อังเดร ไกรเปิล – สปรินเตอร์ผู้อยู่ใต้เงายักษ์

“แทนที่จะเขียนข่าวว่าผมแพ้สปรินต์ ทำไมคุณไม่นึกบ้างหละว่าวันนี้ไกรเปิลเป็นผู้ชนะ เขาเป็นสปรินเตอร์ที่เก่งมากนะ” — มาร์ค คาเวนดิช ให้สัมภาษณ์หลัง ตูร์เดอฟรองซ์ 2015 สเตจ 5

* * *

ฮีโร่มีอยู่ในทุกเกมการแข่งขัน แม้แต่ในวงการจักรยาน ฮีโร่คือนักปั่นที่เราพูดถึงตลอดเวลาไม่ว่าเขาจะชนะหรือแพ้ก็ตาม มารค์ คาเวนดิชยอดสปรินเตอร์แห่งยุคสมัยจาก Etixx-Quickstep คือหนึ่งในฮีโร่ที่ทุกคนชื่นชม ด้วยผลงานแชมป์สเตจในตูร์ร่วม 26 สเตจ — สถิติที่นักปั่นในเปโลตองปัจจุบันทำได้แค่ฝันถึง

The man in the shadow

ปีนี้อังเดร ไกรเปิล เอซสปรินเตอร์จากทีม Lotto-Soudal คว้าแชมป์สเตจในตูร์เดอฟรองซ์ 4 สเตจ มากที่สุดที่เขาเคยทำได้ และมากกว่าสปรินเตอร์ทุกๆ คนในตูร์ปีนี้ สถิติที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ในตูร์ปีนี้มีสเตจที่น่าจะจบด้วยการสปรินต์จริงๆ เพียง 5 สเตจ แต่ไกรเปิลคนเดียวเก็บไป 4 (อีกหนึ่งสเตจเป็นของคาเวนดิช) นั่นหมายความว่าอัตราการชนะของเขาคือ 4 ใน 5 จากจำนวนสเตจที่เขาสามารถชนะได้

Griepel

แต่ไม่ว่าไกรเปิลจะชนะด้วยวิธีไหน สิ่งแรกที่สื่อนึกถึงไม่ใช่ฝีมือของไกรเปิลแต่กลายเป็นว่าคาเวนดิช / คิทเทล แพ้ยังไงอยู่ร่ำไป ชัยชนะของเขายังคงอยู่ใต้เงาของคาเวนดิชอยู่เสมอ ตั้งแต่ที่ทั้งคู่เคยอยู่ร่วมทีม HTC-Highroad ด้วยกัน

ไกรเปิลอาจจะไม่ได้ชนะเยอะ และชนะรวดเหมือนทั้งคู่ แต่เขาเป็นสปรินเตอร์และนักปั่นคนเดียวในเปโลตองที่คว้าแชมป์สเตจในตูร์ได้ทุกปี ปีละอย่างน้อย 1 สเตจ ชัยชนะทั้งหมดในอาชีพของเขานับรวมกันแล้วได้ 122 ชัยชนะ ซึ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสปรินเตอร์ชื่อดังคนอื่นสักเท่าไรนัก แต่อะไรทำให้เขาไม่เป็นที่จับตามองเหมือนเอริค ซาเบล, มาริโอ ชิปโปลินี, อเลซานโดร เพทัคคี, มาร์ค คาเวนดิช และ King of Sprint คนล่าสุด — มาร์เซล คิทเทล?

อาจจะเป็นเพราะว่าเขาชนะแชมป์รายการเล็กมากกว่ารายการใหญ่ (คาเวนดิชเคยพูดว่า ไกรเปิลก็เป็นแค่ “A winner of shit, small race”) แปลอย่างหยาบๆ ให้ตรงอารมณ์ที่คาเวนดิชพูดก็คือ “ไกรเปิลเป็นแค่แชมป์สนามกระจอกๆ” (ed note: OMG!) แต่เมื่อดูสถิติแล้วไม่ใช่อย่างที่คาเวนดิชพูด เมื่อเขาเคยชนะ Giro 3 สเตจ, Vuelta 4 สเตจ และ Tour 10สเตจ สนาม “กระจอก” ที่เหลือก็เป็นระดับ Tour Down Under (16 สเตจ), Eneco Tour (6 สเตจ) Tour of Turkey (6 สเตจ) — รายการแรกและรายการที่สองเป็นสนามแข่งระดับดิวิชัน 1 UCI WorldTour

Tour de Frane 2015 stage 7 (2 of 4)

แก่แต่เก๋า

ใช่ว่าไกรเปิลไม่มีคู่แข่งในตูร์ปีนี้ ถึงแม้คิทเทลจะป่วยมาลงไม่ได้ แต่เขาก็ยังต้องเจอนักปั่นอย่างคาเวนดิช และปีเตอร์ ซากานที่เร็วขึ้นทุกปีๆ ไกรเปิลจัดว่าเป็นสปรินเตอร์แถวหน้าที่อายุมากที่สุด (33 ปี) เทียบกับ คาเวนดิช (30 ปี), คิทเทล (28 ปี), ซากาน (25 ปี), เดเกนโคลบ์ (26 ปี) และอเล็กซานเดอร์ คริสทอฟ (28 ปี)

สำหรับสปรินเตอร์ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งมีแรงระเบิดพลังน้อยลง แม้แต่ไกรเปิลก็หลบหนีความจริงข้อนี้ไม่ได้ แต่การที่อายุมากขึ้นก็หมายความว่าประสบการณ์ก็มากับอายุด้วย ถ้าเราสังเกตการสปรินต์ของเขาในปีนี้ จะเห็นว่าไกรเปิลมีจังหวะการออกตัวดีกว่าคู่แข่งทุกคนในทุกสเตจที่เขาชนะ ถึงแม้ว่าตำแหน่งในการเปิดสปรินต์จะไม่สมบูรณ์แบบนัก (คริสทอฟตำแหน่งดีสุดในการสปรินต์สเตจสุดท้าย แต่เปิดเกมเร็วกว่า)

เมื่อรวมกับเส้นทางในตูร์ปีนี้ที่สเตจสปรินต์ค่อนข้างซับซ้อนและยาก เช่นสเตจ 2 ที่กลุ่มตัวเต็งเหลือไม่ถึงยี่สิบคน สเตจ 5 ที่กลุ่มสุดท้ายเหลือแค่ 50 คน และสเตจอื่นๆ ที่เส้นชัยอยู่กลางเมือง มีเนินขึ้นลง และมีโค้งหลายโค้งในช่วงกิโลเมตรสุดท้าย ชัดเจนเลเวลของการแข่งนั้นไม่หมูเหมือนสนามดิวิชัน 1 ทั่วๆ ไป

ไกรเปิลโชว์ความเหนือจากประสบการณ์การแข่งขันหลายปี เชี่ยวชาญในการอ่านไลน์ กะจังหวะสปรินต์และใช้งานเพื่อนร่วมทีมในจังหวะลีดเอาท์ โค้ชของไกรเปิล — มาร์ค เซอร์เจนท์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในสเตจที่เส้นทางยากตัดตัวกลุ่มตัวเต็งได้เยอะ ไกรเปิลมักจะเป็นสปรินเตอร์ไม่กี่คนที่หลุดรอดมาสปรินต์หน้าเส้นชัยได้ทุกๆ ปี เซอร์เจนท์ยังบอกอีกว่าไกรเปิลมีจิตใจที่เด็ดขาดมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งช่วยในการกะจังหวะออกตัว เพราะแต่ก่อนถึงเขาจะเร็วกว่าคู่แข่ง แต่ timing ของเขามักไม่สมบูรณ์ทำให้เปิดสปรินต์ได้ขาดๆ เกินๆ เสมอ

Tour de france 2015 stage 1 (2 of 6)
Sprint from reduced bunch – Stage 2 Tour de France 2015

สปรินเตอร์ที่ทีมรัก

อีกหนึ่งจุดแข็งของไกรเปิลที่หลายคนอาจจะไม่สังเกตคือเพื่อนร่วมทีมที่ทำหน้าที่ลีดเอาท์ให้เขาเป็นชุดเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 2012 ที่มีเกร็ก เฮ็นเดอร์สัน, ลาร์ส แบ็ค, อดัม แฮนเซ็น, และมาร์เซล ซีเบิร์ก ทำให้ขบวนลีดเอาท์ของ Lotto-Soudal เป็นชุดที่ประสบการณ์เยอะไม่แพ้ลีดเอาท์ทีมไหนๆ ในเปโลตองตอนนี้

ถามว่าพึ่งพาได้แค่ไหน? เกร็ก เฮ็นเดอร์สันที่ล้มจนกระดูกซี่โครงหักในสเตจ 3 ตูร์ปีนี้ ช่วยไกรเปิลลีดเอาท์จนชนะทั้งสเตจ 2 และสเตจ 5 ก่อนที่จะถอนตัวไปในสเตจ 7 ถ้าเพื่อนร่วมทีมไม่มั่นใจว่าคุณจะชนะได้ เขาจะยอมออกแรงในขณะที่บาดเจ็บจนจะถอนตัวไปก่อนก็ได้เพื่อชัยชนะของคุณหรือเปล่า? นั่นคือระดับความผูกพันธ์ของเพื่อนร่วมทีม Lotto-Soudal ที่เราไม่ค่อยได้เห็นในทีมอื่นๆ

อาการบาดเจ็บของเฮ็นเดอร์สันในสเตจ 3 แต่ก็ยังช่วยไกรเปิลทำงานไล่จับกลุ่มหนีให้ทีมได้สปรินต์ปิดงาน
อาการบาดเจ็บของเฮ็นเดอร์สันในสเตจ 3 แต่ก็ยังช่วยไกรเปิลทำงานไล่จับกลุ่มหนีให้ทีมได้สปรินต์ปิดงาน

ในบทสัมภาษณ์กับ Letour.fr เซอร์เจนท์โค้ชของทีมยังบอกต่อว่า “ไกรเปิลไม่ได้ถือตัวว่าเขาจะต้องเป็นผู้นำตลอดเวลาในรายการใหญ่ ถ้าไม่ใช่สเตจทางราบเขาก็มาช่วยเพื่อนขนน้ำ ส่งอาหาร เพราะยังไงเขาก็ไม่มีลุ้นแชมป์อยู่แล้ว ไกรเปิลชอบแนะนำน้องๆ ในทีมรุ่นใหม่ถึงเทคนิค เคล็ดลับต่างๆ ที่จะช่วยให้ทำผลงานการปั่นได้ดีขึ้น แชมป์เปี้ยนหลายคนไม่ชอบบอกความลับพวกนี้เพราะเขาคิดว่าเดี๋ยวเด็กใหม่ก็จะได้ดีกว่าเขาในที่สุด แต่ไกรเปิลบอกว่าไม่ชอบแนวคิดคับแคบแบบนี้ ทุกคนควรมีสิทธิประสบความสำเร็จเหมือนๆ กัน”

จากการคว้าชัยในสเตจสุดท้ายกลางกรุงปารีสที่ถนน ฌองเซลิเซ่ เส้นชัยอันศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาสปรินเตอร์ในยุคศรรตวรรษที่ 21 ซึ่งขึ้นชื่อว่าถ้าไม่เก๋าจริงก็ชนะไม่ได้ เชื่อว่าต่อจากนี้คงไม่มีใคร (รวมถึง DT ด้วย!) จัดไกรเปิลเป็นสปรินเตอร์ “เกรด B” หรือม้ารองอีกต่อไป เพราะในตูร์เดอฟรองซ์ปีนี้ ไกรเปิลได้พิสูจน์ตัวเองอย่างสมศักดิ์ศรีแล้วว่าเขาคือสปรินเตอร์แถวหน้าของวงการครับ

Fast, and having fun.
Fast, and having fun.

ดราม่าสนุกๆ: รอยร้าวระหว่างไกรเปิลและคาเวนดิชนั้นมีมานานมากแล้วครับ ในปี 2010 ที่ทั้งคู่ยังอยู่ทีมเดียวกัน สตาฟประจำทีม HTC-Highroad เคยบอกคาเวนดิชว่า “ไกรเปิลอาจจะลงทีมตูร์กับคุณนะ” คาเวนดิชตอบอย่างไม่คิด: “ถ้าผมลงแข่งรายการนี้ ไม่มีวันที่ไกรเปิลจะได้มาลงแข่งทีมเดียวกับผม” (“There’s no chance he’s coming to a bike race that I’m in”) และไกรเปิลก็สวนได้ร้อนแรงไม่แพ้กันว่า “ถ้าผมฟอร์มแย่ ผมก็ยังปั่นได้เร็วกว่าเขาอีก!” (“Me on bad form is still better than him”)

* * *

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *