พรีวิว: 2017 Amstel Gold Race

Welcome to the Ardennes week!

จบช่วงสนามคลาสสิคในเบลเยียม (Cobble Classics) ไปแล้วเรายังเหลือซีรีย์สนามคลาสสิครายการแข่งวันเดียวเก่าแก่อีกหนึ่งชุดครับ ตลอดสัปดาห์นี้เราเปลี่ยนจากเส้นทางแบบถนนหินผสมเนินชันมาเป็นการแข่งในเบลเยียม ที่เรียกว่า Ardennes Classic ซึ่งมีสามรายการ

  1. Amstel Gold Race (16 เมษา)
  2. La Fleche Walonne (19 เมษา)
  3. Liege-Bastonge-Liege (23 เมษา)

ทั้งสามรายการจัดแข่งอยู่ไม่ไกลจากเขตป่าอาร์เดนส์ในเบลเยียม (ยกเว้น Amstel Gold ที่จัดในเนเธอร์แลนด์) จุดแตกต่างจากสนาม Cobbled Classics คือเส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนธรรมดา ไม่ใช่ถนนและเนินที่ปูพื้นหิน ความท้าทายโยกไปอยู่ที่การปีนเนินครับ (ประเทศเหล่านี้ไม่มีภูเขาสูงชันเหมือนในยุโรปทางตอนกลางและล่าง) ซึ่งเนินหลายๆ เนินในรายการนี้ก็ไม่ได้สูงหรือยาวมากนัก แต่แพครวมกันไว้เยอะ ก็จะเหมาะกับนักปั่นอีกสไตล์หนึ่ง แต่ก็มี crossover บ้าง (คือตัวเต็ง Cobbled Classics บางคนก็พอจะปั่นรายการพวกนี้ได้ดี แต่อาจจะไม่สู้สายไต่เขา)

 

Amstel Gold Race น่าสนใจยังไง?

ก่อนจะไปดูรายการอื่น พูดถึงสนาม Amstel Gold ก่อน ชื่อคุ้นๆ ไม่ต้องแปลกใจเพราะเป็นชื่อเดียวกับเบียร์ชื่อดังนั่นหละครับ เบียร์ Amstel เป็นสปอนเซอร์หลักรายการนี้ รวมๆ ก็จัดมา 51 ปีเต็มแล้ว ยังไม่เก่าระดับร้อยปีแต่ก็เป็นรายการสำคัญของนักแข่งช่วงเดือนเมษา

สถานที่แข่งของเราอยู่ใน Limburg ประเทศเนเธอร์แลนด์​ อยู่ทางตอนเหนือของป่าอาร์เดนส์ ความยาว 258 กิโลเมตรและ elevation รวม ร่วม 4000 เมตร! เนินมีเยอะ มีกระจายทั้งเส้นทาง เหมาะกับนักปั่นที่ไต่เนินได้ดี เร็ว และอึด และมีแรงเหลือสปรินต์ขึ้นเนินก่อนถึงเส้นชัย รวมๆ แล้วไม่ได้เหมาะกับพวกนักไต่เขาสายแกรนด์ทัวร์นัก เพราะเนินสั้นแบบนี้ไม่เข้าทางครับ แต่จะเหมาะกับพวก Rouleur ที่ระเบิดเนินสั้นๆ ได้ดี แล้ว recover ร่ายได้ไว ไว้ซัดกันเนินถัดไป คนที่เก่งๆ รายการพวกนี้ก็เช่น ฟิลลิป จิลแบร์ (Quickstep), อเลฮานโดร วาวเวอเด้ (Movistar), ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb), แดน มาร์ติน (Quickstep), ริกโอเบอร์โต้ อูราน (Cannondale), จูเลียน อลาฟิลลิป (Quickstep), มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Sky)

จะเห็นว่ารายชื่อมี crossover จากพวกแกรนด์ทัวร์และ cobbled classics บ้าง แต่สังเกตว่าจะไม่มีพวกตัวท็อปแกรนด์ทัวร์อย่าง ฟรูมหรือคอนทาดอร์มาลงเลย

คนที่ได้แชมป์เยอะที่สุดในรายการนี้คือแจน ราสส์ ได้ไป 5 สมัย และฟิลลิป จิลแบร์ 3 สมัย

 

The Broadcast

เริ่มถ่ายทอดสด 20:00-22:00 เช็ควิดีโอถ่ายทอดสดที่ www.duckingtiger.com/live

 

เส้นทางเป็นยังไง?

  • 258 กิโลเมตร และระยะ elevation รวม 4,000 เมตร อ้อมไปทั่วจังหวัดลิมเบิร์ก
  • รวมเนินทั้งหมด 35 ลูก ความชันเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 5% และยาวไม่เกิน 1 กิโลเมตร บางลูกชันแบบเลขสองตัว ลูกที่ชันที่สุด (Keutenberg) ชัน 22% max อยู่ห่างเส้นชัยไป 29 กิโลเมตร
  • ถึงจะไม่มีการปีนเขาลูกเดียวยาวๆ เหมือนในตูร์หรือจิโร แต่สนามสไตล์นี้ใช้การคำนวนค่อนข้างเยอะ เพราะเนินสั้นและชันมากมายแบบนี้ทำให้นักปั่นคำนวนแรงค่อนข้างยาก โดยเฉพาะถ้ามีการโจมตีกันต่อเนื่อง พลวัตรเกมจะเดาได้ยากทีเดียวครับ ทำให้ผู้ชนะมักจะมีม้ามืดที่เราไม่ค่อยรู้จักอยู่บ้าง

  • ภาพข้างบนนนี้คือช่วง 3 กิโลเมตรสุดท้าย เปลี่ยนจากปีก่อนๆ พอสมควร (สนามนี้เปลี่ยนเส้นชัยบ่อย) ลงจากเนิน Bemelerberg ยางลงมา มีเนินกระดกนิดนึงแล้วก็ดิ่งลงอีกทีก่อนจะเป็นเนินซึมยาวไปถึงเส้นชัย 900 เมตรสุดท้ายเป็นทางตรงครับ

 

สนามนี้ชนะกันยังไง?

ปกติแชมป์จะมาจากคนที่ปีนเนินสุดท้ายได้เร็วที่สุด แต่หลายปีมานี้ผู้จัดตัดเส้นชัยบนเนินออกครับเพราะมันน่าเบื่อ นักปั่นสไตล์เดิมๆ ก็จะชนะอยู่ตลอด ปีก่อนเป็นเนินกระดกสามลูกและเป็นเนินซึมที่เส้นชัย ปีนี้ก็อย่างที่เห็นข้างบน จะมีเนิน 3-4 ลูกที่ 20 กิโลเมตรสุดท้าย และจุดที่ชันที่สุดอยู่ห่างเส้นชัยไปสามกิโลเมตร นั่นหมายความว่าคนที่อยากชนะ หรือถนัดการอัดขึ้นเนินเร็วๆ ต้องรีบทำเกมหนี เพราะถ้าจะเสี่ยงไปพร้อมกลุ่มแล้วรอสปรินต์ช่วงท้ายก็อาจจะแห้วกิน เดาได้ยากเหมือนกันว่าเกมจะจบที่เบรคอเวย์ หนีกันมาจากเนิน หรือจะเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนปีที่แล้วที่นั่งมองหน้ากันแล้วโดนม้ามืดคาบไปกิน

 

ใครมีลุ้น?

เอนริโค แกพาร็อตโต้ (Bahrain-Merida) ★★★

คือม้ามืดที่ซิวแชมป์ปีที่แล้วอย่างที่บอกข้างบน ปีก่อนอยู่กับทีมคอนติ Wanty Groupe Gobert แต่แชมป์ Amstel ทำให้เขาได้กลับมาอยู่กับทีมดิวิชัน 1 อีกครั้ง (Bahrain) อายุออกไปทางเยอะที่ 35 ปี แต่เขาเป็น specialist รายการอาร์เดนส์ครับ และเป็นแชมป์รายการนี้สองสมัยแล้ว เป็นคนที่ประมาทไม่ได้ทีเดียว

