[dropcap letter=”ถ้”]าคุณถามคนที่เพิ่งชมการแข่งจักรยานว่า สนามไหนสนุกที่สุด? 90% จะตอบว่า Tour de France ถ้าเริ่มอินการแข่งเข้าเส้นมาหน่อยก็อาจจะเริ่มมาดูสนามคลาสสิค อาจจะหลงไหลความดิบเถื่อนของ Paris-Roubaix แต่คนที่อินและชื่นชอบจริงๆ เขาจะตอบเหมือนกันว่า ไม่มีอะไรสนุกไปกว่า Ronde Van Vlaanderen หรือ Tour of Flanders นั่นเองครับ
ทำไมน่ะหรือ? Tour de France คุณอาจจะได้ชมการต่อสู้เกือบสามสัปดาห์ ชิงไหวชิงพริบของตัวเต็งจากหลายทีม ใน Roubaix คนจะได้เห็นนักปั่นที่แกร่งที่สุดในโลก แต่ไม่มีสนามไหนที่มีกลยุทธ์ซับซ้อน และได้อารมณ์การแข่งขันตื่นเต้นเท่า Tour of Flanders ด้วยเส้นทางที่ยาวกว่า 264 กิโลเมตร กับเนินชัน 19 ลูกที่ปูลาดด้วยถนนหิน ตลอดครึ่งหลังของการแข่งขัน เมื่อรวมกับสภาพอากาศหนาวเย็น และกระแสลมแรง ผู้ชนะ Flanders จึงมักจะเป็นคนที่ทั้งแกร่ง ทั้งฉลาดในการโจมตี การออมแรงและอ่านเกมคู่ต่อสู้
ในปีนี้เมื่อตัวเต็งระดับพระกาฬสองคน เฟีเบียน แคนเชอลารา (Trek) และทอม โบเน็น (Etixx-Quickstep) ไม่มาลงแข่งขันเพราะอาการเจ็บป่วย ดาวรุ่งคลาสสิครุ่นใหม่ที่ฟอร์มแรงจึงมีโอกาสเท่าๆ กัน ซึ่งน่าจะทำให้การแข่งขันดุเดือดเร้าใจขึ้นอีกหลายขั้นครับ
Ronde Van Vlaanderen (UCI World Tour) 98th Edition
กำหนดการถ่ายทอดสด: 17:30–22:15
ลิงก์ถ่ายทอดสด: duckingtiger.com/live
เส้นทาง
เส้นทาง Ronde ปีนี้แทบไม่ต่างกับปีก่อนๆ มีเนินชันที่ยาวแฟลนเดรียเรียกว่า Hellingen อยู่ทั้งหมด 19 จุด ลองเช็คชื่อ ตำแหน่งของเนินได้จากตารางข่างล่างนี้
นอกจากจะมีเนินชันเยอะแล้ว เส้นทางใน Tour of Flanders ยังค่อนข้างแคบและมีโค้งหักไปหักมามากมาย ทำให้การวางตำแหน่ง (Position) ตัวเต็งของทีมเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าถูกคู่แข่งออกโจมตีในช่วงที่เรากะโค้งพลาดหรือ โดนทีมอื่นบังซ้อนอยู่ก็อาจจะหมดสิทธิทำผลงานกันได้เลยทีเดียว ยิ่งสภาพอากาศแย่ ตัวเต็งยิ่งต้องอยากอยู่ด้านหน้ากลุ่ม เพราะถ้ามีอุบัติเหตกลางขบวนก็จะเสียเวลาหลุดกลุ่มหน้าได้อีก
เนินที่จะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของสนามนี้มี 3 ตำแหน่งี่ครับ เนินแรก Koppenberg เริ่มจาก 45 กิโลเมตรก่อนถึงเส้นชัย ด้วยความชันสูงสุดถึง 22% และเป็นจุดที่พลิกเกมในปีที่แล้วเมื่อกลุ่มตัวเต็ง Top 10 เบรคอเวย์หนี peloton บนทางขึ้นเนินนี้
อีกลูกคือ Oude Kwaremont ที่ 17 กิโลเมตรสุดท้าย เนินลูกนี้ยาว 2.2 กิโลเมตร ชันเฉลี่ย 4.2% แต่ช่วงกลางชันถึง 11% และเป็นทางที่ปูด้วยถนนหิน
ลูกสุดท้ายคือ Paterberg ที่ 14 กิโลเมตรหน้าเส้นชัย ยาวแค่ 400 เมตรแต่เป็นทางถนนหินตลอดเส้น และชันมาก นักปั่นที่ซัดกันมาเต็มที่กว่า 250 กิโลเมตร เมื่อเจอเนินนี้ก็มีหลุดกลุ่มตัวเต็งให้เห็นกันเป็นประจำ และเป็นเนินที่เฟเบียน แคนเชอลารา ชอบใช้เป็นแท่นยิงหนี จนเขาได้แชมป์รายการมาถึง 3 สมัย
