ในที่สุด Specialized ก็เปิดตัวเสือหมอบยอดนิยม Specialized Tarmac รุ่นล่าสุดหลังจากที่แอบซุ่มพัฒนาและให้โปรทดสอบเป็นเวลากว่า 2 ปี คราวนี้มันไม่ได้มาในชื่อ Tarmac SL5 อย่างที่คาดกันตอนแรก คราวนี้เรียกว่า Specialized Tarmac เฉยๆ ครับ ด้วยหน้าตาที่แทบไม่ได้เปลี่ยนจาก SL4 ทำให้หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเจ้า Tarmac ตัวใหม่มันต่างกับรุ่นก่อนยังไง? เรามาดูรายละเอียดกัน
จักรยานของเราไม่เท่ากัน
Specialized โฆษณา Tarmac รุ่นใหม่ว่าออกแบบด้วยปรัชญา “Rider-First Engineered” แปลเป็นภาษาไทยได้ความว่า เป็นการออกแบบ “เพื่อนักปั่นก่อนสิ่งอื่นใด” ฟังดูกำกวมใช่มั้ยครับ? พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ Specialized ออกแบบ Tarmac รุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันทุกสุดในทุกขนาด คือโดยปกติแล้วเนี่ยเวลาบริษัทต่างๆ ออกแบบจักรยานคาร์บอน วิธีการผลิตคือเขาจะใช้ไซส์ที่ขายดีที่สุด (54 หรือ 56cm) เป็นตัวทดสอบหลัก ประสิทธิภาพต่างๆ ทั้งความสติฟ การซับแรงกระเทือน การบังคับรถ และน้ำหนัก จะใช้ไซส์ยอดนิยมนี้เป็นมาตรฐานเมื่อได้เฟรมที่ดีที่สุดแล้วเขาก็จะพยายามถ่ายทอด “คาแรคเตอร์” หรือลักษณะนิสัยของเฟรมต้นแบบให้เข้ากับไซส์อื่นๆ โดยใช้กระบวนการผลิตเหมือนกันทั้งหมด ทั้งการวางชั้นคาร์บอนและโพรเซสยิบย่อยอื่นๆ ความต่างคือแค่ทำให้ขนาดมันเล็กลงเท่านั้น
แล้วปัญหามันคืออะไร? แน่นอนว่าถ้าเราเรียงชั้นคาร์บอนของเฟรมไซส์ 49 เหมือนกับเฟรมไซส์ 61 เป๊ะๆ คนที่ขี่ไซส์เล็กต้องรู้สึกสติฟมากๆ จนอาจจะเข้าขั้นกระเทือนในขณะที่คนที่ปั่นไซส์ใหญ่อาจจะรู้สึกว่าเฟรมให้ตัวเกินที่มันควรจะเป็น แต่นี่คือผลของการผลิตแบบ mass-production ที่ใช้ต้นแบบเป็นเฟรมอ้างอิงขนาดเดียวเดียว การที่จะวิจัยและทำวิศวะคาแรคเตอร์ของทุกๆ ขนาดเฟรมให้เหมือนกันต้องใช้เงินและเวลามหาศาล เป้าหมายของ Specialized ใน Tarmac รุ่นใหม่นี้ก็คืออยากจะทำให้เฟรมทุกขนาดแสดงประสิทธิภาพได้ดีที่สุดเหมือนๆ กันจึงเป็นที่มาของโปรเจ็คนี้ ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นกว่าเฟรม SL4 มาก แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาเฟรมที่ดีมากอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม New Tarmac จึงเป็นเสมือนการเก็บรายละเอียดปรับปรุงและต่อยอด SL4 ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แนวคิดการผลิตนี้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับจักรยาน Storck จากเยอรมันทำมานานแล้ว (เลยเป็นจักรยานที่ได้รับการยอมรับและทดสอบดีมากๆ เพราะเขาออกแบบและผลิตแต่ละขนาดให้แสดงความสามารถของมันได้เต็มที่ ราคาก็เลยแพงด้วย)
The All New Tarmac — ต่างจาก SL4 ยังไง?

1. สำหรับเฟรม Tarmac รุ่นใหม่จะไม่มีการใช้ชื่อต่อท้ายอย่าง SL2 SL3 SL4 อีกต่อไป จะเหลือแค่ชื่อรุ่น Expert, Pro, S-Works, และ S-Works + McLaren แบ่งตามเกรดคาร์บอนที่ใช้ รุ่น McLaren ราคาประมาณ 3 เท่าของ S-Works และมีจำนวนจำกัด
2. เพิ่มไลน์ Tarmac Disc Brake 3 รุ่น (S-Works Tarmac + Dura-Ace Di2, Tarmac Pro + Ultegra Di2, Tarmac Pro + Ultegra Mechanical)
3. ท่อนั่งขนาดสั้นลง (Specialized อ้างว่าช่วยลดแรงสะเทือน) และเฟรมใช้หมุดยึดหลักอาน (integrated seat pin) แทนรัดหลักอานธรรมดาที่ใช้ใน SL4 และเฟรมอื่นๆ
4. ตะเกียบหลังและขนาดลูกปืนคอรถขนาดไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับไซส์ของเฟรม (
5. เฟรมรุ่น S-Works ใช้คาร์บอน FACT11r เหมือนใน Tarmac SL4
6. คารเลย์ เฟรทซ์ (Carley Fretz) บรรณาธิการด้านเทคและรีวิวอุปกรณ์ของ Velonews ได้ลองปั่น Tarmac รุ่นใหม่ในงานเปิดตัวทั้งเวอร์ชันดิสก์เบรคและเบรคธรรมดา เขาบอกว่าก็ไม่ได้รู้สึกถึงความต่างสักเท่าไรเพราะเฟรม SL4 เดิมที่เคยใช้อยู่ก็ดีมากๆ อยู่แล้ว แต่เขาบอกว่าสำหรับคนที่ปั่นไซส์เล็กสุดๆ และใหญ่สุดๆ อาจจะปั่นได้สบายขึ้น หรือบังคับรถได้ดั่งใจมากขึ้น
Both bikes felt like Tarmacs. They were fast and nimble, especially when I jumped out of the saddle or leaned them into rough corners. It’s hard to improve on something that was already quite good, and in my case, I wasn’t able to find any obvious characteristics. — Velonews
Complete bike




ราคา (USD)
S-Works Tarmac Disc: $9,500
S-Works Tarmac Red: $8,250
S-Works Tarmac Dura-Ace: $8,250
S-Works Tarmac Disc Frameset: $5,500
S-Works Tarmac Frameset: $3,750
Source: Specialized Official / เพิ่มเติม: Velonews, Bicycling.com
สวยลงตัวมากครับ
ผมสบายเลย ใช่ไซส์ 56 รุ่นขายดี