ทีม Bahrain พกสปรินเตอร์ไต่เนินดีอีกคนมาด้วย คือซันนี โคลเบรลลี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ Brabantse Pijl เมื่อสัปดาห์ก่อน ถือว่าเป็นทีมที่ปล่อยหนีไม่ได้ครับ

 

โรมัน ครอยซิเกอร์ (Orica-Scott) 

อีกหนึ่งแชมป์เก่าปี 2013 ที่ย้ายไปอยู่กับ Orica เมื่อสิ้นปีที่แล้ว หลังจากที่เป็นตัวเต็งเบอร์รองคอนทาดอร์มาตลอด พักหลังไม่ค่อยมีผลงานเพราะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยมากกว่า

 

 

ดิเอโก้ อูลิซซี่ (Team UAE Emirates) ★★

ถึงคนนี้จะยังไม่เคยชนะรายการนี้แต่สไตล์การปั่นเขาเหมาะกับสนามอาร์เดนส์ทีเดียว อย่างที่เห็นจากสเตจที่เขาชนะใน Giro ทั้งสองครั้ง (ครั้งแรกยาว 227 กิโลเมตร ครั้งที่สอง 265 กิโลเมตร และมีเนินชันตลอดทั้งสองสเตจ) ตามปกติอูลิซซี่น่าจะรอพีคช่วง Giro แต่ก็เป็นคนที่น่าจับตาในรายการนี้ครับ

 

Greg Van Avermaet (BMC Racing) ★★★

เป็นคนที่น่าสนใจครับ แชมป์โอลิมปิกและ Paris-Roubaix ให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะลองลงสนามนี้ดูเพราะก็ถนัดเหมือนกัน และเข้าทางกว่า Fleche Wallonne แล LBL แต่น่าคิดว่าเขาจะยังฟอร์มดีอยู่มั้ยเพราะพีคมาตั้งแต่เดือนกุมภายันต้นเมษา ปีนี้เป็นปีที่เขาฟอร์มดีที่สุด ถ้ายังไม่ตกก็น่าลุ้นครับ เส้นทางไม่ยากหรือชันเกินไปสำหรับ GVA และเส้นชัยที่เป็นเนินซึมก็เข้าทางเขาดีเลย โดยเฉพาะถ้าต้องสปรินต์จากกลุ่มเล็กๆ อย่างที่เราเห็น ถ้าให้สปรินต์ GVA ไม่เคยแพ้ใครเลยในรายการคลาสสิค หรือแม้แต่สเตจในแกรนด์ทัวร์ที่ชนะซากานถึงสองครั้ง

 

ไมเคิล แมธธิวส์ (Team Sunweb) ★★★

อีกคนที่ถนัดเส้นทางสไตล์อาร์เดนส์และฟอร์มดีทีเดียว (แชมป์สเตจใน Tour of the Basque Country ไม่นานมานี้) เป็นคนที่ขี่ทางไกลๆ เกิน 200km ได้ดีและสปรินต์จากกลุ่มเล็กๆ ได้เด็ดขาด ใน Brabantse Pijl สัปดาห์ก่อนเขาได้ที่ 11 เส้นชัยที่เป็นเนินซึมแบบนี้เข้าทางแมธธิวส์ครับ

 

ทิม เวลเลนส์ และ ทีช เบนูท (Lotto-Soudal) ★★★

คู่นี้ออกลายใน Brabantse Pijl คว้าอันดับ 3 และ 4 และเป็นตัวเปิดเกมในช่วงสุดท้ายครับ ถึงจะน่าผิดหวังใน Cobbled Classics แต่ทั้งคู่น่าจะแทคทีมกันได้ดีในเส้นทางแบบนี้ที่โชคไม่ค่อยมีผลนัก

 

ริกโอเบอร์โต้ อูราน (Cannondale) ★★★

ถึงจะเป็นอดีตโพเดี้ยม Giro d’Italia แต่เป็นนักไต่เขาอีกคนที่แข่ง One day race ได้ดีครับ ปกติจะลงแต่สนามสเตจเรซ แต่ปีนี้ทีมเปิดโอกาสให้อูรานลงรายการวันเดียวบ้าง ผลงานที่ดีที่สุดคือเหรียญเงินในลอนดอนโอลิมปิกซึ่งทางยากและเนินชัน (นิดหน่อย) เขาถนัดการเบรคอเวย์ออกจากกลุ่มในช่วงเนินชัน และปีนี้เขาทุ่มลงสนามอาร์เดนส์ทั้งสามรายการเต็มที่ครับ เขาเคยได้อันดับ 5 ใน LBL ปี 2011 ก็ไม่ใช่มือใหม่ซะทีเดียวกับรายการแบบนี้

 

แดน มาร์ติน และฟิลลิป จิลแบร์ (Quickstep Floors) ★★★★

เส้นทางอาจจะไม่ใช่ Cobbled Classics แต่ไม่ต้องห่วงว่าทีมนี้จะไม่มีตัวเต็ง มากับแชมป์เก่าสามสมัย ฟิลลิป จิลแบร์และแชมป์ LBL / Giro d’Lombardia อย่างแดน มาร์ติน (ผู้รักคุดบ่อยๆ ในแกรนด์ทัวร์) Quickstep อาจจะเป็นทีมตัวเต็งเบอร์ต้นๆ ของรายการนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับจิลแบร์คงไม่ต้องพูดถึงฟอร์มเพราะเป็นแชมป์ Flanders แบบหล่อๆ เบรคอเวย์คนเดียว 50 กิโลเมตร ส่วนมาร์ตินได้อันดับ 6 ใน Volta Catalunya เส้นชัยอาจจะไม่เหมาะกับเขาเท่าไร แต่จิลแบร์น่าจะปิดเกมแทนได้ถ้ามากับกลุ่มหนีครับ

 

มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Team Sky) ★★★★

ความเก่งรอบด้านของเควียทคอฟสกี้ทำให้ยากที่จะบอกว่าเขาถนัดกับรายการอะไรบ้าง เพราะแกถนัดไปหมดเลย ขี่แกรนด์ทัวร์ก็ไม่เลว ขี่ one day race ก็ได้แชมป์หลากหลาย ตั้งแต่แชมป์โลก (2014), Amstel Gold (2015), E3 Harelbeke (2016), Strade Bianche (2014, 2017) และ Milan-San Remo (2017) เขายอมโดดไม่ลง Cobbled Classics เพื่อเก็บฟอร์มมาลงอาร์เดนส์โดยเฉพาะ สปรินต์ดี ปีนเนินได้ เล่นเกมเป็น เป็นคนที่น่าลุ้นทีเดียวครับ

 

อเลฮาน โดรวาวเวอเด้ (Movistar) ★★★★★

เป็นคนเดียวที่อยากให้ 5 ดาว ถ้าไม่นับเควียทคอฟสกี้ที่ปั่นได้แทบทุกเส้นทางแล้วก็มีวาวเวอเด้อีกคนนี่หละครับ ที่พิษร้ายรอบด้านจริงๆ ถึงจะอายุ 36 ปี แต่ปีนี้แกปั่นลืมแก่เลยทีเดียว เอาจริงๆ อาจจะเป็นคนที่ผลงานเยอะที่สุดในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ คว้าแชมป์ overall Volta Catalunya (เก็บแชมป์ไปถึงสามสเตจ), แชมป์ Overall Tour of the Basque Country, แชมป์ Overall Vuelta a Andalucia, และ Vuelta a Murcia!! คนเดียวเก็บไปสี่รายการแล้ว และคู่แข่งก็เป็นระดับคอนทาดอร์และฟรูมด้วย

เรื่องสนามอาร์เดนส์แกก็ถนัดครับ ติดโพเดี้ยม Amstel Gold 3 ครั้ง, แชมป์ Fleche Wallonne 4 ครั้งและแชมป์ LBL 3 ครั้ง

เรียกว่าตัวท็อปก็ไม่ผิดครับ ถ้า Movistar เดินเกมดี คนนี้น่ากลัวที่สุดในค่ำคืนนี้แล้วหละครับ

 

ถ่ายทอดสดเริ่ม 20:00-22:00 ที่ duckingtiger.com/live ครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *