ถึงสนาม Tour de France ปีนี้จะแข่งกันมาแล้ว 15 สเตจ คิดเป็นเวลาบนจักรยานร่วม 64 ชั่วโมงเต็ม แต่ระยะห่างระหว่างนักปั่นที่เวลาดีที่สุด 4 คนแรกยังห่างกันไม่ถึง 30 วินาที จัดว่าเป็นการแข่งตูร์ที่สูสีที่สุดตั้งแต่เคยแข่งกันมาตามสถิติของผู้จัดการแข่งขันครับ และเรายังเหลือการแข่งอีก 6 สเตจให้ได้ลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนที่เร็วที่สุดใน Tour de France ปีนี้
สเตจ 15 Recap
สเตจ 15 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้เห็นชัยชนะของทีม Trek-Segafredo กับการเบรอเวย์เดี่ยวของบอเก้ โมเล็มม่า นักไต่เขาตัวเต็งของทีมที่ปั่นช่วง 30 กิโลเมตรสุดท้ายเพียงคนเดียวด้วยความเร็วเฉลี่ยถึง 47 กิโลเมตรต่อชั่วโมงฝ่าลมต้าน เข้าเส้นชัยก่อนอันดับสอง ดิเอโก้ อูลิซซี่ (UAE) และโทนี่ กาโลแพน (Lotto-Soudal) ถึง 19 วินาที เป็นชัยชนะสำคัญของทีม Trek เมื่อสปรินเตอร์ของทีม จอห์น เดเกนโคลบ์ ยังไม่มีผลงานเลย และเอซของทีมอับเบอร์โต้ คอนทาดอร์ ก็ไม่มีฟอร์มพอจะท้าชิงอันดับ GC
ด้านหลังแชมป์สเตจเป็นดราม่าของกลุ่ม GC เมื่อคริส ฟรูม (Sky) จักรยานมีปัญหา ซี่ล้อหักระหว่างทางขึ้นเขาที่ชันที่สุดของสเตจ ในขณะที่ทีม AG2R กำลังตั้งเพซโหด ส่งลูกน้องขึ้นมาทำความเร็วต่อเนื่องยกทีม ฟรูมหลุดกลุ่มแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ด้วยความช่วยเหลือของลูกทีมสามคนที่กลับลงไปพาฟรูมกลับเข้ากลุ่ม ซึ่งสุดท้ายฟรูมก็ตามทัน แม้จะโดนบาเดต์เปิดเกมยิงบนยอดเขา ก็ยังไม่หลุด (หลายคนให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่ใช่ฟรูม จังหวะนั้นคงหลุดเสียเวลาไปแล้ว) ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าฟรูมนั้นฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะ effort ในการไล่กลับจังหวะนั้นไม่ง่ายแน่นอนครับ (แถมยังมีพยายามยิงหนีคู่แข่งตอนลงเขาด้วย)
สุดท้ายกลุ่ม GC เข้าเส้นชัยพร้อมกันหมด ยกเว้นไนโร คินทานา (Movistar) ที่ยอมแพ้ไปแล้ว และให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า บางทีก็ต้องยอมรับความจริงว่ามันถึงขีดจำกัดที่เราจะทำได้แล้ว สุดท้ายเขาหลุดอันดับ Top 10 GC ไปในที่สุด และแดน มาร์ติน (Quickstep) ที่เบรคอเวย์หนีกลุ่มไปแปะกับกลุ่มไล่ที่อยู่ด้านหน้า ทวงเวลารวมมาได้ +14 วินาที เลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ที่ +1:12 นาที
เส้นทางที่เหลือเป็นยังไง?
ต่อจากนี้เราเหลือการแข่งอีก 6 สเตจ แบ่งเป็นสภาพเส้นทางได้ตามนี้ครับ
- สเตจ 16 – ทางเขาช่วงแรก ทางราบช่วงหลัง อาจจบด้วยการสปรินต์
- สเตจ 17 – ภูเขาสูงชันแบบแฮททริคในแอลป์ (Galibier, Croix de Fur, Col du Telegrafe)
- สเตจ 18 – เส้นชัยบนยอดเขา (Col d’Izoard)
- สเตจ 19 – เขาครึ่งแรก ทางราบครึ่งหลัง น่าจะจบสปรินต์
- สเตจ 20 – Time Trial 23 กิโลเมตร
- สเตจ 21 – ทางราบ สปรินต์
โดยรวมๆ แล้วเราเหลือสเตจที่ชิงเวลารวมกันได้ 3 สเตจ (17, 18, 20) และโอกาสสำหรับสปรินเตอร์ / เบรคอเวย์อีก 3 สเตจ
เดิมพันเสื้อ Best Young Rider เป็นยังไง?
รางวัลแรกที่ล็อคเบอร์แล้วแน่นอนเลยคือเสื้อขาว Best Young Rider ซึ่งตอนนี้ครองโดยไซมอน เยทส์ (Orica-Scott) ตอนนี้เยทส์เวลานำคู่แข่งคนรอง (หลุยส์ แมนคียส์ – Emirates) ร่วมสามนาที และดูจากฟอร์มแต่ละสเตจแล้ว เยทส์ยังเป็นต่อคู่แข่งคนอื่นๆ อีกมาก เพราะเป็นนักปั่น Under 25 คนเดียวที่ตามกลุ่ม GC ได้จนจบทุกสเตจครับ
เดิมพันเสื้อเจ้าภูเขาเป็นยังไง?
สำหรับเสื้อลายจุดนี่ก็น่าจะแบเบอร์แล้วอีกเช่นกัน วาร์เรน บากิลล์ (Sunweb) นำอยู่ที่ 116 แต้ม และอันดับสอง พริมอซ โรจ์กลิค (LottNL) มีแค่ 38 แต้มเท่านั้น จากฟอร์มของบากิลล์ที่ออกเก็บแต้มตลอดทั้งสัปดาห์ที่สองแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะเพิ่มคะแนนต่อในสัปดาห์ที่สามไม่ได้ครับ ถึงเขาไม่ออกเก็บแต้มเลย ถ้าคู่แข่งไม่ขยันเก็บคะแนนทุกยอดเขาที่เหลือ ก็ไม่มีทางปลดเสื้อเขาได้แล้ว
แล้วเสื้อเขียวคะแนนรวมล่ะ?
ตัวนี้ต้องบอกว่ายังมีโอกาสพลิกมือได้ครับ คิทเทล (Quickstep) มีคะแนนนำที่ 373 แต้ม แมธธิวส์ (Sunweb) อันดับสองอยู่ที่ 294 แต้ม
ทีนี้พักหลังเราเริ่มเห็นว่าแมธธิวส์ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ และออกตัดแต้มในสเตจภูเขาแซงหน้าคิทเทลได้ตลอด แมธธิวส์ต้องการอีก 79 แต้มเพื่อชิงเสื้อจากคิทเทล ซึ่งก็ไม่ง่าย ถ้าคิทเทลได้แชมป์สเตจอีก (มีโอกาสอีกสามครั้ง) เขาจะได้สเตจละ 50 แต้ม ส่วนคะแนนที่แมธธิวส์พอจะชิงได้ก็เป็นจุดสปรินต์กลางสเตจ (ที่หนึ่งได้ 20 แต้ม) สเตจแบบที่แมธธิวส์มีโอกาสชนะเหมือนสัปดาห์ก่อน หมดไปแล้ว ยกเว้นว่าเขาจะออกเบรคอเวย์ชิงแชมป์สเตจครับ
โดยทฤษฏีแล้ว แมธธิวส์ยังมีโอกาสชิงเสื้อเขียว แต่ในทางปฏิบัติ บวกกับฟอร์มการสปรินต์ของคิทเทลแล้ว ก็ต้องบอกว่ายากเหมือนกัน
เสื้อเหลืองสูสีแค่ไหน?
ลองดูอันดับ GC ตอนนี้กันก่อน
อันดับ GC คงชิงกันแค่ใน 6 คนแรกนี้ครับ หลังจากแลนด้าลงไปคงลุ้นยากแล้วด้วยฟอร์มที่เราเห็นตอนนี้ (มีเซอร์ไพรส์จาก BMC เป็นดามิอาโน คารูโซ่ ที่ตีตื้นขึ้นมาอยู่ใน Top 10)
จากสเตจที่เหลือ เรามีสเตจภูเขาจริงๆ จังๆ อีกสองสเตจที่จะให้คู่แข่ง GC ทำเวลาหนีกันได้ ฟอร์มนักไต่เขาแต่ละคนดูไม่ห่างกันมาก เพราะงั้น gap ใหญ่ๆ ระดับ 30 วินาที + คงเป็นไปได้ยากครับ ถ้าจะมีคนหลุดคงเป็นเพราะขาไม่มีแรงมากกว่าที่อีกคนจะฟอร์มดีแบบเด็ดขาดเหมือนที่เราเห็นในฟรูมเมื่อปีก่อนๆ
จาก 4 คนแรก ที่เวลาห่างกันไม่ถึง 30 วินาที – ฟรูมปั่น Time Trial ได้ดีที่สุด (เหรียญโอลิมปิก TT หลายสมัย และผลงานในตูร์ปีก่อนๆ) อารู กับ บาเดต์น่าจะฟอร์มการปั่น TT ใกล้เคียงกัน แต่ม้ามืดกลับเป็นอูราน ที่เคยชนะสเตจ TT ใน Giro d’Italia และเป็นคนที่ทั้งอารูและบาเดต์ต้องระวังที่สุด
เพราะงั้นสเตจสุดท้ายที่กลุ่ม GC จะเชือดฟรูมได้ก็คือสเตจที่จบบน Col d’Izoard และอันดับโพเดี้ยมสุดท้ายยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั้งสามคนต้องการเวลาอย่างน้อย 90-120 วินาทีเพื่ออุดเวลาที่ฟรูมจะตีคืนในสเตจ 20 Time Trial ครับ
ม้ามืดแบบ wildcard อีกสองคนเป็น แดน มาร์ติน (Quickstep) ที่ชัดเจนว่าไต่เขาดีมาก และมิเคล แลนด้า (Sky) ที่อาจจะเป็นนักไต่เขาที่ฟอร์มดีที่สุดในรายการนี้ด้วยซ้ำ
สถานการณ์ที่น่าสนใจคือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคู่แข่งฟรูมกระชากหนีเขา และ Sky สั่งให้แลนด้าไล่ประกบ แต่การทำเช่นนั้นอาจจะทำให้แลนด้าได้เสื้อเหลืองหรือขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ของ GC คำถามคือ Sky จะสั่งให้แลนด้าหยุด หรือฟรูมจะต้องไล่เพื่อนร่วมทีมตัวเอง? อันนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ เพราะเหตุการณ์อย่างสเตจที่คอนทาดอร์พาแลนด้าหนีนั้นเกิดขึ้นได้อีกแน่นอน
ทีมอื่นๆ ยังมีเวลาทำผลงาน
ถึงเสื้อผู้นำทั้งสี่ตัวจะมีเจ้าของกันหมดแล้ว และคงยากที่คนอื่นๆ นอกจากรายชื่อตัวเต็งที่เรากล่าวถึงจะชิงมาได้ ก็ยังมีรางวัลแชมป์สเตจให้ชิงกันอยู่อีกถึง 6 สเตจครับ
ในการแข่งปีนี้มี 10 ทีมที่ได้แชมป์สเตจ โดยที่ Quickstep ทำผลงานดีที่สุดกับยอดแชมป์ 5 สเตจ ทีนี้สเตจ 16 และ 19 เนี่ย จะจบได้สองทางคือ either เบรคอเวย์หรือสปรินต์ เพราะทั้งสองสเตจมีช่วงแรกที่เป็นเขาสูงชัน ซึ่งถ้าเบรคอเวย์แข็งพอ อาจจะหนีกลุ่มได้จนจบการแข่งขัน นั่นหมายความว่าสปรินเตอร์ก็จะเหลือโอกาสทำผลงานแค่สเตจสุดท้ายในปารีส ผมคิดว่าทั้ง 16 และ 19 เราจะได้เห็นเบรคอเวย์กลุ่มใหญ่ระดับ 20 คน++ เพราะยังเหลือทีมอีก 12 ทีมที่ไม่มีผลงานอะไรเลย (Movistar, BMC, DD, Lotto-Soudal, Bahrain, UAE, LottoNL, Fortuneo, etc etc)
โดยรวมแล้วทั้งสัปดาห์นี้ยังมีอะไรให้ลุ้นจนจบรายการครับ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อเขียว แชมป์สเตจและดราม่าที่ต้องมีอีกแน่นอน!