[dropcap letter=”อ”]เลฮานโดร วาวเวอเด้ทิ้งท้ายสนามคลาสสิคซีรีย์อาร์เดนส์ด้วยการเก็บแชมป์ Liege-Bastogne-Liege เป็นสมัยที่ 3 เอซ Movistar เป็นนักปั่นในกลุ่มตัวเต็งที่หลุดรอดมาจนถึงหน้าเส้นชัยกันไม่กี่คน ถึงแม้จะโดนทีมคู่แข่งไล่ประกบและออกโจมตีตัดกำลัง แต่วาเวอเด้ก็ไล่ตามปิดและสปรินต์เอาชนะทุกคนได้ในที่สุด จูเลียน อลาฟิลลิป ดาวรุ่งวัย 22 จาก Etixx-Quickstep คว้าอันดับสอง และโจอาชิม โรดริเกรซ (Katusha) คว้าอันดับสาม
Liege ปีนี้ยังคงกลิ่นอายสนามคลาสสิคที่โชคมีผลต่อนักปั่นไม่แพ้สภาพอากาศและฟอร์มครับ มีการปะทะชนล้มกันหลายครั้งจนทำให้แชมป์เก่าทั้งสองคน ไซมอน เจอร์รานส์ (OGE) และแดน มาร์ติน (Cannondale) ร่วงหลุดกลุ่ม เบรคอเวย์กลุ่มสำคัญเริ่มออกฤทธิ์ที่เนินตัดตัวลูกรองสุดท้าย Cote de la Roche-Aux-Faucons เปิดเกมด้วยโรมัน ครอยซิเกอร์ (Tinkoff), ยาค็อบ ฟูลก์แซง (Astana) และจิอัมเพาโล คารูโซ (Katusha) เล่นเอา peloton กลุ่มหลักระส่ำระส่าย ทั้งสามคนโดนรวบที่เนินลูกสุดท้าย Cote de Saint-Nicolas แต่จังหวะนี้ นักปั่นที่เหลือรอดในกลุ่มหน้าก็มีแต่ตัวเต็งแล้ว
แดนนี่ โมเรโน (Katusha) พยายามออกกระชากหนี ตัดแรงตัวเต็งทั้ง 10 คนโดยเฉพาะอเลฮานโดร วาวเวอเด้ (Movistar) และชงเกมให้โรดริเกรซ แต่สุดท้ายวาวเวอเด้ก็พิสูจน์ว่าเขาแกร่งที่สุดในวันนี้ ไล่ปิดระยะห่างของโมเรโนและเปิดสปรินต์เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก
วิเคราะห์หลังแข่ง
เป็น Liege ที่ไม่มีเซอร์ไพรส์หรือจังหวะพลิกล็อกเท่าไรเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ครับ ทีมพระเอกของวันคงเป็น Movistar และ Katusha ที่พยายามคุมเกมตั้งแต่ครึ่งแรกของการแข่งขัน ส่งนักปั่นออกยิงกลุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องชื่นชม Astana ด้วยที่ออกรุกตลอด ทั้งฟูลก์แซงและนิบาลิ ราวกับเป็นการเฉลิมฉลองใบอนุญาตให้แข่งต่อได้ไม่ต้องโดนยุบทีม วาวเวอเด้เองก็ตอบเกมของ Katusha ได้ดีในโค้งสุดท้าย ไม่ใช่การออกหนีโซโล่เดี่ยวเหมือนแชมป์ปีก่อนๆ แต่ผมมองว่าเป็นชัยชนะที่สะท้อนถึงประสบการณ์ของ ‘Bala’ (ฉายาเขา) อย่างแท้จริง อ่านเกมขาด ฟอร์มเหลือล้น วางตำแหน่งตัวเองดี ไม่ตื่นตระหนกที่ขาแรงทีมคู่แข่งพยายามออกหนี วาวเวอเด้รวบโมเรโนแบบนิ่มๆ แล้วรักษาตำแหน่งหน้าสุดของขบวน เปิดสปรินต์ได้ถูกจังหวะ คุมเกมได้อยู่หมัด 100% ในช่วงควอเตอร์สุดท้าย เหมือนชัยชนะที่เขาได้มาใน Fleche-Wallonne ปีนี้
สถิติ!
วาวเวอเด้กลายเป็นนักปั่นคนที่ 4 ในโลกที่ครองแชมป์ Liege-Bastogne-Liege ได้ 3 สมัย (ยังไม่เท่าเมิร์กซ์ที่ได้ 5 สมัย) และยังเป็นนักปั่นชาวต่างชาติที่ชนะสนามนี้เยอะเกือบที่สุดด้วย ยังเป็นรองโมเรโน อาร์เจนตินจากอิตาลีที่ได้ 4 สมัย แต่เขาก็เป็นชาวสเปนคนเดียวที่เคยชนะรายการนี้ นอกจากนี้เขายังขึ้นบัลลังก์นักปั่นที่ชนะสนามอาร์เดนส์อย่างน้อยสองรายการ ซึ่งปกติรายการอาร์เดนส์นี้แชมป์จะเป็นชาวเบลเยี่ยมเกือบทุกปีครับ นี่ถ้าวาวเวอเด้ได้แชมป์ Amstel Gold ด้วย (เขาได้ที่สองปีนี้) จะกลายเป็นนักปั่นไม่กี่คนในโลกที่เก็บแชมป์ Ardennes ได้ครบทั้งสามรายการในปีเดียว เชื่อว่าปีหน้าเขาต้องกลับมาล้างตา Amstel Gold ให้ได้แน่ๆ ก่อนที่จะอำลาวงการไป
จะว่าไปแล้ววาวเวอเด้ถือเป็นนักปั่นที่พลิกตัวเองได้ดีครับ เขาเคยมีส่วนร่วมกับวงการการโด้ปอยู่พักหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนจนโดนแบนออกจากการแข่งขันไปหนึ่งปี แต่สุดท้ายกลับมาทวงคืนความเป็นเจ้าสนามได้ในช่วงปีท้ายๆ ของการเป็นนักปั่นอาชีพ (ผมว่าเขาคงรีไทร์ในอีกไม่กี่ปี) ตอนนี้เขาอายุ 35 ปีซึ่งน่าจะมากเกินกว่าจะคว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์เมื่อเทียบกับคู่แข่งคนอื่นๆ ณ เวลานี้ (คริส ออเนอร์คงเป็นข้อยกเว้นนะ) แต่ถ้าเป็นสนามคลาสสิคที่ชนะกันด้วยประสบการณ์มากกว่าความแกร่ง ชั่วโมงนี้วาวเวอเด้จัดเป็นเบอร์หนึ่งของวงการก็ว่าได้
The Real ‘Racer’
คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะกลับมาเอาชนะใจแฟนๆ นักปั่นที่เคยเชื่อในฝีมือสมัยที่เขาโด้ป แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นนักแข่ง “ตัวจริง” ที่หาดูได้ยากในวงการโปรสมัยนี้ครับ วาวเวอเด้เป็นตัวอย่างของเอซที่ทุ่มเทให้การแข่งตลอดทั้งปี เขาไม่ได้กั๊กว่าฉันจะต้องลงแค่ตูร์ หรือจิโร หรือวูเอลต้า แต่เขาโชว์สปิริตแข่งเต็มที่ตลอดทั้งฤดูกาล เหมือนกับโปรในตำนานสมัยก่อน เช่นเอ็ดดี้ เมิร์กซ์ และฌอน เคลลี่ และเขาก็เป็นคนเดียวที่ชนะเกือบตลอดทั้งปีด้วย ตั้งแต่รายการคลาสสิควันเดียว ยันสเตจเรซ 1 สัปดาห์หรือได้แชมป์สเตจในแกรนด์ทัวร์ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ สนามที่สะท้อนความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของเขาได้ดีที่สุดคือรายการชิงแชมป์โลกจักรยานถนนที่จัดในเดือนกันยา-ตุลาคมของทุกปี เวลานี้โปรแทบทุกคนเลิกแข่งเพราะหมดฤดูกาลแล้วแต่วาวเวอเด้ก็ยังโชว์ฟอร์มตลอด ด้วยผลงานโพเดี้ยม World Championships ร่วม 10 สมัย (แต่ยังไม่เคยชนะ)
ผมว่าถ้า Movistar จับเขาลงแกรนด์ทัวร์ ก็จะเป็นคนที่มีลุ้นแชมป์สเตจขึ้นเขาแน่ๆ ไฟยังไม่มอดแน่นอนครับสำหรับกระทิงสเปนตัวนี้
สุดท้ายผมว่า Etixx-Quickstep น่าจะได้ดาวรุ่งคนใหม่ในซีรีย์อาร์เดนส์แล้วหละ จูเลียน อลาฟิลลิปนี่ดูจะเป็น วาวเวอเด้ ‘V2’ ก็ว่าได้ ติดโพเดี้ยมทั้ง Fleche และ LBL (ทีมนี้มันคัดดาวรุ่งเก่งจริงๆ) ตอนนี้อายุ 22 ปี ยังพัฒนาได้อีกไกล แต่ขึ้นแท่นร่วมกับรุ่นพี่ระดับโลกได้ในสนามที่โหดที่สุดสำหรับนักไต่เขา ก็ถือว่าไม่ธรรมดาครับ