เช็คฟอร์มทีม 2019: Katusha-Alpecin กับปีที่ต้องอยู่ท้ายตาราง

สำหรับ Katusha-Alpecin ปี 2018 คงเป็นปีที่น่าผิดหวังที่สุดตั้งแต่ตั้งทีมมา

ถึงจะมีนักปั่นเก่งๆ อยู่หลายคนแต่ Katusha ทำได้เพียงแค่ 5 ชัยชนะเท่านั้นตลอดทั้งฤดูกาล น้อยลงกว่าเดิมจนน่าใจหาย จริงว่าในการแข่งจักรยานที่สนามนึงเริ่มสตาร์ทกันด้วยนักปั่นอย่างน้อย 160 คนนั้น โอกาสชนะของนักปั่นแต่ละคนมีน้อยมาก

มันเป็นธรรมชาติของกีฬาแบบ mass start ครับ เราวัดผลงานทีมและนักปั่นด้วยชัยชนะ แต่อย่าลืมว่าจากกลุ่ม 160-190 คนนั้น มันมีผู้ชนะได้แค่คนเดียวต่อ สเตจ หรือต่อสนาม หมายความว่าการที่จะชนะในแต่ละวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย (ถ้าคิดแบบนี้แล้วสเตจเรซอย่างแกรนด์ทัวร์ก็คือสนามแข่ง 21 สนามติดต่อกัน) แน่นอนว่าแต่ละทีมมีเอซ หรือ striker พูดภาษาบอลก็คือกองหน้าตัวทำประตู แต่กองหน้าเหล่านี้ ซึ่งอาจจะเป็นสปรินเตอร์หรือนักไต่เขาเก่งๆ หรือนัก Time Trial เก่งๆ ก็ยังต้องเจอกองหน้าของทีมอื่นอีกนับสิบคนในสนามเดียวกัน

เพราะงั้นแล้วการจะชนะการแข่งขันในระดับโปร และชนะให้ได้ต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง

พอเรามองในมุมนี้แล้วทีมที่ชนะถึง 73 ครั้งในปี 2018 อย่าง Quickstep หรือนักปั่นที่ชนะหรือขึ้นโพเดี้ยมติดต่อกันได้แทบทุกรายการที่ลงแข่งอย่างซากาน จึงเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก พวกเขาทำให้ชัยชนะมันดูเป็นเรื่องธรรมดา จนเราคิดว่าถ้าไม่ชนะคือกระจอก แต่จริงๆ ไม่ใช่เลยครับ

โอเค กลับมาต่อที่ Katusha ทำไมทีมถึงน่าผิดหวัง? ต้องลองดูผลงานในอดีตครับ 

ปี 2016 มี 40 ชัยชนะ (ผลงานกว่าครึ่งมาจากอเล็กซานเดอร์ คริสทอฟ) 

ปี 2017 มี 17 ชัยชนะ (9 ชัยชนะมาจากคริสตอฟ) 

ปี 2018 มี 5 ชัยชนะ 

ผลงานลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุผลที่น่าผิดหวังก็เพราะว่ามันไม่ควรจะลดครับ เพราะทีมได้กองหน้าขาแรงอย่างมาร์เซล คิทเทล ที่ย้ายหนีมาจาก Quickstep ด้วยเหตุผลที่ไม่อยากแย่งตำแหน่งหัวหน้าทีมกับวิวิอานีและกาวิเรีย (ซึ่งคนหลังก็หนีไป UAE) และยัง,uโทนี มาร์ตินที่ปกติการันตีผลงานให้ทีมได้ทุกปีในการแข่ง Time Trial

ทว่าในปี 2018 คิทเทลชนะแค่สองครั้งจากสนาม Tirreno-Adriatico ช่วงต้นปีและต้องถอนตัวจาก Tour de France ตั้งแต่สเตจ 9 โดยไม่ได้ฝากผลงานไว้เหมือนในปีก่อนๆ เลย ส่วนโทนี มาร์ตินชนะชิงแชมป์ TT เยอรมันแค่รายการเดียวตลอดทั้งปี จะบอกว่าเป็นการย้ายทีมที่เฟล์ที่สุดของทั้งคู่ก็ว่าได้

จริงๆ ตรงนี้ก็เข้าใจได้นะครับ การย้ายทีมย่อมมีข้อติดขัดเสมอ สำหรับสปรินเตอร์อย่างคิทเทลที่ปกติต้องพึ่งผู้ช่วยลีดเอาท์ในการส่งตัวขึ้นสปรินต์ ก็ต้องมาปรับจูนใหม่ ไม่มีลีดเอาท์เบอร์หนึ่งของ Quickstep คอยช่วยแล้ว 

ในสนามคลาสสิคทีมได้ที่ 7 ใน Paris-Roubaix ส่วนรายการอื่นๆ หลุด Top 10 หมด ในสเตจเรซระดับ WorldTour ทีมติด Top 10 GC เพียงสองครั้ง และในแกรนด์ทัวร์ อิลเนอร์ ซาคารินได้อันดับ 9 เหมือนจะดี แต่คงผิดคาดไม่น้อยเพราะปี 2017 ซาคารินได้ที่ 3 ใน Vuelta a Espana 

 

ปี 2019 แก้มือยังไงดี? 

คิทเทลจะกลับมาแรงเหมือนเดิมได้หรือเปล่า?

ว่าตามตรง มันคงยากมากถ้าจะทำผลงานให้แย่กว่าเดิม เราเห็นคิทเทลฟอร์มตกมาครั้งสองครั้งแล้วเช่นในปี 2015 ก่อนที่เขาจะมาดังเป็นพลุแตก ผมว่าปัญหาหลักของคิทเทลน่าจะเป็นเรื่องจิตใจมากกว่าร่างกาย เพราะพอคืนฟอร์มได้ทีไรก็ชนะแบบขาดลอยเก็บแชมป์ต่อๆ กันหลายรายการ (แต่ปีนี้อาจจะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนเพราะคู่แข่งสปรินเตอร์เก่งๆ มีเพิ่มขึ้นหลายคน) อย่างน้อยๆ คิทเทลคงเก็บชัยชนะมากพอที่จะรักษาค่าตัวสำหรับสัญญาต่อไป ถ้าเขาเลือกไม่ต่อกับ Katusha 

ทางฝั่ง GC ทีมยังคงพึ่งซาคารินอยู่ ซึ่งก็ยังมีโอกาสอีก 3-4 ปีเป็นอย่างน้อยเพราะตอนนี้เขาเพิ่งอายุ 29 และเป็นคนที่การันตีผลงานระดับ Top 10 แกรนด์ทัวร์ได้ชัวร์ (ปีที่ดีที่สุดคือ 2017 ที่เขาได้อันดับ 5 Giro และอันดับ 3 Vuelta) 

แผนของทีมน่าจะไม่ต่างจากปีที่แล้วคือ ส่งซาคารินไปลง Giro – Vuelta ที่เขามีโอกาสขึ้นโพเดี้ยมมากว่าใน Tour de France และปล่อยให้สปรินเตอร์ของทีมอย่างคิทเทลและคริสทอฟไล่เก็บแชมป์สเตจในตูร์แทน 

ปัญหาอีกอย่างของ Katusha คือขาดเอซเบอร์รองที่จะใช้ไล่เก็บผลงานในสนามเล็กๆ พอพระเอกของทีมลุยงานไม่ได้ ผลงานก็หดหายอย่างที่เห็นครับ ได้แต่หวังว่าคิทเทลจะคินฟอร์มจริงๆ ละไม่งั้นอยู่ท้ายตารางอีกแน่ๆ //

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *