อาร์นอร์ด เดอแมร์ (FDJ) คว้าแชมป์สนามคลาสสิคระดับ Monument ให้ชาวฝรั่งเศสได้เชยชมเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีด้วยการสปรินต์เอาชนะเบ็น สวิฟต์ (Sky) และเยอเกนท์ โรแลนท์ (Lotto-Soudal) วินาทีสุดท้ายหน้าเส้นชัยในสนามแข่งที่ยาวไกลที่สุดในรอบปี
เกิดอะไรขึ้นใน 2016 Milan-San Remo?
เช่นเดียวกับ San Remo แทบทุกปี 250 กิโลเมตรแรก เกมเดินอย่างเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวานอกจากเบรคอเวย์ 11 คนที่ทำเวลาห่างเปโลตองราวๆ 2-3 นาที จนถึง 50 กิโลเมตรสุดท้ายที่เปโลตองเริ่มปิดระยะห่างและกลุ่มตัวเต็งเริ่มเบียดแย่งตำแหน่งกันที่หน้าขบวน
ถ้าจะมีอะไรให้ผู้ชมทางบ้านจดจำ 2016 MSR ได้เป็นพิเศษคงไม่พ้นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตลอดช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งมีการล้มเกี่ยวกันต่อเนื่องร่วมสิบครั้ง ถึงจะไม่มีใครบาดเจ็บเป็นพิเศษ แต่ก็พาตัวเต็งหลายคนล้มหลุดกลุ่มไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นไมเคิล แมธธิวส์ (GreenEdge) เดอแมร์ (FDJ) และเกอเรนท์ โทมัส (Sky)
เปโลตองรวบจับกลุ่มหนีได้ทันพอดีระหว่างทางขึ้นเนิน Cipressa จุดยุทธศาสตร์แรก Katusha และ BMC ตั้งความเร็วนิ่งต่อเนื่องจนมาร์ค คาเวนดิช อดีตแชมป์ปี 2009 จาก Dimension Data หลุดกลุ่มไปเป็นคนแรก
ด้านหลังกลุ่มเป็นความพยายามครั้งใหญ่ของ FDJ ที่ตั้งแถวช่วยเดอแมร์ให้กลับเข้ากลุ่มมาได้ทัน FDJ ใช้ลูกทีมสี่คนลากพาเดอแมร์ขึ้นถึงยอด Cipressa และกลับเข้ากลุ่มเปโลตองได้ทันก่อนที่จะเริ่มขึ้นเนินยุทธศาสตร์ลูกที่สองที่อยู่ห่างเส้นชัยไปเพียง 6 กิโลเมตร
The First Attack
การโจมตีระลอกแรกมาจากตัวโหดของ Movistar – จิโอวานนิ วิสคอนติ ที่แอบชิงหนีกลุ่มไประหว่างทางลงเนิน Cipressa ก่อนที่เอียน สแตนนาร์ด (Sky) จะไล่ตามติด ทั้งคู่หนีไปได้ตลอดทางขึ้นจนถึงทางลง แต่เพซของสแตนนาร์ดเร็วเกินกว่าที่วิสคอนติจะไล่ทัน ด้านหลัง แดนเนียล ออส (BMC), ฟาบิโอ้ ซาบาทินี่ (Etixx) และแมทเทโอ มองทากูตี (AG2R) เบรคหนีเปโลตองออกมาเสริมทัพสแตนนาร์ด แต่ด้วยเพซเปโลตองที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มนี้ก็โดนจับได้ก่อนจะขึ้นเนิน Poggio
Second Attack
ระหว่างทางขึ้น Poggio มีการโจมตีจากเปโลตองหลายครั้งแต่เป็น มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Sky) แชมป์โลกปี 2014 ที่ทิ้งระยะได้ไกลที่สุด (สเต็ปคล้ายๆ กับที่เขาเบรคอเวย์ตอนได้แชมป์โลก…) จากยอดเนิน Poggio จนถึงเส้นชัยนั้นห่างไปไม่ถึง 3.5 กิโลเมตรและคนที่ทิ้งกลุ่มหลุดไม่จำเป็นต้องมีระยะห่างมากมาย เควียทคอฟสกี้จึงเป็นตัวอันตรายของตัวเต็งทุกคน
ด้านหลัง แคนเชอลารา (Trek), นิบาลิ (Astana), ซากาน (Tinkoff) ออกกระชากกลุ่มหลักไล่ตามเควียทคอฟสกี้ระหว่างทางลง Poggio เอซ Sky มีเวลานำอยู่ไม่ถึง 5 วินาที แต่ความลังเลจากกลุ่มไล่ทำให้เขายังหนีต่อไปได้ ถึงตีน Poggio แล้วเราก็ยังเดาเกมไม่ออกว่า MSR ปีนี้นี้จะจบยังไง เบรคอเวย์นำกลุ่มอยู่ แต่เปโลตองก็หายใจรดต้นคอ ตามหลังมาไม่ถึงสิบวินาที
