บันทึก DT: 22 เดือนกับ Ridley Fenix ของนักปั่นขี้งก

สิ่งที่ผมเห็นผู้คนให้ความสนใจเยอะที่สุดในวงการจักรยานบ้านเรา ก็คือเรื่องอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นซื้อจักรยานอะไรดี ราคาเท่าไรดี เปลี่ยนอะไหล่ยังไงดี? ร้านจักรยานเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด จำนวนก็มากขึ้นตามกำลังซื้อและเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบมากขึ้นทุกวันๆ บอร์ดและกรุ๊ปซื้อขายแลกเปลี่ยนจักรยานมือสองกลายเป็นถาวรวัตถุในหน้าบราวเซอร์ของหลายๆ คนที่ต้องเช็คทุกชั่วโมง

ไม่แปลก เพราะจักรยานเป็นกีฬาที่อุปกรณ์เป็นพระเอก อีกมุมหนึ่งจักรยานก็เป็นสิ่งของที่ทั้งสะท้อนและสร้างตัวตนของผู้ใช้ด้วย “พี่เอก BMC”, “น้องบอมบ์ S-Works” “พี่สิงห์ Oltre” น่าจะเป็นฉายาที่เห็นกันได้ทุกกลุ่ม

แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องกลัวว่าโพสต์นี้ผมจะมาต่อว่าคนที่ชอบแต่งรถครับ แต่ละคนรับความสุขจากจักรยานไม่เหมือนกัน ที่จะคุยวันนี้เป็นเรื่องของผมกับเสือหมอบคู่ชีพและเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ยอมเปลี่ยนจักรยานสักที

ridley fenix (10 of 11)

Ridley Fenix คันนี้รวมสิริอายุประมาณ​ 22 เดือนเต็ม ได้มาตั้งแต่เดือนมกราคมเมื่อปีที่แล้ว มาแบบเฟรมเปล่าๆ มือสอง ได้มาจากบอร์ด Thaimtb นี่หละครับ ตอนนั้นก็คงคิดเหมือนหลายๆ คนที่ว่ามีงบราวๆ 5-6 หมื่นจะจัดหมอบสักคันต้องเลือกยังไงดี ไม่เป็นเฟรมอลูตัวท๊อปก็คาร์บอนตัวล่าง โชคดีที่เฟรม Fenix นี่ก็ไม่ถือว่า “ล่าง” ซะทีเดียว เพราะโปรทีมยังเอาไปใช้แข่งสนามเถื่อนๆ อย่างพารี-รูเบ โอเคเนื้อคาร์บอนไม่ใช่รุ่นท๊อป น้ำหนักก็มากสักหน่อย (ประมาณ 1,200g) แต่สิ่งที่ได้ก็คือความทนทาน ก็ดี ไม่ต้องห่วงมาก ปกติก็ไม่ใช่คนดูแลของดีอะไรมากมายอยู่แล้ว เหมาะที่จะเอามาทั้งซ้อมและแข่งแบบไม่ต้องกังวล ฝนตกก็ลุยได้ เลอะก็ล้างเอา

ปั่นไปได้สักปีก็เริ่ม “คัน” คือไอ้ความอยากเนี่ย ไม่ใช่ไม่มี มีเหมือนทุกคน ถึงขนาดทำสเป็คเป็น spreadsheet ลง Excel แยกทีละชิ้นเลยว่าจะอัปเกรดอะไรบ้าง ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไร ตัวเลือกรองคืออะไร… บวกลบ เกินงบเท่าไรยังไง เกือบจะควักเงินอยู่หลายครั้ง แต่มีจุดเปลี่ยนสองครั้งที่ทำให้ผมตัดสินใจยังใช้มันจนถึงทุกวันนี้

IMG_9222

จุดแรกคือ ทุกครั้งที่ออกไปปั่นกับ “คันเก่า” ทีไร ก็มักจะกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกไม่ดี

“แล้วที่ใช้อยู่มันไม่ดียังไงนะ?”

ก็ตอบไม่ได้ นอกจาก มันไม่สวย มันไม่ล่าสุด มันไม่แอโร มันไม่เบา มันทำให้กลับมาถามตัวเองว่า เราซื้อจักรยานมาทำอะไร? ซื้อมาโชว์ก็ไม่ใช่ เพราะ 99% ของเวลาที่ปั่น ปั่นคนเดียว แถมไม่ใช่คนชอบถ่ายรูป ไม่โชว์รถขึ้นโซเชียล

ซื้อมาแข่งก็ไม่เชิง เพราะปีนึงลงไม่ถึง 5 สนาม แล้วที่ลงไปน่ะ ต่อให้ใช้ล้อแอโรขอบสูงราคาหลายหมื่นก็ไม่ชนะอยู่ดี

เลยมาตั้งใจคิดแบบจริงจังเลยว่า มันมีอะไรดีไม่พอความสามารถและความต้องการของเราหรือเปล่า? ถ้าตัดเรื่องของกิเลสและความอยากความคันแล้ว ก็ได้คำตอบว่า

“ไม่มีเลยนี่หว่า!”​

เยินดีมะ
เยินดีมะ

ล้อ Campagnolo Zonda: น้ำหนัก 1.5 กิโลนิดๆ ทนยังกะรถถัง ดุมลื่นไหลไม่หยุดหมุน ต้องเติมเยอะ? จะเติมไปไหนหละ ก็ปั่นอยู่คนเดียว แช่ความเร็ว 40-45-50 มันก็ทำได้ ถ้าฟิต ถ้ามีแรง

เฟรม Ridley Fenix: โปรใช้แข่งสนามที่โหดเถื่อนบ้าบอที่สุดในโลกนะเว้ย!? ไม่พอตรงไหน? ลองขี่รถเพื่อน Pinarello Dogma, Canyon Ultimate CF, Specialized S-Works etc… โอเค รถหรูขี่ดีนะ นิ่มดี มั่นคงดี พุ่งดี แต่รถเราก็ไม่ได้แย่ อาจจะไม่ได้อารมณ์แบบ “กดเป็นมา” (มันนิ่มๆ ไหลๆ น่ะ) สรุปเออออกับตัวเองว่า มันคือความต่างมากกว่าความเหนือชั้น ผมพอใจกับ Fenix แล้ว

อะไหล่ แฮนด์ สเต็ม อลูมินัม หนัก แต่ทนดี ล้มไม่เครียด พังไม่แคร์

ชุดขับ Shimano 105 อยากให้มันพังมันก็ไม่พังสักที ล้มก็แล้ว ขูดก็แล้ว กระแทกก็แล้ว ก็ไม่แย่นี่หว่า!

มุมนี้ก็เยิน
มุมนี้ก็เยิน

ยิ่งซ้อม ยิ่งลืมรถ

จุดเปลี่ยนที่สองคือ ผมเริ่มฝึกซ้อมปั่นกับโค้ชต่างชาติที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาได้ราวๆ 4-5 เดือน ด้วยความรู้สึกที่ว่า ไหนๆ ลงมาอยู่กับเรื่องจักรยานแล้ว อยากลองเค้นความสามารถตัวเองให้สุดๆ ดู เป้าหมายของผมไม่มีอะไรมาก อยากจะปั่น Time Trial สู้กับเวลาของตัวเองให้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นความชอบส่วนตัว ชอบทรมานตัวเอง…

แต่ยิ่งได้ซ้อม ยิ่งได้ฝึกมากขึ้นเท่าไร ความสนใจอุปกรณ์มันยิ่งลดลง เรากลับมาให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้น ทั้งการดูแลสุขภาพ อาหารการกิน การออกกำลังกาย การยืดกล้ามเนื้อ การพักผ่อนให้เพียงพอ พอมีวินัยทำตามโปรแกรมการซ้อมแล้วผลมันมาแบบคาดไม่ถึง ทั้งปั่นอึดขึ้น ไวขึ้น ผอมลง และเข้าใจการทำงานของร่างกายเรามากขึ้น

กลายเป็นว่าทุกครั้งที่จับจักรยานออกปั่น เราแทบจะไม่นึกถึงอุปกรณ์แล้ว ขอแค่มันสภาพดี สะอาด เข้าเซอร์วิสตรงเวลา ไม่มีอะไรเสียหายก็โอเค คันนี้นี่แหละ ขี่ได้เรื่อยๆ

แผลเพียบ!
แผลเพียบ!

ถ้าถามว่าพอใจไหมกับจักรยานที่ใช้อยู่ ก็บอกได้เลยว่า พอแล้ว เพราะไม่รู้จะเปลี่ยนทำไมถ้ามันยังใช้งานได้ดี

แต่ข้อเสียที่มากับทัศนคติแบบนี้มันก็มีครับ
ด้วยที่เราคลุกคลีกับจักรยานทุกๆ วัน ผมแทบไม่ตื่นเต้นกับอุปกรณ์ใหม่ๆ รถใหม่ๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว ความรู้สึกเหมือนเด็กได้ของเล่นมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเบื่อไปหมดนะ ก็ยังชอบ ยังอยากเรียนรู้ว่าเขามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ มาพัฒนากันทุกปี คือถ้ามีคนใจดี ซื้อให้ขี่ฟรีๆ ก็เอา แต่ต้องเดือดร้อนไปซื้อรุ่นล่าสุดไหม ก็ไม่

เลยสงสัยเหมือนกันว่าจะมีจักรยานคันที่เราอยากได้จริงๆ หรือเปล่าหละทีนี้!?
ความพอใจกลายเป็นเรื่องเดือดร้อนซะอย่างนั้น ^^”

แต่มันก็สวยดีน่ะนะ
แต่มันก็สวยดีน่ะนะ

ridley fenix (3 of 11)

แผลนี้ได้มาตั้งแต่เดือนที่สอง ซิ่งไปหน่อย ชนกับคันอื่นจนท่อนอนเปราะ ต้องส่งไปพันคาร์บอนมาใหม่ครับ
แผลนี้ได้มาตั้งแต่เดือนที่สอง ซิ่งไปหน่อย ชนกับคันอื่นจนท่อนอนเปราะ ต้องส่งไปพันคาร์บอนมาใหม่ครับ
นี่ก็แผล
นี่ก็แผล
ไอ้นี่มันไม่รักษาของเลยนิหนา!? (ก็จริง ยอมรับ...)
ไอ้นี่มันไม่รักษาของเลยนิหนา!? (ก็จริง ยอมรับ…)
เอาน่ะก็ยังใช้ได้ดี  ปั่นกันต่อไปไรเดอร์
เอาน่ะก็ยังใช้ได้ดี ปั่นกันต่อไปไรเดอร์

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *