คุณจำแชมป์ Vuelta เมื่อสองปีก่อนได้หรือเปล่า? ถ้านึกไม่ออกในสิบวินาทีก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะสนามแกรนด์ทัวร์สุดท้ายของปีไม่ใช่รายการที่ผู้คนจดจำได้สักเท่าไรกับสมยานามว่า “ลูกเมียน้อยคนที่สาม” วูเอลต้าหรือทัวร์ออปสเปนไม่ใช่สนามใหญ่รายการแรกของปีเหมือนจิโร ไม่ใช่สนามที่โด่งดังรวมดาราที่สุดเหมือนตูร์ และเมื่อต้องมาจัดอยู่ช่วงเดือนสิงหา-กันยา ที่กระแสการแข่งขันเริ่มจะซบเซาแถมยังไม่มีสนามเล็กๆ ที่ช่วยคัดฟอร์มตัวเต็งให้เราดูก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดที่ความทรงจำการแข่งขันจักรยานถนนในสเปนของเราดูจะเป็นภาพมัวๆ อยู่เรื่อยไป
แต่ปีนี้วูเอลต้ากลับมาใหม่ เพราะนอกจากฉายาลูกเมียน้อยแล้ว สนามนี้ยังมีอีกหนึ่งชื่อ นั่นก็คือ “The Revenge Race” หรือสนามล้างตา เป็นที่รวมตัวของนักปั่นที่พลาดผลงานตลอดทั้งปี หรือที่ทำแต้มไว้ได้ไม่ดีในตูร์ แล้วตูร์ปีนี้ก็ดันมีแต่ตัวเต็งที่ทำผลงานได้ไม่ดีซะด้วยสิ ก็กลายเป็นว่า 20 ขาแรงชื่อดังก้องโลกทั้งแชมป์ตูร์ปีที่แล้ว แชมป์จิโรปีนี้ แชมป์วูเอลต้าปีก่อน เจ้าพ่อสนามคลาสสิค สปรินเตอร์ก้องโลกก็มากันหมด แถมเส้นทางก็ยังหลากหลายให้นักปั่นทุกสายความเชี่ยวชาญมีลุ้นซะด้วย มาดูพรีวิวเส้นทางและตัวเต็งกันดีกว่า
เส้นทาง: มีลุ้นทักนักไต่เขาและสิงห์ TT
ถึงสนามวูเอลต้าจะค่อนข้างเอื้อนักไต่เขาแทบทุกปีเพราะผู้จัดแข่งนิยมสเตจที่มีเส้นชัยบนยอดเขามากกว่ารายการอื่นๆ เป็นพิเศษ แต่ปีนี้ก็มีสเตจ Time Trial จับเวลามากถึง 3 สเตจเช่นกัน ทั้งแบบ TTT และ ITT มากกว่าตูร์ที่มีเพียงสเตจเดียว แถมยังเป็นสเตจ TT แบบทางราบเกือบทั้งหมด เรียกได้ว่าถึงตัวเต็งคนไหนที่เสียเวลาบนภูเขาแต่ฟอร์มปั่นจับเวลาดีก็มีลุ้นกันจนถึงวันสุดท้าย (TT สเตจ 1,10 และ 21) สเตจแรกวันเสาร์นี้เปิดกันด้วยการแข่ง Team Time Trial เป็นโอกาสให้ทุกทีมมีลุ้นคว้าเสื้อผู้นำสีแดงโดยไม่ต้องกลัวจะโดนสปรินเตอร์หรือนักไต่เขาฉกไปก่อน
สัปดาห์แรกเส้นทางค่อนข้างหลากหลาย สเตจ 2 เป็นการสปรินต์แน่นอน แต่วันถัดๆ ไปผู้จัดแข่งสร้างสีสันสเตจด้วยการจัดเนินและภูเขามาอยู่ช่วงท้ายให้สปรินเตอร์ได้เหนื่อย แต่กลับเข้าทางนักปั่นสไตล์คลาสสิคที่ระเบิดเนินสั้นๆ ได้ดี สเตจภูเขาแบบจริงจังลูกแรกๆ จะเริ่มในสเตจ 6 และสเตจ 9 ที่มีเส้นชัยบนยอดเขาก่อนจะเข้าสู่วันพัก
สัปดาห์ที่สองน่าจะเป็นช่วงที่ยากที่สุดของการแข่งเพราะเริ่มด้วยการปั่นจับเวลาบุคคล 36.7 กิโลเมตรที่น่าจะเห็นเสื้อผู้นำเปลี่ยนมือแน่นอน ตามมาด้วยสเตจที่มีเส้นชัยบนยอดเขาอีก 4 สเตจอัดแน่นตลอดทั้งสัปดาห์
สัปดาห์สุดท้ายเบาลงมาหน่อยแต่ก็ถือว่าไม่ง่าย สเตจทางราบยังมีเนินมาตัดแรงสปรินเตอร์ ส่วนสเตจภูเขานั้นก็ชันใช่ย่อย ไฮไลท์คงอยู่ที่สเตจ 20 ควีนสเตจที่จบบนบอด Puerto de Ancares ที่ชันกว่า 12% ในช่วง 2 ยอดเขา ปิดการแข่งขันด้วยสเตจ Time Trial บุคคลในสเตจที่ 21 วันสุดท้ายของการแข่ง ให้ตัวเต็งได้แก้เกมกันหากพลาดเวลาร่วงจากสเตจ 20 จนวินาทีสุดท้ายจริงๆ
Stage Profile
ชื่อสีแดงคือสเตจที่ไม่ควรพลาด
ชื่อสีน้ำเงินคือสเตจ Time Trial
สเตจ 1 – เสาร์ 23 สิงหาคม
เปิดฉากกันด้วยสเตจ Team Time Trial ปั่นจับเวลาทีมสั้นๆ 12.6 กิโลเมตรกลางกรุ่ง Jerez ที่เต็มไปด้วยวงเวียนและโค้งเล็กโค้งน้อย ทีมต้องเก็บกันแบบเสี้ยววินาที จับตามอง Movistar, OPQS, Sky, และ Tinkoff-Saxo
สเตจ 2 – อาทิตย์ 24 สิงหาคม
มีเขาลูกแรกให้ชิงเสื้อจ้าวภูเขา แต่คงจบด้วยการสปรินต์อย่างไม่น่าแปลกใจ
สเตจ 3 – จันทร์ 25 สิงหาคม
สเตจเขาปานกลางที่มีระดับ Cat 3 ต่อกันถึงสี่ลูก สังเกตเนินเตี้ยๆ ที่เส้นชัยที่น่าจะเอื้อต่อนักปั่นอย่างฟิลลิป จิลแบร์และปีเตอร์ ซากาน
สเตจ 4 – อังคาร 26 สิงหาคม
เนินชันช่วงท้ายแต่ก็น่าจะจบด้วยการสปรินต์
สเตจ 5 – พุธ 27 สิงหาคม
อีกหนึ่งสเตจที่มีเนินดักคอสปรินเตอร์ที่เส้นชัย (ดูจะช่วยสิงห์คลาสสิคดีนะเนี่ย)
สเตจ 6 – พฤหัส 28 สิงหาคม
เส้นชัยบนยอดเขาลูกแรก ไม่ยาวมาก น่าจะช่วยให้เราเห็นนักปั่นที่ฟอร์มดีและมั่นใจเป็นครั้งแรก ช่วงสำคัญคือ 4 กิโลเมตรสุดท้ายที่ชันเฉลี่ย 10% ตลอดทาง!
สเตจ 7 – ศุกร์ 29 สิงหาคม
เส้นชัยบนยอดเนิน ไม่ชัน ไม่ยาว แต่เข้าทาง puncheur อย่างจิลแบร์ แดน มาร์ตินและซากานสุดๆ เรียกได้ว่ามีลุ้นกันเยอะ น่าดูครับ
สเตจ 8 – เสาร์ 30 สิงหาคม
สเตจทางราบสำหรับขาแรงสปรินเตอร์ แต่กลางทางนั้นเป็นทุ่งเปิดโล่ง ถ้ามีลมข้างปะทะก็อาจจะเห็นกลุ่มแตกกระจายเหมือนในตูร์ปีที่แล้วครับ
สเตจ 9 – อาทิตย์ 31 สิงหาคม
เส้นชัยบนยอดเขาหลัง เขาโหดสองลูกต่อกัน ทางขึ้นไม่ยาวตามสไตล์วูเอลต้า แต่ชันโหด 6-7% และไม่มีจุดชันน้อยให้พักกลางทางเลย
1 กันยายน – วันพัก ไม่มีแข่ง
สเตจ 10 – อังคาร 2 กันยายน
เปิดสัปดาห์ที่สองด้วยสเตจจับเวลาบุคคล แบบ Downhill! ช่วงแรกเป็นเนินเล็กน้อยไม่ชันมากราว 3-4% ขึ้นกันด้วยจานใหญ่ได้สบายๆ
สเตจ 11 – อังคาร 4 กันยายน
เส้นชัยสุดโหดกับทางขึ้น 10 กิโลเมตรที่ชันเฉลี่ย 11-12% และช่วงสุดท้าย 14-15% และน่าจะเป็นหนึ่งในสเตจที่ตัวเต็งทิ้งห่างเวลากันได้มากที่สุดครับ
สเตจ 12 – พฤหัส 5 กันยายน
สเตจสปรินต์ที่วนรอบเมือง Logorno 12 ครั้ง สไตล์ไครทีเรียมเรซ
เหมาะกับเบรคอเวย์ด้วยโปรไฟล์ที่มีเขาคั่นหว่างกลางสเตจและเนินที่เส้นชัย
สเตจ 14 – เสาร์ 6 กันยายน
โหดสลัดๆ สัสๆ ไปเลย กับสเตจมีเขาชันที่สุดในรายการที่ 24% บนเขาลูกสุดท้าย ช่วงโลสุดท้ายนั้น average ที่ 18% ! แถมยังยาวตั้ง 200 กิโลเมตร
สเตจ 15 – อาทิตย์ 7 กันยายน
อีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งเส้นชัยบนยอดเขา!
สเตจ 16 – จันทร์ 8 กันยายน
ถึงจุดนี้นักปั่นคงโอดครวญว่าเมื่อไรจะได้พักฟระ! จัดกันไปกับเขาระดับ Cat 1 4 ลูกพร้อมเส้นชัยบนยอด (อีกแล้ว)
อังคาร 9 กันยายน – วันพัก ไม่มีแข่ง
สเตจ 17 – พุธ 10 กันยายน
โอกาสของสปรินเตอร์
สเตจ 18 – พฤหัส 11 กันยายน
สำหรับ puncheur หรือเบรคอเวย์? เนินลูกสุดท้ายไม่น่าจะชันพอให้ตัวเต็งเล่นกัน แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้
สเตจ 19 – ศุกร์ 12 กันยายน
โปรไฟล์ดูอวยเบรคอเวย์ทีเดียวด้วยเนินดักคอที่ใกล้เส้นชัยให้ออกหนีกันสนุกๆ ครับ
สเตจ 20 – เสาร์ 13 กันยายน *Queen Stage*
อีกหนึ่งสเตจที่ชันแหลมปรี๊ดเป็นโอกาสของนักไต่เขาที่ปั่น TT ไม่ดีที่จะทำเวลาทิ้งห่าง เพราะสเตจวันรุ่งขึ้นเป็นการจับเวลาปิดรายการ
สเตจ 21 – อาทิตย์ 14 กันยายน *สเตจสุดท้าย*
Time Trial เดี่ยว 9.7 กิโลเมตร ไม่ไกลมากพอให้ทิ้งห่างกัน แต่ถ้าตัวเต็งเวลาไล่ๆ กันก็น่าจะมีเสียได้ 20-30 วินาทีเลยทีเดียว
สำหรับพรีวิวตัวเต็งรายการทั้ง GC และสปรินเตอร์จะตามมาสุดสัปดาห์นี้ครับ!