7 ไฮไลท์จากสนาม Tour Down Under

[dropcap letter=”มี”]หลายเหตุผลที่ทำให้ Tour Down Under เป็นรายการท่ีสนุกมากทุกๆ ปีครับ ผมว่าปีนี้ก็ไม่ต่างกัน รายการนี้จัดมาสิบกว่าปีแล้ว เริ่มจากสนามเล็กๆ ที่สปรินเตอร์เป็นแชมป์ทุกปี (เพราะเส้นทางไม่มีภูเขา) จนกลายมาเป็นรายการแข่งที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ ผู้จัดวางเส้นทางการแข่งได้สนุกนาน และเมื่อบวกกับความที่มันเป็นสนามแข่งรายการแรกของปีแล้วก็ถือว่าเรียกความสนใจจากคนดู — และแม้แต่ตัวผู้เข้าแข่งขันเองได้ดีไม่น้อยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักแข่งชาวออสซี่ ดูจากผลการแข่งทั้ง 6 สเตจแล้ว มี 5 สเตจที่แชมป์เป็นชาวออสซี่ ยิ่งถ้าดูผล Top 3 แล้วก็เป็นชาวออสเตรเลียทั้งสามคน

ปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ TDU จัดได้สนุกมากครับ DT มีวิเคราะห์การแข่งเก็บตกมาฝากกัน

1. บ็อบบริดจ์ไม่ธรรมดา

Tour Down Under stage 1 (1 of 2)

สาเหตุที่นักปั่นชาวยุโรปทำผลงานได้ไม่ดีเท่าชาวออสเตรเลียในรายการนี้นั้นจริงๆ ไม่น่าแปลกใจ เพราะช่วงเดือนมกราคมเป็นฤดูร้อนที่นักปั่นกำลังฟอร์มดี รายการแข่งในประเทศออสเตรเลียส่วนใหญ่จะจัดในช่วงฤดูร้อนนี้ครับ ก่อนจะเริ่ม Tour Down Under เขาก็เพิ่งจะแข่งชิงแชมป์จักรยานออสเตรเลียมาหยกๆ นักปั่นเจ้าถิ่นเลยฟอร์มดีเป็นพิเศษเพราะหวังเป็นแชมป์ประเทศ และจะได้แสดงผลงานดีๆ ในปีนี้ด้วย

คนแรกที่ผมว่าสุดยอดมากในรายการนี้คือ แจ๊ค บ็อบบริดจ์ พี่แกไม่ได้ลงแข่งกับโปรทีมต้นสังกัด แต่มาลงให้ UniSA (University of South Australia) ซึ่งเปรียบเสมือนทีม Wildcard ของรายการนี้ เป็นทีมรวมดาวท้องถิ่นก็ว่าได้ น้องคาเล็บ ยวน สปรินเตอร์ตัวแรงที่เพิ่งไปอยู่กับ GreenEdge ก็ดังมาจากทีมนี้เหมือนกัน

บ็อบบริดจ์กำลังฟอร์มดีเพราะว่าเขาเตรียมซ้อมแข่ง Hour Record วันที่ 31 มค นี้ ก่อนหน้านี้เขาดังมาจากสนามลู่ แต่พอมาอยู่กับ GreenEdge ก็ฟอร์มตกไปหน่อย ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าทำผลงานได้ไม่ดีมาก แต่อย่างว่าครับ นักปั่นมีปีฟอร์มดีและไม่ดี โชคก็สำคัญ ปีนี้บ็อบบริดจ์มาแรงมาก เริ่มตั้งแต่เบรคอเวย์ยาวๆ ในสเตจ 1 และคว้าแชมป์สเตจ พร้อมเสื้อผู้นำถึงสองวัน วันไหนไม่ได้อยู่ในเบรคอเวย์ยาวๆ ก็เป็นกัปตันทีมนำลูกทีมชนะสเตจ (สตีล วอน ฮอฟ ชนะสเตจ 4 เพราะได้บ็อบบริดจ์ช่วยวางตำแหน่งให้ในกิโลเมตรสุดท้าย)

ไม่บ่อยที่เราจะเห็นนักปั่นคนหนึ่งมั่นใจในความสามารถและชัยชนะราวกับสั่งได้เหมือนจับวางอย่างบ็อบบริดจ์ครับ ทั้งสีหน้า แววตาและท่วงท่าการปั่น มันแสดงถึงความกล้าได้กล้าเสียและความมั่นใจแบบเต็มเปี่ยม ลองดูไฮไลท์สเตจ 1 อีกรอบในจังหวะที่เขาตามท้ายเบรคอเวย์แถวหน้าเส้นชัย บ็อบบริดจ์เหลียวหลังสองสามครั้งเพื่อเช็คระยะ peloton แล้วกะจังหวะยกทิ้งกลุ่มได้สมบูรณ์แบบมากจนชนะแบบนำห่าง ไม่ใช่เพราะเขาฟอร์มดีอย่างเดียว แต่เขาทำการบ้านจนรู้จักเส้นทางการแข่งขันทุกกิโลเมตร GreenEdge คงเสียใจไม่น้อยที่ปล่อยเขาทิ้งไป และเห็นหน้าแก่ๆ แบบนั้น เขาเพิ่งจะอายุ 25 ปีเท่านั้น!

 

2. อย่าประมาท เดนนิส

Tour Down Under stage 3 (1 of 3)

BMC สูญเสียนักปั่นคนสำคัญที่สุดของทีมเมื่อคาเดล เอวานส์ตัดสินใจอำลาวงการปลายเดือนมกราคมนี้ แต่เขาไม่ได้ทิ้งทีมไปในสภาพที่หมดหวังครับ เพราะตอนนี้ BMC มีแต่นักปั่นหน้าใหม่ไฟแรง ที่พร้อมจะขึ้นรับช่วงต่อ “ลุง” คาเดลแล้ว เห็นได้ชัดจากสนามนี้ที่โรฮาน เดนนิส นักปั่นชาวออสซี่วัย 24 เดินงานได้ดีทีเดียว เดนนิสโชว์เซอร์ไพรส์โจมตีตัวเต็งในสเตจ 3 จนได้สเตจวินแบบงงๆ เพราะไม่ใช่แผนที่ทีมวางไว้ แต่เขาก็รักษาเสื้อผู้นำ สู้กับริชีย์ พอร์ท (Sky) ได้แบบต่อตัวในสเตจ 5 บนทางขึ้นเนิน Willunga Hill

สิ่งที่น่าทึ่งไม่ใช่ว่าเขาเป็น “ม้ามืด” หรือไม่เก่งอะไรครับ เดนนิสเป็นนัก TT ระดับโลก ทุกคนรู้ดี แต่การที่เขาปีนเนินแซง พอซโซวิโว เอวานส์ และพอร์ทได้ก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าจับตาครับ โอเค ไม่ใช่เขาแอลป์ที่ยาวหลายสิบกิโลแบบที่คอนทาดอร์กับฟรูมแลกหมัดกัน แต่ถ้า BMC ปั้นเดนนิสดีๆ ก็ถือว่ามีแววระดับหนึ่ง ผมไม่คิดว่าเขาจะไต่เขาดีเหมือน ทีเจย์ แวนการ์เดอเรน ดูเดนนิสจะออกมาในแนว โทนี มาร์ติน หรือทอม ดูโมลินเสียมากกว่า ที่ปีนเขาสั้นๆ ได้ดีและ Time Trial ได้ดีมาก แต่ใครจะรู้? อนาคตเขาอาจจะเป็น GC Contender ที่น่ากลัวก็ได้

คาเดลอาจจะจบอาชีพไม่สวยเท่าไร ที่ไม่ชนะ Tour Down Under แต่การที่เขาช่วยไกด์น้องใหม่ให้ได้แชมป์รายการ ในขณะที่ตัวเองปิดท้ายโพเดี้ยมด้วยอันดับสามก็ถือว่าจบสวยไม่น้อยหละครับ

 

3. วิปเพิร์ตคือใครน่ะ?

Santos Tour Down-Under  2015  stage - 6

ผู้ชนะสเตจสุดท้ายเป็นสปรินเตอร์จากทีม Drapac นามว่าเวาเธอร์ วิปเพิร์ต ถ้าดูผลการแข่งละเอียดหน่อยจะเห็นว่าเขาติดโพเดี้ยมอันดับ 3 ในสเตจ 4 และในสเตจไครทีเรียม People’s Choice Classic ด้วย คนนี้ถือว่าเป็นม้ามืดครับ ปีที่แล้วเขาคว้าแชมป์สนาม UCI 8 ครั้ง (จากผลงานของทีม Drapac ทั้งหมด 11 ครั้ง) ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าหากเขารักษาโมเมนตั้มต่อไปได้ อาจจะมีสิทธิได้เลื่อนขั้นไปอยู่ทีมดิวิชัน 1 เร็วๆ นี้

 

4. Movistar — Astana สองทีมแกร่ง

Tour Down Under stage 2 (1 of 3)

ในสเตจ 5 ก่อนขึ้นเนิน Willunga Hill ทีม Astana ขโมยซีนทีม GC ด้วยการเร่งเครื่องก่อนถึงตีนเนินในช่วงที่ลมตีข้าง (Crosswind) กำลังพัดแรง เล่นเอากลุ่มหน้าขาดขบวนเลยทีเดียว Astana ที่นำโดยคาทัลโด และหลุยส์ ลีออน ซานเชซ เกือบจะทำลายฝันทีม Sky เพราะพอร์ทหลุดขบวน เกือบจะกลับมาไล่ไม่ทัน ถึงจะเป็นช่วงเริ่มฤดูกาล แต่ทีมใหญ่ก็ดูจฟอร์มดีและมีกลยุทธ์รุกรับเด่นกว่าทีมเล็กอย่างชัดเจนครับ Astana อาจจะไม่ชนะ แต่ก็เริ่มโชว์ฟอร์มแกร่งตั้งแต่สนามแรกแล้ว ผลของการลงทุนไล่เก็บซื้อนักปั่นตัวโหดเริ่มเป็นผลครับ (คาทาลโดมาจาก Sky และซานเชซมาจากทีมดิวิชัน 2 แต่เคยเป็นตัวโหดที่หยุดแข่งไปเพราะคดีโด้ป)

Movistar เองก็มีผลงานเด็ดในสเตจสองที่ส่งโลบาโต้ขึ้นสปรินต์จากล้อที่ 10 แล้วยังนำห่างอันดับสองได้เกือบช่วงคันรถ เห็นว่าปีนี้ โลบาโต้อยากลองสนามซานเรโม ซึ่งก็น่าจับตามองเพราะ Movistar ที่ผ่านมาไม่มีสปรินเตอร์เก่งๆ ให้เชียร์ครับ อ้อ อย่าลืมว่าทีมนี้ชนะรางวัล ทีมยอดเยี่ยม (เวลารวมทีมดีที่สุด) ด้วย ปลายปีที่แล้วก็ได้เป็นทีมที่คะแนนสะสมเยอะที่สุดในตาราง UCI เช่นกัน

อ้อลืมอีกคนจาก Movistar รูเบน เฟอร์นันเดซ ดูจะเป็นดาวรุ่ง GC ใหม่ของทีมอีกหนึ่งคน เขาจบการแข่งขันด้วยอันดับ 5 ตามหลังเดนนิสแค่ +24 วินาที ตอนนี้สเปนกำลังเครียด เพราะถ้าหมดสมัยของวาวเวอเด้ โรดริเกรซ และคอนทาดอร์แล้ว สเปนก็ยังไม่มีนักไต่เขาหน้าใหม่เกิดขึ้นในวงการเลย

 

5. Time Bonus ดีหรือไม่ดีนะ?

Tour Down Under Stage 5 (1 of 3)

ริชีย์ พอร์ทคงเศร้าเมื่อรู้ว่าเขาแพ้รายการด้วย Time bonus ถึงแม้จะปีนเขาชนะเดนนิสในสเตจ 5 เพราะเดนนิสเก็บสะสม time bonus ได้ในสเตจ 3

ในปี 2012 ไซมอน เจอร์รานส์ ก็ชนะคาเดล เอวานส์แค่ 1 วินาทีเพราะ Time Bonus เหมือนกัน

Time bonus ในที่นี่คือเวลาพิเศษที่หักลบเพิ่มเติมให้ผู้ชนะในแต่ละสเตจจากเวลารวมทั้งหมด เช่นถ้าอันดับ 1 เข้าเส้นชัยด้วยเวลารวม 1:50:50 ชั่วโมง เขาก็จะได้เวลาหักลบเพิ่มไป 10 วินาที เวลารวมใหม่ก็จะเป็น 1:50:40 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าคู่แข่งเขาจะต้องทิ้งห่างผู้นำเวลารวมให้ได้มากกว่าปกติ เพราะต้องเผื่อเวลา bonus ด้วย สำหรับผู้ท้าชิง การได้ติดอันดับ 1–2–3 ในทุกสเตจถือว่าสำคัญมาก เพราะจะได้เวลาพิเศษ 10–6–4 วินาที ตามลำดับ

ถามว่า Time Bonus ดีไหม? บางคนอย่างพอร์ทอาจจะรู้สึกว่าไม่แฟร์ เพราะเขาปีนเขาในสเตจตัดสินได้ดีกว่าเดนนิสอย่างเห็นได้ชัด และถ้าไม่มี time bonus เขาคงได้เป็นแชมป์รายการไปแล้ว ในมุมหนึ่งมันดีครับ เพราะมันทำให้การแข่งสนุกตื่นเต้น ตัวเต็งจะรอเข้าเส้นชัยพร้อมกลุ่มเหมือนรายการอื่นไม่ได้แล้ว ถ้าอยากชนะ คุณต้องออกชิงทุกวินาทีที่เส้นชัย ยิ่งติด Top 3 ยิ่งคุ้ม แต่อีกมุมหนึ่งมันก็อาจจะทำให้การแข่งไม่ได้ชิงกันแบบ ตัว-ตัว ซึ่งหลายคนก็คิดว่ามันแฟร์กว่า

จะมีหรือไม่มี Time Bonus ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดแข่งแต่ละสนาม

 

6. เล็กๆ น้อยๆ และมองไปข้างหน้า

  • นิโคโล โบนิฟาซิโอ (Lampre) ดูจะสปรินต์ได้ดีทีเดียว ติด Top 10 หลายครั้ง ยังไม่ถึงกับเป็นตัวจี๊ด แต่น่าจับตามองครับ
  • หลายๆ ทีมเริ่มใช้กล้องติดจักรยานอย่างเป็นจริงเป็นจัง รายการนี้เราเห็นภาพไฮไลท์จากทีม FDJ ซึ่งโชว์ซีนล้มคว่ำที่หน้าเส้นสปรินต์ หวังว่าจะได้เห็นวิดีโอจากมุมมองของนักปั่นบ่อยขึ้นเพราะมันเพิ่มมิติและอรรถรสการรับชมได้ไม่น้อยครับ
  • DT อยากร้องเพลง “เท่ากับที่เดิม” ให้ริชีย์ พอร์ทเสียเหลือเกิน ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับปีที่แล้วเป๊ะๆ ได้แชมป์สเตจ 5 TDU และได้อันดับสองรายการ ซึ่งคร่าวๆ ก็พอจะบอกได้ว่าฟอร์มดี พร้อมลุยจิโร ที่เขาอาจจะได้เป็นหัวหน้าทีม อย่างที่เคยบอก ปีนี้พอร์ทต้องพิสูจน์ตัวเองครับ ก็หวังว่าเขาจะไม่ป่วยจนอดแข่งเหมือนปีที่แล้วอีก อยากเห็นว่า Sky จะปั้นนักปั่น GC โหดๆ ได้อีกคนไหม หลังจากที่พาฟรูมและวิกกินส์คว้าแชมป์ Tour de France สองปีซ้อน

 

7. สรุป

TDU Stage 4

TDU สนุกมากครับ แม้แต่ทีมรับเชิญเล็กๆ อย่าง UniSA กลับโชว์ทั้งฟอร์มทั้งกึ๋นการแข่งดีกว่าทีม WorldTour เสียอีก เส้นทางแข่งก็เปลี่ยนไปเยอะจนกลายเป็นรายการระดับ คลาสสิค (ในใจผมนะ) ที่มีสเตจไฮไลท์ที่น่าจดจำอย่าง Willunga Hill แถมเรายังได้ดูชุดทีมใหม่ จักรยานใหม่ๆ ของโปรอีกด้วย ปีนี้มีการโจมตีแยกกลุ่มในจังหวะ crosswind ด้วย ยังกะสนามคลาสสิค! ขาดไปแค่ภูเขายาวๆ กับสเตจ TT TDU ก็กลายเป็นสเตจเรซชั้นนำๆ ดีๆ นี่เองครับ

โปรดักชันรายการก็ดี ไฮไลท์จากผู้จัดอัปโหลดขึ้น Youtube ให้ชมในวันเดียวกับการแข่งขันเลย อาจจะไม่ใช่รายการเป็นจุดสร้างฟอร์มสำหรับสนามใหญ่อย่าง Tour de France แต่ผมว่าจริงๆ มันดูสนุกกว่าสนามอย่าง Tour de Suisse อีกครับ

รายการแข่งสนามถัดไปคือ Cadel Evans Great Ocean Race ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และ Tour of Qatar วันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่ก่อนหน้านั้นอย่าลืมติดตามการทำลายสถิติ Hour Record ของ แจ็ค บ๊อบบริดจ์ (31 มค) และโรฮาน เดนนิส (8 กุมภา) สองตัวเต็งจาก TDU ปีนี้

DT มีลิงก์ถ่ายทอดสด พรีวิว และอาจจะมีบรรยายสดถ้าเวลาเอื้ออำนวยครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *