แมธธิว แวน เดอ โพลล์ (Correndon-Circus) พุ่งเข้าเส้นชัยในสนามแข่ง Amstel Gold Race เป็นคนแรก ส่ายหัวไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะทำสำเร็จ และเราเชื่อว่าคนที่ชมถ่ายทอดสดพร้อมๆ กันทั่วโลกก็น่าจะคิดอย่างเดียวกับแชมป์สนามนี้เช่นกัน เพราะมันเป็นหนึ่งในการปิดเกมการแข่งขันที่เหลือเชื่อที่สุดในรอบหลายสิบปี
ก่อนจะรีวิว ลองดูวิดีโอไฮไลท์กิโลเมตรสุดท้ายกันก่อน เพราะเป็นจังหวะที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้
เกิดอะไรขึ้นใน Amstel Gold Race 2019?
Amstel Gold Race เป็นสนามแข่งคลาสสิคในเนเธอร์แลนด์ ด้วยระยะทางยาวร่วม 265 กิโลเมตร เนินชันนับสิบลูกกับระยะ elevation รวมกว่า 3,400 เมตร ทำให้รายการนี้เป็นสนามที่ท้าทายเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาสนามคลาสสิค
ก่อนหน้าที่แวน เดอ โพลล์จะชนะการแข่งขัน จริงๆ แล้วเขาอยู่ในตำแหน่งที่แทบไม่มีโอกาสจะได้แชมป์รายการเลย
แวน เดอ โพลล์เป็นตัวเต็งคนแรกที่โจมตีกลุ่มเปโลตองที่ 44 กิโลเมตรสุดท้าย แต่เป็นการโจมตีที่ไม่สำเร็จเมื่อทีม Astana, EF Education First และ Quickstep ออกไล่จับอย่างรวดเร็ว
จังหวะคัดตัวครั้งแรกเป็นการโจมตีของจูเลียน อลาฟิลลิป (Quickstep) ที่ 37 กิโลเมตรสุดท้าย ซึ่งมียาค็อป ฟูลก์แซง (Astana) ที่ไล่ตามมา และทั้งคู่ทำงานร่วมกันหนีเปโลตองไปแค่สองคน กลายเป็นซ้ำรอยกับในสนาม Strade Bianche เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่ทั้งคู่หนีไปด้วยกันแต่เป็นอลาฟิลลิปที่ชนะฟูลก์แซง
ด้านหลังแมทเทโอ เทรนติน (Mitchelton-Scott) และมิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Team Sky) เป็นสองคนที่พยายามไล่ตามคู่ฟูลก์แซง และอลาฟิลลิป หลุดออกมาจากเปโลตอง แต่ไม่เร็วพอที่จะจับคู่หน้า
กลุ่มของเทรนตินตามคู่อลาฟิลลิปอยู่ราวๆ 20 วินาทีไปจนถึง 2 กิโลเมตรสุดท้าย ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ฟูลก์แซงพยายามสลัดอลาฟิลลิปบนเนินสั้นๆ สิ่งที่สองคู่หน้าไม่รู้คือ ด้านหลังกำลังมีพายุลูกใหญ่ตามมา!
แวน เดอ โพลล์ซึ่งพลาดจังหวะที่ตัวเต็งโจมตีหนีกลุ่มออกไป อยู่ในกลุ่มไล่ที่มีนักปั่นราวๆ 7-8 คน กระชากกลุ่มไล่ ดึงเอานักปั่นจาก Lotto-Soudal และ Groupama FDJ และ CCC มาด้วยสามคน ก่อนที่จะไปรวบโรมัน บาเดต์ (AG2R) ที่พยายามหนีออกมาก่อน จังหวะนี้คือประมาณ 7 กิโลเมตรสุดท้าย กลุ่มของ แวน เดอ โพลล์ตามหลังคู่หน้าร่วมนาทีเต็มๆ
ถึงสองกิโลเมตรสุดท้าย กลุ่มแวน เดอ โพลล์ขึ้นมาทันนักปั่นที่โจมตีออกมาจากเปโลตองที่พยายามไล่อลาฟิลลิป มีทั้งบอเก้ โมเล็มมา (Trek-Segafredo), ไซมอน คลาร์ค (EF Education First), แม็กซ์ แชคแมน (Bora-Hansgrohe) และเทรนตินที่หลุดกลุ่มเควียทคอฟสกี้ กลายเป็นว่ากลุ่มไล่มีนักปั่นถึง 9 คน แต่ก็ยังอยู่ห่างคู่อลาฟิลลิปหลายสิบวินาที ระหว่างที่ไล่มานี้ แวน เดอ โพลล์เป็นคนที่ทำงานหนักที่สุด เร่งนำกลุ่มเกือบตลอดเวลา
วิดีโอไฮไลท์จังหวะไล่ตามกลุ่มของแวน เดอ โพลล์
คู่ของอลาฟิลลิปมีเวลานำกลุ่มหลังราวๆ 25 วินาทีที่กิโลเมตรสุดท้าย ปกติแล้วเป็นความห่างที่กลุ่มไล่ไม่มีทางไล่ทันคู่หน้า แต่สนามนี้ไม่ได้จบน่าเบื่อแบบนั้น!
อลาฟิลลิปกับฟูลก์แซงต่างเริ่มเล่นเกมเกี่ยงกัน ฟูลก์แซงบอกชัดเจนว่าเขาจะไม่ยอมขึ้นนำแทนอลาฟิลลิป ไม่อยากโดนเชือดหน้าเส้นเหมือนใน Strade Bianche อีกครั้ง ทำให้อลาฟิลลิปต้องนำกลุ่มคนเดียวไปในระยะทางที่เหลือ แต่ก็ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่อยากเร่งเต็มแรง เพราะกลัวสปรินต์แพ้ฟูลก์แซง ทั้งคู่ไม่เห็นว่าเควียทคสอฟกี้เร่งมาจนทัน แล้วขึ้นแซงทั้งคู่ ทำให้รูปเกมเปลี่ยนกะทันหัน อลาฟิลลิปและฟูลก์แซงต้องรีบไล่ไปเกาะเควียคอฟสกี้
แต่สิ่งที่ทั้งสามคนไม่ทันเห็นอีกเช่นกันก็คือ แวน เดอ โพลล์ลากเอากลุ่มไล่มาเร็วเหมือนพายุโหม! ที่ 600 เมตรสุดท้าย อลาฟิลลิปที่ตามเควียทคอฟสกี้อยู่มองกลับไปเห็นแวน เดอ โพลล์ พอเห็นท่าไม่ดี อลาฟิลลิปเลยตัดสินใจเปิดสปรินต์ยาวๆ ที่ 300 เมตรสุดท้าย
ทางฝั่งแวน เดอ โพลล์ที่ถึงจะลากคู่แข่งมาเกือบสิบคนแต่ก็ไม่ลังเลที่จะสปรินต์จากหน้าสุดของกลุ่ม ไม่รอให้คนอื่นขึ้นมาลีดเอาท์ วิ่งเข้าไปตามสลิปสตรีมของฟูลก์แซง ก่อนที่จะขึ้นแซงเอาชนะทุกคนไปอย่างขาดลอย
ไซมอน คลาร์ค (Ef Education First) ไล่ตามหลังแวน เดอ โพลล์เข้ามาเป็นที่สอง ฟูลก์แซง สปรินต์ได้ที่สาม และอลาฟิลลิปหลุดโพเดี้ยมทำได้เพียงอันดับสี่
ผลการแข่งขัน
DT วิเคราะห์
สิ่งที่ทำให้ชัยชนะของแวน เดอ โพลล์น่าประทับใจ ไม่ใช่แค่ความเร็วในตอนท้ายที่เขานำกลุ่มไล่คนเดียว มาจนทันสามคนข้างหน้าแล้ว ยังสปรินต์แซงทุกคนได้อีก แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนที่พากลุ่มไล่ปิดระยะห่างหนึ่งนาทีเต็มมาจนทันอลาฟิลลิปและฟูลก์แซง และยังเหลือแรงพอจะสปรินต์ชนะแบบขาดลอย
ปกติแล้วเวลาเราเห็นกลุ่มไล่พยายามตามเบรกอเวย์มาจนทัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนในกลุ่มเริ่มเกี่ยงกัน แต่ไม่ใช่แวน เดอ โพลล์ ถ้าลองกลับไปดูในวิดีโอ จะเห็นว่าเขามองหลังไปดูคู่แข่งในกลุ่มไล่ 2-3 ครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะขึ้นช่วยแล้วก็ตัดสินใจนำเองคนเดียว ไม่รอคนอื่นขึ้นมาบังลมให้ เรียกได้ว่าไม่ยอมแพ้จนนาทีสุดท้าย
ที่สำคัญ แวน เดอ โพลล์เองเพิ่งจะลงแข่งสนามคลาสสิคในเกม road race เป็นปีแรก แต่เขาเก็บชัยชนะไปได้ถึง 2 สนาม ทั้งใน Dwars Door Vlaanderen, Brabantse Pijl และได้ที่ 4 ทั้งใน Tour of Flanders และ Gent-Wevelgem ที่เขาทั้งล้มและจักรยานพัง
แต่ชัยชนะใน Amstel นี่น่าประทับใจยิ่งกว่า เพราะเป็นรายการที่คับคั่งไปด้วยตัวเต็ง ไม่ว่าจะเป็นอลาฟิลลิป เทรนติน เควียทคอฟสกี้ ซากาน แวน เอเวอร์มาร์ท และอีกหลายๆ คน
จากบทสัมภาษณ์หลังการแข่ง นักปั่นในกลุ่มไล่ไม่มีใครเชื่อว่ากลุ่มของเขา (ที่นำโดย แวน เดอ โพลล์) จะมีโอกาสชนะ ยังไงก็ไม่น่าจะปิดระยะห่างหนึ่งนาทีในระยะทางแค่ 7 กิโลเมตรได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเชื่อมั่นของแวน เดอ โพลล์ กลุ่มก็คงมาไม่ทันจริงๆ
สำหรับสามคนข้างหน้า ผมว่าไม่มีใครคิดว่ากลุ่มไล่จะมาทัน ฟูลก์แซงเดินเกมถูกต้องแล้ว เพราะเขาสปรินต์ช้ากว่าอลาฟิลลิป (แต่การที่เขาสปรินต์ได้ที่สาม เอาชนะอลาฟิลลิปตอนจบก็อาจจะสะท้อนกลายๆ ว่าจริงๆ แล้วอลาฟิลลิปก็อาจจะเริ่มหมดก็อกแล้วเหมือนกัน เพราะเขาถูกบังคับให้นำตลอดสองกิโลเมตรสุดท้าย) เควียทคอฟสกี้เองดูไม่สดมากนัก เลยอาจจะตัดสินใจยิงยาว แทนที่จะรอสปรินต์
สุดท้าย ทีมที่ผมงงงวยที่สุดคือ Dimension Data ที่พกแชมป์เก่ามาลงแข่งถึงสามคน (ไมเคิล วาลเกรน – 2018, โรมัน ครอยซิเกอร์ – 2013 และเอนริโค แกสพาร็อตโต้ – 2012) ที่สุดท้ายทำได้ดีที่สุดคืออันดับ 18 โดยครอยซิเกอร์ จริงๆ แล้วปีนี้ Dimension Data ผลงานย่ำแย่ มีชัยชนะแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และไม่มีบทบาทในสนามคลาสสิคเลย นี่รวมถึง แวน เอเวอร์มาร์ท (CCC), และซากาน (Bora) ด้วย ที่ปีนี้ดูจะไม่ท็อปฟอร์มเหมือนปีก่อนๆ
แวน เดอ โพลล์มีสัญญากับทีม Correndon-Circus ถึงปี 2023 เราพอทราบว่าเขามีค่าตัวเกิน 1 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งมากเท่าๆ กับแชมป์แกรนด์ทัวร์หลายๆ คน ยังไม่รวมที่ Canyon สนับสนุนเป็นการส่วนตัวด้วย ด้วยความสำเร็จทั้งในสนาม Cyclocross, MTB Cross Country และ Road Race แวน เดอ โพลล์เป็นนักปั่นไม่กี่คนในโลกที่สามารถโปรโมทจักรยานได้ทุกรูปแบบให้แบรนด์ผู้สนับสนุน ดูแล้วยังไง Canyon ก็คงไม่ปล่อยตัวให้ทีมอื่นง่ายๆ
นอกจากจะมียีนนักกีฬาระดับโลก (จากพ่อ – เอดรี แวน เดอ โพลล์ และตา – เรย์มอนด์ พูลิดอร์ ทั้งคู่เป็นนักแข่งจักรยานระดับโลกที่ชนะสนามคลาสสิคหลายรายการ) สิ่งที่ทำให้แวน เดอ โพลล์น่ากลัวคือ เขามีระบบแอโรบิคที่ยอดเยี่ยม ในรายการคลาสสิคปีนี้ เขาแสดงให้เห็นว่าแข่งรายการยาวๆ เกิน 250 กิโลเมตรได้สบาย แถมยังอยู่ในกลุ่มหน้าพร้อมเชือดตัวเต็งตลอดเวลา และเป็นคนที่ออกโจมตีเองก่อนคนอื่นในหลายๆ ครั้ง
แค่นั้นไม่พอ เขายังมีระบบแอนแอโรบิคที่น่าจะดีกว่านักแข่ง road race หลายๆ คน เพราะพื้นฐานการแข่งไซโคลครอส และเสือภูเขา XC ปกติแล้วนักแข่งต้องแช่โซนหนักตลอดเวลา 60-120 นาที การที่เขาจะไล่เก็บเบรกอเวย์และปิดแก็ป 1 นาทีในช่วง 7 โลสุดท้ายของ Amstel Gold แล้วยังเหลือแรงมาสปรินต์แบบขาดลอยก็น่าจะมาจากจุดแข็งตรงนี้ คอมโบสามอย่างนี้เป็นอะไรที่ปราบยากทีเดียวครับ
อัป Strava แพ๊พ
Amstel Gold ปีนี้จึงเป็นอะไรที่สุดยอดมาก เพราะเราได้เห็นจังหวะปิดเกมแบบที่ไม่น่าจะมีใครเคยเห็นมาก่อน ซึ่งว่าตามตรง Amstel Gold นี่เป็นรายการคลาสสิคที่น่าเบื่อที่สุดสนามหนึ่งเลยครับ เกมมันยาว ยืด และไม่ตอนจบไม่ค่อยหวือหวา แต่ปีนี้สนามที่จัดในเนเธอร์แลนด์ได้แชมป์เสือหมอบเนเธอร์แลนด์เป็นแชมป์รายการ ด้วยวิธีที่ไม่มีใครนึกถึงมาก่อน แฟนชาวดัทช์คงจำช็อตนี้ไปอีกหลายสิบปีครับ //