จบจากเนิน Paterberg แล้วก็จะเป็นทางตรงยาวเข้าเส้นชัย เป็นทางโรลลิ่งขึ้นๆ ลง ตัดแรงผู้เข้าแข่งขันกันครั้งสุดท้าย เพื่อดูว่าใครจะแกร่งจริง
ตัวเต็ง
เมื่อแคนเชอลารา และโบเน็นไม่มา ถามว่าใครมีลุ้นบ้าง? ตอบได้ยากครับ เพราะหลายๆ คนดูจะฟอร์มดี เรามาดูโปรไฟล์กันทีละคนเลยดีกว่า
1. Alexander Kristoff (Katusha)
อังคาร-พฤหัสที่ผ่านมาเขาคว้าแชมป์รายการคลาสสิคกลางสัปดาห์ไปถึง 3 สเตจซ้อนและได้แชมป์รายการ overall ใน 3 Days of De Panne ไม่นับผลงานตลอดช่วงต้นปีที่ผ่านมา คริสทอฟคือตัวเต็งที่มียอดชัยชนะเยอะที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ จุดเด่นของคริสทอฟคือความอึด และความสามารถในการสปรินต์ถึงแม้จะแข่งกันมาเป็นระยะทางไกลๆ โดยไม่ต้องมีผู้ช่วยมากนัก ถ้าคริสทอฟไปถึงเส้นชัยพร้อมตัวเต็งคนอื่น เขาก็มีลุ้นชนะจากการสปรินต์ คริสทอฟมีลูคา พาวลินี ยอดนักกลยุทธ์และซุปเปอร์โดเมสติกสนามคลาสสิคเป็นผู้ช่วยหลัก
2. Geraint Thomas (Sky)
เกอเรนท์ โทมัสคือนักปั่นที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ไต่เขาในแกรนด์ทัวร์ ยันลีดเอาท์สปรินต์ให้เพื่อนร่วมทีม แต่บทบาทที่โดดเด่นที่สุดจริงๆ ของเขาคือความสามารถในการแข่งสนามคลาสสิค ด้วยผลงานล่าสุดแชมป์ E3 Harelbeke เป็นตัวเต็งคลาสสิคที่น่าจะท๊อปฟอร์มที่สุดในทีม Sky ตอนนี้ แน่นอนเขามีเอียน สแตนนาร์ดเป็นผู้ช่วย และมีแบรดลีย์ วิกกินส์ เอซของทีมสำหรับ Paris-Roubaix มาเสริมทัพด้วย วิกกินส์เองก็เพิ่งจะปั่น Time Trial ชนะแชมป์สเตจสุดท้ายใน 3 Days of De Panne ฟอร์มพร้อมแข่งแน่นอน เรียกได้ว่า Sky ถือไพ่หลายใบครับ โทมัสน่าจะเหมาะกับสนามนี้กว่าสแตนนาร์ดเพราะตัวเล็กกว่า ขึ้นเนินชันน่าจะคล่องกว่า นอกจากจะรอลุ้นโทมัสแล้ว เราอาจจะได้แอบดูฟอร์มของเซอร์วิกโก้ด้วย ว่าพร้อมจะลุย Roubaix มั้ย
3. Etixx-Quickstep
เป็นทีมที่เดาได้ยากว่าจะส่งใครเป็นกัปตัน DT ดูคร่าวๆ น่าจะเป็น ชเน็ค สตีบาร์และนิกี้ เทิร์ปสตรา มีสไตน์ แวนเดนเบิร์ก เป็นผู้ช่วย อย่างไรก็ดี สิ่งที่ Quickstep ขาดตอนนี้ไม่ใช่พละกำลัง เพราะเราเห็นผลงานของทีมมาตลอดอยู่แล้ว ในทุกสนามคลาสสิคตั้งแต่เริ่มแข่งมา Quickstep ติด Top 10 ทุกรายการ รายการละอย่างน้อย 1–2 คน ซึ่งถึงจะไม่ชนะเพราะกลยุทธ์ไม่ดีจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็จะประมาทความสามารถของทีมเจ้าถิ่นไม่ได้ครับ ทีมนี้ไม่ได้ชนะสนามคลาสสิคบ่อย ปีที่แล้วก็มีผลงานแค่ 1–2 รายการ แล้วไปรวบ Paris-Roubaix ทีเดียวเลย! เป็นโอกาสดีให้เอซหลายๆ คนของทีมได้โชว์ผลงาน แทนทอม โบเน็นที่อาจจะอำลาวงการในอีกไม่กี่ปี
4. John Degenkolb (Giant-Alpecin)
ใครจะกล้ายุ่งกับแชมป์ Milan-San Remo คนล่าสุด? เดเกนโคลบ์เป็นพาวเวอร์สปรินเตอร์สไตล์เดียวกับคริสทอฟที่มีทั้งความอึดและกำลังสปรินต์ในการแข่งระยะทางไกล จุดอ่อนอาจจะเป็นทีมที่ไม่ได้แข็งสนามคลาสสิคมาก และถ้าคู่แข่งตัวพริ้วๆ ออกกระแทกบนเนินช่วงท้ายการแข่งขันหลายๆ รอบก็อาจจะทำให้เขาหลุดได้ครับ สัปดาห์ที่ผ่านมา เดเกนโคลบ์ไม่สบาย แต่ดูจากสัมภาษณ์ใน Cyclingnews ก็คิดว่าเขาน่าจะพร้อมลง Flanders แล้วหละ
5. Sep Vanmarcke (LottoNL-Jumbo)
ถ้าถามว่าใครเป็นนักปั่นที่คงเส้นคงวาที่สุด (แต่โชคร้ายที่สุด) ในฤดูกาลนี้ คำตอบจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากเซป ฟานมาร์ค ในทุกสนามคลาสสิคปีนี้ เขาเป็นคนที่เริ่มเปิดเกมในจุดสำคัญ เกือบทุกครั้ง แต่ก็โชคไม่ดี รถเสียบ้าง เล่นผิดจังหวะบ้าง จนกลายเป็นคนตามทุกครั้งไป ในสนาม Omloop Het Niewsblad การไล่เข้ากลุ่มหน้าของฟานมาร์ค ทำให้เอซ Quickstep ทั้งสามคนที่หนีไปกับสแตนนาร์ดต้องหมดแรง (เพราะต้องพยายามหนีฟานมาร์คด้วย) ความแกร่งเขามีแน่นอน แต่เขาก็ยังไม่เคยชนะสนามใหญ่ๆ เช่นกัน น่าสนใจว่าเขาจะเดินเกมตัดสินชัยชนะได้อย่างไร (จะทำได้หรือเปล่า?) ฟานมาร์ค ดูยังเบรคอเวย์ยาวๆ ไม่หลุด แต่สปรินต์ก็ไม่น่าจะชนะคนอย่างคริสทอฟ ซากาน เดเกนโคลบ์เช่นกัน
6. Peter Sagan(Tinkoff-Saxo)
คนนี้ DT คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เรารู้ในความสามารถของปีเตอร์ เขามีพละกำลังพอที่จะสู้กับตัวเต็งทุกคน แต่คำถามคือ จะมีฟอร์ม และมีไหวพริบพอหรือเปล่า? ฤดูกาลนี้อาจจะชนะน้อย (แค่หนึ่งครั้ง) แต่ทีมก็บอกว่าฟอร์มเขาดีขึ้นเรื่อยๆ และกะมาพีคในรายการนี้อยู่แล้วครับ คงต้องจับตาดูซากานบนทางขึ้นเนินลูกต่างๆ ว่าจะรับมือคู่แข่งยังไง หรือเขาจะเป็นคนเดินเกมเองเลย? หวังว่าซากานจะเลิกลังเลเหมือนในสนามก่อนๆ ที่ไม่ยอมออกหนีเมื่อมีโอกาส และพอถึงจังหวะตัดสินหน้าเส้นก็ยังดูไม่มั่นใจ ปล่อยให้คนอื่นไปก่อนทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เขาสปรินต์ได้เร็วไม่แพ้ใครเลย
7. Greg Van Avermaet(BMC)
สิงห์ดุจาก BMC ที่ปีนี้โชคก็ยังไม่เข้าข้างเท่าไรครับ ในสนามคลาสสิคที่ผ่านมาปีนี้ “GVA” ไปพร้อมกลุ่มตัวเต็งได้ทุกครั้ง มีหลุดบ้างบางครั้ง แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มสองที่มีผลงานคงเส้นคงวา อย่าลืมว่าเขาได้อันดับสองรายการนี้เมื่อปีที่แล้ว เป็นอีกคนที่น่าจับตามอง
ม้ามืด
มีอีกหลายคนที่น่าสนใจครับ Lotto-Soudal มีคู่เยอร์เก์ โรแลนท์ + เยนส์ เดอบูเชียร์ แชม์เสือหมอบเบลเยี่ยม ซึ่งสปรินต์ได้ดี Trek ถึงจะไม่มีแคนชอลาราก็ยังมี สไตน์ ดีโวลเดอร์ ซึ่งเป็นแชมป์เก่าสองสมัย (มีใครรู้จักบ้าง!?) นอกนั้นลองดู ชาวาเนล และเฮาส์เลอร์ (IAM) และขาแรงรุ่นเดอะ ฟิลิปโป โพซาตโต้ จาก Lampre Merida ครับ
Flanders ปีนี้ DT คงไม่ได้บรรยายสดเพราะมาแข่งจักรยานอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่เป็นสนามที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ!