Last Kilometer
เมื่อไม่มีใครอยากไล่เควียทคอฟสกี้ แคนเชอลารา (Trek) ตัดสินใจโจมตีอีกหนึ่งครั้งระหว่างทางเข้าเมือง แซงเควียทคอฟสกี้และดึงเอากลุ่มไล่ที่เหลือตามมาอย่างรวดเร็ว แต่แคนเชอลาราเริ่มผ่อนเมื่อเห็นเทรนทิน (Etixx-Quickstep) เกาะล้อเขามาด้วย จังหวะนี้บอสซันฮาเก็น (Dimension Data) และแวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) แจกหมัดเคาน์เตอร์ สวนกลุ่มออกไป เพราะทั้งคู่ไม่มีทางที่ชนะการแข่งขันจากการสปรินต์กลุ่ม
แต่เช่นเดียวกับแคนเชอลารา บอสซันฮาเก็นก็แผ่วแรงลงเมื่อเอซ Quickstep – เฟอร์นันโด กาวิเรียไล่ประกบเขาอย่างรวดเร็ว 250 เมตรสุดท้าย กาวิเรียเสียหลักล้ม จนเกือบจะพาซากานและแคนเชอลาราล้มลงไปด้วย (แต่ทั้งคู่รอดยังไม่น่าเชื่อ)
ดูกันอีกรอบ…ดูล้อหลังแคนเชอลารา! DAT SKILL
น่าเสีดายสำหรับกาวิเรีย เพราะเป็น MSR สนามแรกของเขาและดูจากฟอร์มก่อนที่จะล้มนั้นมีสิทธิลุ้นคว้าแชมป์รายการเลยทีเดียว
250 เมตรสุดท้ายเราก็ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ คริสทอฟ ตัวเต็ง 5 ดาวของรายการหลุดไปอยู่หลังกลุ่มหน้า และไม่มีทีมไหนคุมสถานการณ์ได้ กลายเป็นการสปรินต์เอาตัวรอดแบบตัวใครตัวมัน เยอเกน์ โรแลนท์ (Lotto-Soudal) เปิดสปรินต์เป็นคนแรก ลากเอาบูฮานี (Cofidis) สวิฟต์ (Sky), และเดอแมร์ (FDJ) มาด้วย บูฮานีสูสีกับเดอแมร์จนถึง 150 เมตรสุดท้าย แต่แผ่วลงอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าเกียร์มีปัญหา ส่วนเดอแมร์ลากสปรินต์ยาวไปจนถึงเส้นชัย นำขาดจนเหลือเวลาชูมือฉลองชัยชนะ สวิตฟ์เองเก็บอันดับ 2 และโรแลนท์อันดับ 3
ผลการแข่งขัน
DT Comment
- เป็น San Remo ที่ว้าวุ่นจนถึงวินาทีสุดท้าย สมกับที่หลายคนบอกไว้ก่อนเริ่มแข่งว่าเราไม่มีทางรู้ผู้ชนะได้เลยจนถึงวินาทีสุดท้าย
- ชัยชนะของเดอแมร์นั้นน่าชื่นชม เพราะเขาไม่ยอมแพ้ตอนที่ล้มไปก่อนขึ้นเนิน Cipressa – FDJ ช่วยเอซได้ดีมากตรงนี้ครับ ไล่กลับมาทันและยังมีแรงเหลือสปรินต์หน้าเส้นชัยด้วย
- คงไม่มีใครคิดว่าเดอแมร์จะชนะเพราะถึงเขาจะฟอร์มดีได้แชมป์สเตจใน Paris-Nice แต่ก็ถอนตัวกลางคันเพราะบ่นปวดเข่า แต่การที่เขาชนะ San Remo นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับชางฝรั่งเศสเพราะแชมป์สนาม Monument คนสุดท้ายที่เป็นคนฝรั่งเศสคือลอเรนท์ จาลาแบร์ ที่ได้แชมป์ Gido d’Lombardia ในปี 1997 ผ่านมาแล้วถึง 19 ปี!
- น่าดีใจแทน FDJ ที่การลงทุนในทีมเริ่มผลิดอกออกผล ทีมทุ่มเงินให้วิทยาศาสตร์การกีฬา การฝึกซ้อมอย่างมีแบบแผน และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ทีมชนะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากแชมป์ของเดอแมร์ในวันนี้แล้ว ทีมยังชนะสเตจ Team Time Trial ใน Tirreno-Adriatico ทำเวลาดีกว่าทั้ง Sky และ Tinkoff ด้วย
- เดอแมร์เริ่มแข่งจากการเป็นเพียวสปรินเตอร์ และพักหลังเริ่มมาเน้นผลงานในสนามคลาสสิคมากขึ้น คงจะออกมาในรูปแบบเดียวกับคริสทอฟ และเดเกนโคลบ์ สนามต่อไปที่เขาลงคือ Gent-Wevelgem ก็เป็นอีกคนที่น่าจับตามองครับ