30 นาทีที่ผมนั่งชมการให้สัมภาษณ์ประกาศอำลาวงการของแอนดี้ ชเล็ค ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมไม่รู้หรอกว่าคนอ่านจะอินด้วยหรือเปล่า แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักไต่เขาชาวลักแซมเบิร์กวัย 29 ปีคนนี้
มันแปลก…ที่นักปั่นดาวรุ่งแห่งยุคสมัยต้องยุติอาชีพที่เขารัก ในวัยที่เขาควรจะแกร่งที่สุด แฟนๆ และนักวิจาร์ณหลายคนตั้งข้อสงสัย 3 ปีที่ผ่านมาเขาไปอยู่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับ “ตัวเต็ง” ที่สปอนเซอร์รายใหญ่ของโลกถึงกับสร้างทีมเพื่อเขาโดยเฉพาะ? แอนดี้ล้มอีกแล้ว? จะอยู่ได้อีกกี่ปี?
พูดก็พูด Ducking Tiger เองก็เป็นหนึ่งในคนที่วิจารณ์แอนดี้ แต่สิ่งที่เห็นวันนี้กลับทำให้ผมรู้สึกผิด ลองย้อนคิดดู ทุกครั้งที่มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมคุณไม่เก่งเหมือนเคย?” เขาเองได้ถามคำถามนี้กี่ร้อยกี่พันครั้ง
ถ้าย้อนกลับไปดูผลงานของเขา แอนดี้ถือได้ว่าเป็นดาวรุ่งของวงการตั้งแต่ที่เขาเริ่มแข่งขันในปี 2005 ด้วยจุดเด่นด้านการไต่เขา แอนดี้ขึ้นครองแชมป์ Liege-Bastonge-Liege สนามคลาสสิคในเบลเยียมที่โหดหินไม่แพ้รายการไหนๆ ปีถัดมา (2009) เขาคว้าอันดับสองตูร์ เดอ ฟรองซ์ เป็นรองก็เพียงแค่ อัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ ทั้งคู่ทำให้ตูร์เดอฟรองซ์ในปีถัดมากลายเป็นแมทช์หยุดโลก เมื่อต่างไม่มีใครยอมใคร จนถึงสเตจ 15 ที่แอนดี้ต้องหยุดปั่นชั่วคราวจากปัญหาโซ่ตกคอนทาดอร์ขึ้นแซงพร้อมกับนำห่างมากพอจนคว้าแชมป์รายการ
ปีถัดมา (2011) แอนดี้พ่ายให้กับคาเดล เอวานส์ ในสเตจจับเวลา Time Trial รองสุดท้าย
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา?
ด้วยผลงาน Top 3 ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 3 ปีติดต่อกัน สื่อทุกสำนักโหมประโคมว่าเขาคืออนาคตของวงการ แต่บางครั้งเทพธิดาแห่งโชคชะตาก็เล่นบทร้าย ในสนามไครทีเรียม ดู ดอฟิเนปี 2012 แอนดี้ล้มคว่ำในสเตจ Time Trial จนกระดูกกระเบนเหน็บแตกหัก เขาใช้เวลาพักฟื้นหลายเดือนกว่าจะกลับมาเริ่มแข่งต่อได้ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อฝ่ายบริหารของทีม Leopard-Trek เริ่มไม่พอใจกับฟอร์มที่ตกลงทุกวันของเอซคนสำคัญ การเข้ามาของผู้จัดการทีมคนใหม่ – โยฮาน บรูนีล ((อดีตผู้จัดการทีมของแลนซ์ อาร์มสตรอง)) ในปี 2012 ที่พยายามแยกแฟรงก์และแอนดี้ ไม่ให้แข่งด้วยกัน ยิ่งบั่นทอนความมั่นใจของแอนดี้
“จริงว่าผมโชคไม่ดี ผมล้มซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็พยายามกลับมาซ้อม ซ้อมแล้วก็ซ้อม แต่บางครั้งมันก็ทำให้สงสัยตัวเองเหมือนกันว่า เราทำอะไรผิด?”
เข้าสู่ปี 2013 ข่าวการล้มและการถอนตัวของแอนดี้ยังมีออกมาต่อเนื่องน้อยครั้งที่เขาจะแข่งขันต่อได้จนจบเมื่อบวกกับข่าวลือเรื่องการติดแอลกอฮอล์และข่าวที่พี่ชายแฟรงก์ถูกจับแบนจากการใช้สารกระตุ้นแล้วยิ่งไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ปี 2014 เป็นอีกครั้งที่เขาล้มในตูร์เดอฟรองซ์จนต้องถอนตัวจนบาดเจ็บหัวเข่าเรื้อรัง ซึ่งมันร้ายแรงพอที่จะทำให้เขาต้องหยุดแข่งขันตลอดชีวิต
“มันน่าเสียดาย และน่าผิดหวังที่ผมจะต้องหยุดอาชีพที่ผมรัก ผมอยากจะลองสู้ต่อ แต่อาการบาดเจ็บที่หัวเข่ากลับไม่ดีขึ้นเลยตั้งแต่ที่ผมล้มในตูร์ เดอ ฟรองซ์ ถึงเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อจะสมานกันดีแล้ว แต่อาการบาดเจ็บที่กระดูกอ่อนมันไม่หาย ซึ่งถ้ายังฝืนปั่นจักรยานต่อมันก็อาจจะไม่หายเลยตลอดชีวิต ทางเลือกนี้ดีที่สุดแล้วสำหรับผม“
สนามแข่งที่ทำให้เขากลายมาเป็นที่รู้จักของแฟนจักรยานทั่วโลก กลับเป็นสนามสุดท้ายที่เขาอยากจะลืม
“ยิ่งเคยบินสูงเท่าไร เวลาตกลงมามันเจ็บยิ่งกว่า“
ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงกับชีวิตนักปั่นของแอนดี้เขาคือภาพสะท้อนความเปราะบางของการเป็นนักกีฬาอาชีพ
การต่อสู้ที่ยากที่สุดของเขาอาจจะไม่ใช่การพิชิตยอดเขาสูงชันในเทือกเขาแอลป์หรือการแย่งชิงเสื้อสีเหลืองในเดือนกรกฏาคมกับน่องเหล็กระดับโลกแต่มันคือการตามหาจิตวิญญาณชีวิตนักปั่นตลอดสามปีที่เต็มไปด้วยความสงสัยความไม่มั่นใจและความคลางแคลงใจในฝีเท้าของตัวเอง
ในสนามรบที่เอาชนะไม่ได้ บางครั้ง การหันหลังกลับคงไม่ได้หมายถึงความพ่ายแพ้เสมอไป
ผลงาน
2007 อันดับ 2 Giro d’Italia
2009 อันดับ 2 Fleche Wallonne
2009 แชมป์รายการ Liege-Bastonge-Liege
2009 อันดับ 2 Tour de France
2010 แชมป์รายการ Tour de France
2011 อันดับ 2 Tour de France
2011 อันดับ 3 Liege-Bastonge-Liege
แชมป์นักปั่นเยาวชน Tour de France 2008, 2009, 2010
ทีมต้นสังกัด
2005-2008 Team CSC
2009-2010 Saxo Bank
2011 Leopard Trek
2012-2013 Radioshack-Leopard
2014 Trek Factory Racing