ผลการแข่งขัน
Groenwegen’s Debut
ปีนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ฌองเซลิเซ่เป็นเวทีสุดท้ายของการแข่ง Tour de France ครับ ช่วงครึ่งแรกของสเตจสุดท้ายเป็นพิธีเฉลิมฉลองในสไตล์ขบวนพาเหรดของกลุ่มนักปั่นจากเมือง Montgeron เข้ากรุงปารีส
Montgeron เป็นเมืองแรกที่ใช้จัดการแข่งขัน Tour de France ย้อนกลับไปเมื่อ 105 ปีที่แล้วนู้น แต่พอเข้ากรุงปารีสเกมการแข่งขันก็เริ่มขึ้น เพราะเดิมพันวันนี้ยังมีแชมป์สเตจให้ชิงกันอยู่ เกมเริ่มจากมิเคล แลนด้า (Sky) ที่พยายามออกโจมตีหนีกลุ่ม (แบบขำๆ) แต่สุดท้ายงานเบรคอเวย์ของจริงก็เริ่ม มีกลุ่มหนีถึง 9 คน แต่ถูกคุมโดย Sky และทีมสปรินเตอร์หลายทีมโดยที่ระยะห่างของเบรคอเวย์ขึ้นไปไม่ถึง 40 วินาทีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงจะมีการโจมตีเป็นระยะๆ จากกลุ่มเปโลตองแต่สุดท้ายทุกคนถูกรวบที่ 15 กิโลเมตรก่อนถึงเส้นชัย
Katusha-Alpecin ขึ้นนำกลุ่มช่วง 1000 เมตรหน้าเส้นชัยหวังพาคริสทอฟคว้าแชมป์สเตจ และเป็นดีแลน โกรนเวเก็น (LottoNL-Jumbo) ที่ตามล้อมาโค ฮอล์เลอร์ลีดเอาท์คนสุดท้ายของ Katusha เมื่อลีดเอาท์ของ Katusha ผละออก โกรนเวเก็นอยู่หน้าสุดของเปโลตองและจำเป็นต้องเปิดสปรินต์ตั้งแต่ 300 เมตรสุดท้าย
ปกติแล้วระยะนี้เป็นการสปรินต์ที่ยาวมาก น้อยคนจะทำได้สำเร็จแต่โกรนเวเก็นยืนระยะและความเร็วได้ยาวจนถึงเส้นชัย บอสซัน ฮาเก็น (Dimension Data) เข้าเป็นอันดับสอง และอังเดร ไกรเปิล (Lotto-Soudal) อดีตแชมป์ในฌองเซลิเซ่สองปีล่าสุดทำได้เพียงอันดับสาม
โกรนเวเก็นจริงๆ แล้วทำผลงานได้ดีต่อเนื่องตลอดตูร์ปีนี้ครับ สัปดาห์แรกเขาได้อันดับสามหนึ่งครั้ง อันดับสองหนึ่งครั้ง และมาปิดด้วยแชมป์สเตจในแกรนด์ทัวร์ครั้งแรกในชีวิตที่สเตจสุดท้ายในปารีส
น่าสนใจว่าโกรนเวเก็นอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น ถ้าจะให้เทียบ เขาอายุน้อยกว่าไกรเปิล 11 ปีเต็ม และดูจากฟอร์มแล้วคงขึ้นมาเป็นสปรินเตอร์รุ่นใหม่ระดับหัวแถวคู่กับคาเล็บ ยวน (Orica) และเฟอร์นันโด กาวิเรีย (Quickstep Floors) ได้ในเร็ววันนี้
ไกรเปิลรักษาสถิติไม่ได้
สิ่งที่ต่างไปจากทุกๆ ปีของอังเดร ไกรเปิลก็คือปีนี้เขาไม่สามารถคว้าแชมป์สเตจใน Tour de France ได้ครับ อาจจะเป็นอายุที่มากขึ้นหรืฟอร์มที่เฉียบคมน้อยลงเราก็ไม่อาจทราบได้? ไกรเปิลได้แชมป์สเตจในตูร์ติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปีจนถึงปี 2016 สำหรับสปรินต์ในสเตจสุดท้ายเมื่อคืนนี้ จะบอกว่าตำแหน่งไม่ดีก็คงไม่ใช่ เพราะโกรนเวเก็นต้องเปิดสปรินต์จากไกลมาก แต่กลายเป็นว่าเอซ LottoNL แรงไม่ตก ไกรเปิลเลยแซงไม่ได้ครับ เจ้าตัวบอกว่า “ก็ผิดหวัง แต่ก็ต้องมองอนาคตครับ” ทีมของเขาไม่มีผลงานอะไรกลับบ้านเลยในตูร์ปีนี้
ซูลเบเดียและโฟแคลร์อำลาวงการ
ไฮมาร์ ซูลเบเดีย (Trek-Segafredo) และโทมัส โฟแคลร์ (Direct Energie) จะไม่ได้กลับมาผ่านเส้นชัยที่ปารีสอีกแล้ว เพราะเมื่อคืนนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่จะได้ลงแข่งในฐานะนักปั่นอาชีพครับ ทั้งคู่ตัดสินใจอำลาวงการหลังจบตูร์ ซึ่งทั้งคู่ได้ลงแข่งรายการนี้มาเป็นเวลา 15 ปี
สำหรับโฟแคลร์ เขาเป็นคนที่ทุกคนจดจำได้ ด้วยสไตล์การปั่นรุกเร้า ชอบเบรคอเวย์หนีกลุ่ม และยังเคยได้ครองเสื้อเหลืองหลายวันทั้งในปี 2004 และ 2011
ส่วนซูลเบเดียนั้นถึงจะไม่ใช่ตัวเต็งของทีมแต่ก็เป็นคนที่ไว้ใจได้เสมอ ซูลเบเดียเป็นหนึ่งในนักปั่นที่อายุเยอะที่สุดในเปโลตองตอนนี้ (40 ปี) และเคยคว้าอันดับ Top 10 ในตูร์ถึง 5 ครั้ง
แชมป์รายการ – คริสโตเฟอร์ ฟรูม (Sky)
โกรนเวเก็นอาจจะเป็นแชมป์สเตจคนสุดท้ายของตูร์ปีนี้ แต่คนที่รับรางวัลใหญ่ที่สุดก็คือคริส ฟรูม (Sky) ที่คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ในระยะเวลา 5 ปี (เขาเคยได้แชมป์ในปี 2013, 2015, 2016)
ผลงานปีนี้อาจจะไม่ใช่การปั่นอย่างดุเดือดเหมือนในปี 2016 ปีนี้ฟรูมไม่ได้แชมป์สเตจเลยแม้แต่สเตจเดียว และชนะด้วยเวลาที่ฉิวเฉียดเท่านั้น เขาทำเวลาห่างอันดับสอง ริกโอเบอร์โต้ อูราน (Cannondale Drapac)
ปัจจุบันมีแค่เอ็ดดี้ เมิร์กซ์, ฌาค อองเคอร์ทิล, เบอร์นาร์ด อินอลท์ และมิกูเอล อินดูเรนที่เคยได้แชมป์ 5 สมัย เทียบกับนักปั่นในเปโลตองยุคปัจจุบันแล้วยังไม่มีใครได้แชมป์ตูร์เท่ากับฟรูม
แชมป์ปีนี้จะบอกว่าตัดสินกันด้วย Time Trial ก็ไม่ผิด เพราะมันคือสเตจที่ฟรูมทำเวลาห่างคู่แข่งมากที่สุด เขาทำเวลาห่างอูราน 1’16 นาทีจากสเตจ Time Trial ทั้งสองสเตจ – มากกว่าการทำเวลานำจากสเตจอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน
ถ้าไม่นับสเตจที่ฟรูมเสียเสื้อเหลืองให้กับฟาบิโอ้ อารู (Astana) ในสเตจ 12 และ 13 แล้ว ทีม Sky เป็นทีมเดียวที่ถือเสื้อผู้นำเวลารวมตั้งแต่สเตจ 1-4 (เกอเรนท์ โทมัส) และฟรูมถือเสื้อเหลืองในทุกสเตจต่อจากโทมัส นั่นคือ Sky ได้นำการแข่งขันทั้งหมด 19 จาก 21 สเตจ
ผู้นำคะแนนรวม – ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb)
เจ้าภูเขา – วาร์เรน บากิลล์ (Sunweb)
Best Young Rider – ไซมอน เยทส์ (Orica-Scott)
Most Combative Rider – วาร์เรน บากิลล์ (Sunweb)
Best Team – Team Sky
สำหรับรางวัลที่เหลือนั้นเสื้อผู้นำสองตัวตกเป็นของทีม Sunweb โดยที่ไมเคิล แมธธิวส์คว้าเสื้อเขียว และวาร์เรน บากิลล์คว้าเสื้อเจ้าภูเขาครับ ทีม Sunweb เป็นทีมที่โชว์ความสามัคคีและความขยันได้ดีที่สุดทีมหนึ่งในตูร์ปีนี้ เมื่อบากิลล์ออกช่วยลีดเอาท์ให้แมธธิวส์ในสเตจทางราบ เพื่อเป็นแท่นยิงให้เอซชาวออสซี่ไล่เก็บแต้มแซงคู่แข่ง และบางสเตจภูเขา เป็นแมธธิวส์ที่ออกเบรคอเวย์ไล่ตัดแต้มภูเขา ป้องกันไม่ให้คู่แข่งคนอื่นทำคะแนนนำบากิลล์ทั้งๆ ที่แมธธิวส์ไม่ใช่นักไต่เขาที่เก่งกาจเหมือนคนอื่น การออกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าของบากิลล์ยังทำให้เขาได้รางวัลนักปั่นที่ได้ใจกรรมการที่สุด เป็น Most Combative Rider ประจำปี 2017 ด้วย
รางวัล Best Young Rider หรือแชมป์เวลารวมจากนักปั่นที่อายุน้อยกว่า 25 ปีตกเป็นของไซมอน เยทส์ เป็นรางวัลเดียวกับที่ฝาแฝดของเขาอดัม เยทส์คว้าเมื่อปีก่อน
ทีม Sky เองโชว์ความเป็นทีมอันดับหนึ่งในตูร์ปีนี้ด้วยการคว้ารางวัล Best Team หรือทีมที่ทำเวลารวมดีที่สุด เร็วกว่าอันดับสอง (AG2R) +7:14 นาทีและดีกว่าอันดับสาม Trek Segafredo ถึง 1:44:46 ชั่วโมง ที่สำคัญ Sky ยังถือตำแหน่งนักปั่นที่ช้าที่สุดในตูร์ปีนี้ด้วย (ไม่มีรางวัล) นั่นคือลุค โรว์ โดเมสติกและกัปตันทีม Sky ที่ทำเวลาช้ากว่าฟรูม 4:35:52 ชั่วโมง
วาทะนักปั่น
คริส ฟรูม (Sky) – แชมป์รายการ
“ผมอยากขอบคุณทีม Sky ถ้าไม่มีทีมนี้ผมจะไม่มีทางชนะ ความมุ่งมั่นและความช่วยเหลือทุกอย่างของทีมที่แสดงออกในทุกขณะทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ครับ”
“Tour de France ปีนี้เป็นปีที่ยากที่สุดสำหรับผม คู่แข่งของผมแกร่งทุกคน ผมอยากขอบคุณผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่เราทุ่มเทแข่งขันกันอย่างเต็มที่ เราเจ็บปวดด้วยกันแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือมิตรภาพของนักปั่นทั้งเปโลตอง ผมจะไม่มีวันลืมความรู้สึกการได้สวมใส่เสื้อเหลือง และมันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ยืนบนแท่นผู้ชนะ Tour de France ครับ”
“ทุกครั้งที่ผมได้แชมป์ Tour de France มันต่างกันมากจริงๆ มันเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานกว่าจะได้มายืนที่ตรงนี้ ทุกชัยชนะมีความพิเศษของมันเอง แต่ปีนี้คนคงจดจำว่ามันเป็นปีที่สูสีที่สุดและเอาชนะได้ยากที่สุดระหว่างตัวเต็งรายการ
“ผมเคารพและชื่นชมนักปั่นที่ได้แชมป์ 5 ครั้งครับ ผมรู้ว่ามันยากแค่ไหน ผมต้องกลับมาแข่งอีกครั้งในปีหน้าให้ได้”
ดีแลน โกรนเวเก็น (LottoNL-Jumbo) – แชมป์สเตจ 21
“มันเป็นชัยชนะครั้งแรกของผมใน Tour de France และมันเป็นที่ๆ ยอดเยี่ยมที่จะชนะการสปรินต์ครับ วันนี้มันสมบูรณ์แบบจริงๆ ตอนผมเป็นเด็ก ผมเห็นสปรินเตอร์หลายคนชนะบนสนามอันทรงเกียรติที่กลางกรุงปารีสนี้ เพราะงั้นการได้เป็นแชมป์ในที่เดียวกันมันยากจะบรรยายความรู้สึกครับ”
ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb) – ผู้ชนะรางวัลคะแนนรวม
“พอผมรู้ว่ามีโอกาสชิงเสื้อคะแนนรวม ผมก็คว้ามันในทุกโอกาสที่มีครับ ปีหน้าผมอาจจะมีเป้าหมายอื่นที่ไม่ใช่ Tour de France แต่ตอนนี้ผมขอเอนจอยเสื้อผู้นำตัวนี้กับทีม…ทอม ดูโมลานก็ได้เสื้อชมพูใน Giro d’Italia บากิลล์ก็ได้เสื้อเจ้าภูเขาคู่กับผม มันเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาครับที่ได้ 3 เสื้อผู้นำในปีเดียว”
โรเมน บาเดต์ (AG2R) – อันดับ 3 overall
“ผมภูมิใจได้ที่ได้ขึ้นโพเดี้ยมการแข่งขันจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นครั้งที่สอง ผมดีใจที่มีโอกาสนี้ตอนที่อายุแค่ 26 ปี มันทำให้ผมมั่นใจและตั้งใจซ้อมให้หนักกว่าเดิม ผมจะไม่ห้ามให้ตัวเองไม่ฝันใหญ่ครับ ในสเตจภูเขาผมเป็นคนที่รุกหนักที่สุดแล้วผมก็สนุกกับมันมาก แต่โชคไม่ดีที่ผมปั่นได้ไม่ดีนักในเมื่อวานนี้”
วาร์เรน บากิลล์ (Sunweb) – ผู้ชนะรางวัลเจ้าภูเขาและ Most Combative Rider
“ความฝันของผมคือการได้แชมป์สเตจใน Tour de France แล้วปีนี้ที่ผมได้สองสเตจ ได้เสื้อเจ้าภูเขาด้วยมันเหนือความคาดหวังทุกอย่างครับ”
ริกโอเบอร์โต้ อูราน (Cannondale-Drapac)
“การได้ยืนบนโพเดี้ยมนี้มันงดงามมากครับ สำหรับผม Tour de France มันยิ่งใหญ่กว่าทุกๆ การแข่งขัน เราแข่งกันถึง 21 วันและมันมีประวัติศาสตร์ยาวนานเหลือเกิน ไม่มีการแข่งขันจักรยานสนามไหนที่ระดับการแข่งขันสูงเท่า Tour de France เพราะงั้นการที่จบอันดับสองพ่ายให้กับฟรูมไม่ถึงหนึ่งนาที ผมก็ไม่เสียใจเลยครับ มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการเป็นนักแข่งของผม ผมขอให้ชัยชนะนี้กับครอบครัว เพื่อนและเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่ช่วยเหลือผมตลอดการแข่งขันทั้งสามสัปดาห์นี้”
วิดีโอไฮไลท์