ทำความรู้จัก Allied Alfa
ตั้งแต่ที่ DT ลงเรื่องเบื้องหลังแบรนด์ Allied Cycle Works ไปเมื่อเดือนก่อน เราก็รอกันอย่างใจจดใจจ่อว่าเจ้าจักรยานคาร์บอนที่แฮนด์เมดในอเมริกานี่จะปั่นดีสักแค่ไหนกัน
สิ่งที่ Allied Cycle Works ทำนั้นขวางโลกทีเดียวครับ นำกระบวนการผลิตจักรยานกลับเข้ามาในอเมริกาแทนและผลิตจักรยานทุกขั้นตอนแบบ in house ในโรงงานตัวเองที่เมือง Little Rock ในรัฐอาร์คันซอ ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ หันไปคบโรงงานเอเชียเพื่อให้ผลิตได้จำนวนมากในราคาไม่แพง พร้อมกับมีเทคโนโลยีที่คาร์บอนคอมโพสิทที่ดีที่สุด คำถามที่เกิดคือแบรนด์เล็กๆ พนักงานน้อย ต้นทุนไม่เยอะแบบนี้จะทำรถที่มันดีเท่ากับรถแข่งในตลาดตอนนี้ได้อย่างไร?
การออกแบบ
Allied Alfa เป็นเฟรมเสือหมอบแข่งเน้นประสิทธิภาพสูงอย่างชัดเจนครับ เฟรมออกแบบมาในทรงคลาสสิค ท่อนอนตรง ขนาดท่อต่างๆ อ้วนอวบ จุดประสานท่อก็ใหญ่ดูตอบสนองแรงได้ดีแน่ๆ บวกกับเฟรมที่มีน้ำหนักราวๆ 850-875 กรัม (ขึ้นอยู่กับขนาดเฟรม) ก็น่าจะได้รถที่ประกอบออกมาแล้วพุ่งดีระดับหนึ่ง
รายละเอียดเล็กๆ น้อยอย่างช่องเดินสายเกียร์ที่ท่อล่างมีแผ่นโลหะรูปอินทรีย์ปิดอยู่ครับ ถ้าใชเกียร์ไฟฟ้าก็สามารถเปลี่ยนเป็นแผ่นอินทรีย์ที่ไม่มีรูได้ ตรงท่อล่างมีโลโก้รูปประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมคำว่า “made here” แปะอยู่เช่นกัน เป็นดีเทล์เล็กๆ น้อยๆ ที่น่ารักดี
เฟรมใช้กระโหลก BSA ดูแลง่ายดี เฟรมเดินสายภายในทั้งหมด รองรับทั้งชุดเกียร์ไฟฟ้าและ mechanical
หลักอานใช้ขนาด 27.2mm ใช้น็อตขันปรับความแน่นสลักยึด (wedge) ช่วยให้ไม่ต้องใช้รัดหลักอาน ตามเทรนด์การออกแบบจักรยานร่วมสมัยครับ
ซีทเสตย์ขนาดพอดีๆ ไม่ได้เรียวบาง ก็ดูไม่บอบบางจนเกินไป รูปทรงคลาสสิคครับ
ฟิต
ถึงจะเป็นรถแข่งที่มีองศาท่านั่งก้มต่ำ (stack:reach ในไซส์ 49 = 1.31!!) แต่ในเฟรมทั้ง 6 ไซส์ ผู้ซื้อสามารถเลือกเฟรมแบบท่อคอยาวพิเศษ ที่ Allied เรียกว่า Alfa+ ที่ท่อคอจะยาวกว่าไซส์เดียวกัน 20mm ครับ นั่นคือถ้าเป็นคนไม่ชอบรถคอต่ำและต้องนั่งแบบก้มเหยียดก็เลือกเวอร์ชันท่อคอยาวได้
อย่างเฟรม Alfa+ ไซส์ 49+ สัดส่วน Stack:reach อยู่ที่ 1.38 ก็สูงกว่ารุ่นปกติทีเดียว อย่างน้อยๆ น่าจะเซฟแหวนรองคอไปได้สักสองวงครับ
ราคาเท่าไร?
เฟรม Allied Alfa มีสองราคา ขึ้นอยู่กับสีที่เลือก ถ้าเป็นสี Solid หรือสีเดียวอย่างเฟรมดำด้านที่เรารีวิวนี้ ราคา 118,000 บาท ถ้าเป็นสีเฟดอย่างรูปข้างล่างนี้ราคา 138,000 บาท
ระดับราคาก็อยู่ในเกรดเดียวกับรถไฮเอนด์แต่ยังไม่ถึงขึ้นแบรนด์บูทีคครับ สำหรับประเทศไทยเลือกซื้อได้แค่เฟรมเซ็ตเท่านั้น ไม่มีแบบคอมพลีทไบค์จำหน่าย
รีวิว
Allied Alfa ให้ฟีลเหมือนจักรยานแข่งแบบ all-rounder ชัดเจนครับ คันนี้ผมมีเวลารีวิวไม่มากแต่ก็ได้ทดลองปั่นหลากหลายเส้นทาง
สเป็ครถทดสอบของเราเน้นน้ำหนักเบา ชั่งออกมาก็หกโลกลางๆ เท่านั้น รถมากับล้อ Knight 35, แฮนด์และหลักอานจาก MCFK, สเต็ม ขากระติกและเบาะคาร์บอนจาก Tune, ยาง Micheliin Power Endurance 25mm, ชุดขับ SRAM Force 22 และบันได Speedplay โครโมลี ลองดูประสิทธิภาพกันทีละด้าน
การตอบสนองแรง: เร่งดีทั้งความเร็วต้นและปลาย รถให้ฟีลหนักแน่นดี
จากประสบการณ์แล้ว รถแข่งแบบ all-rounder จะมีให้ความรู้สึกตอนกระทืบบันไดสองแบบ แบบนึงคือพุ่งแต่เบาเท้า ไม่ค่อยรู้สึกถึงมวลของเฟรม มันจะเบาๆ หวิวๆ ครับ ถ้ายกตัวอย่างจากเฟรมที่ DT เคยรีวิวก็เช่น Bianchi Specialissima, Axman Aiolos, Cervelo R5, Factor O2, Parlee Altum
อีกฝั่งเป็นรถที่ให้ฟีลหนักแน่น เช่น Lapiere Xelius, Canyon Ultimate CF SLX, Pinarello Dogma, Colnago C60, Cipollini RB1K
Allied Alfa จะเป็นแบบกลุ่มหลัง ทั้งสองแบบนี้ไม่ได้ดีหรือแย่กว่ากัน แต่เป็นสไตล์ของรถมากกว่า ความต่างมาจากน้ำหนักและการวางเรียงชั้นคาร์บอน รถที่เบาเท้าก็จะขึ้นเขาสนุก เพราะมันให้ฟีลว่องไวตั้งแต่เริ่มกดลูกบันได ส่วนแบบหลังจะให้ความรู้สึกมั่นคงและมั่นใจโดยเฉพาะเวลาสปรินต์ ไม่ใช่ว่าต้องรอรอบนะครับ (แบบนั้นจะเห็นได้เยอะในกลุ่มเสือหมอบแอโร)
การบังคับควบคุม: นิ่ง แน่น ไม่ช้าไม่เร็ว
สมดุลรถเวลาเข้าโค้งหักเลี้ยวคันนี้จะอยู่กลางๆ ครับ ไม่เร็วไม่ช้า แต่มั่นคงและนิ่ง รถแข่งส่วนใหญ่ที่ทำท่อคอให้สติฟฟ์มากๆ ก็จะเข้าโค้งได้คมเป็นปกติอยู่แล้ว
ความสบาย: ไม่สะท้านแต่ยังมีฟีดแบคถนน
โจทย์ของการซื้อรถแข่งส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะอยากให้ขี่สบาย แต่ Allied Alfa ทำได้ไม่เลวครับ คันนี้ฟีลเหมือนรถเอนดูรานซ์ คือซับแรงสะท้านได้ดี แต่ไม่กลืนฟีดแบคถนนไปหมด ยังจับความรู้สึกกรวด ร่องถนน สภาพพื้นถนนผ่านเฟรมได้แบบคร่าวๆ สาเหตุที่มันดูดแรงสะเทือนได้ดีส่วนหนึ่งก็เพราะเฟรมใช้เส้นใย Innegra ที่ Allied เลือกวางซ้อนไว้ในชั้นคาร์บอนบางจุดเพื่อเสริมความแข็งแรงของเฟรม คุณสมบัติของเส้นใยนี้มันก็ช่วยลดแรงสะท้านได้ระดับหนึ่งด้วย เพราะปกติแล้วรถแข่งที่ท่ออวบและสติฟฟ์มากแบบนี้มักจะให้ฟีดแบคถนนคม (crisp & clear) กว่านี้ครับ
คนที่ชอบรถที่จับฟีลถนนได้ชัดๆ คมๆ กว่านี้อาจจะไม่ถูกใจเท่าไร แต่ถ้าเอามาใช้ปั่นยาวๆ คันนี้จะไม่ล้าครับ ข้อดีของการที่มันมี mute ฟีลถนนได้ดีคือ เวลาขี่จะรู้สึกรถมันไปได้เรื่อยๆ ไม่ตะกุกตะกักเวลาขึ้นถนนที่ผิวชำรุด เหมือนเปิดโหมด cruise control ในรถยนต์อะไรทำนองนั้น ถ้าจับคู่กับยางและล้อกว้าง 25mm ขึ้นไปจะลงตัวมากครับ
สรุป
แบรนด์จักรยานใหม่ๆ ที่เน้นความเล็ก ความเป็นสตาร์ทอัปที่มากับเทคโนโลยีใหม่และคำอวดอ้างใหญ่โตพร้อมจะปฏิวัติวงการทำให้เราผิดหวังมาหลายต่อหลายครั้ง เห็นได้มากในกลุ่มสตาร์ทอัปพาวเวอร์มิเตอร์ราคาถูกที่เจ๊งและล้มโปรเจ็คไปไม่มีของส่งให้ผู้ระดมทุน
แบรนด์จักรยานที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน ไม่ได้เลือกแบบและสั่งโรงงานในเอเชียผลิตแล้วเอามาทำสีตีแบรนด์ ที่ทำจักรยานได้ประสิทธิภาพดีเทียบเคียงเสือหมอบแข่งขันที่ใช้ในระดับอาชีพมีไม่มากครับ และที่ทำราคาได้ไม่สุดโต่งนั้นยิ่งมีน้อยโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับขนาดของแบรนด์ที่ยังเล็กอย่าง Allied การตั้งราคาเฟรมมาแสนต้นๆ และทำงานสีได้โดดเด่นกว่ารถแบรนด์ใหญ่เป็นจุดเด่นที่ยอดเยี่ยม
ผมชอบที่มันเป็นรถขี่สนุก พุ่ง ไม่สะท้านและมั่นคง มีไซส์ให้เลือกเยอะสำหรับทั้งคนที่ชอบฟิตแบบรถแข่งและแบบขี่สบาย
โดยรวมแล้ว Allied Cycle Works ไม่ได้ออกมาปฏิวัติวงการ ไม่ได้มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดไม่ใช่เสือหมอบแอโรที่จะไปโผล่ในโปรทัวร์ฤดูกาลหน้า ไม่ได้เคลมว่าต้องเป็น “ที่สุดในโลก” ในด้านต่างๆ แต่เป็นการปรับปรุงสูตรการทำจักรยานเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น
สำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีและนวัตกรรม, Allied Alfa อาจจะเป็นรถที่ “จืด” ไม่ได้มีอะไรตื่นตาตื่นใจมากมาย แต่ถ้าใครชอบรถคลาสสิคที่ขี่ดีคงถูกใจครับ
ถ้าไม่ติดว่าต้องใช้จักรยานแบรนด์ตลาด แบรนด์โปรทัวร์ ชอบความต่าง คนใช้น้อย ชอบการที่มัน Made in USA ทุกขั้นตอน Allied Alfa มีเอกลักษณ์ที่ตอบโจทย์หลายๆ คนครับ
Comfort
นุ่มสบาย ●●●○○ สะท้าน
Handling
คล่องแคล่ว ●●●●○ อืดอาด
Acceleration
ทันใจ ●●●●○ รอรอบ
Fit (เลือกได้)
ก้มมาก ●●●●○ ก้มน้อย
Price
ไฮเอนด์ ●●●●○ จับต้องได้
Rating
★★★★☆
ขอบคุณ CycleBoutique สำหรับรถทดสอบครับ
ราคา: 118,000 บาทสำหรับสี Solid / 138,000 บาทสำหรีบสีเฟด