน่าจับตามอง เราจะเริ่มจาก OPQS, BMC และ Movistar คอยติดตามกันครับ!
ติดตามครับ
ทั้งๆ ที่ผลงาน Vacansoleil-DCM ไม่ค่อยจะมี แต่ Bianchi กลับขายดีมาก
ขออนุญาตแชร์ไปที่แม็กกาซีนออนไลน์ thaibikemag.com นะครับ