[dropcap letter=”ตั้”]งแต่แลนซ์ อาร์มสตรองให้สัมภาษณ์สารภาพเรื่องการโด้ประหว่างแข่งขันในรายการโอปราห์ วินฟรีย์เมื่อสองปีก่อน เขาก็ไม่เคยออกสื่อให้สัมภาษณ์อีกเลย ในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น แลนซ์เคยบอกว่า ถ้าย้อนเวลาได้ เขาอยากเปลี่ยนนิสัยที่ก้าวร้าว แต่จะไม่หยุดโด้ป
วันจันทร์ที่ผ่านมานี้แลนซ์กลับมาออกสื่ออีกครั้ง ให้สัมภาษณ์ช่อง BBC เกี่ยวกับชีวิตในช่วงสองปีหลังรับโทษแบนตลอดชีวิต
[separator type=”thin”]
แดน โรน (บรรณาธิการ): “ถ้าคุณต้องกลับไปแข่งอีกครั้งในยุค 90 คุณจะโด้ปอีกหรือเปล่า?”
แลนซ์: “เป็นคำถามที่ตอบยาก ถ้าผมแข่งในปี 2015 ผมคงไม่โด้ป เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโด้ป ต้องโกงใคร แต่ถ้าคุณให้ผมไปแข่งในปี 1995 ในช่วงเวลาที่ทุกคนโด้ปกันเป็นเรื่องปกติ ผมก็คงจะโด้ปเหมือนเดิม ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากได้ยินประโยคนี้หรอก”
แลนซ์อธิบายเพิ่มเติมว่าเขาไม่มีทางเลือก
แลนซ์: “ตอนที่ผมและเพื่อนร่วมทีมทุกคนตัดสินใจจะโด้ป มันเป็นการตัดสินใจในช่วงเวลาที่เราไม่มีทางเลือกมากนัก แต่เราก็ทำ”
แลนซ์: “แต่ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของผมทำให้เกิดเรื่องดีมากกว่าเรื่องแย่ ตอนที่ผมชนะตูร์เดอฟรองซ์ต่อกันหลายสมัย มันทำให้วงการจักรยานเติบโตแบบก้าวกระโดด คนนับล้านออกมาปั่น หน่วยงานช่วยผู้ป่วยมะเร็งของผมเรียกเงินบริจาคได้หลายร้อยล้านเหรียญ จักรยาน Trek ก็เพิ่มยอดขายจากสิบกว่าล้านเป็นห้าร้อยล้านเหรียญ สิ่งพวกนี้มันไม่มีประโยชน์หรือ? เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม? ผมเชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้มันหายไปหรอก”
แลนซ์: “ผมจะบอกให้ว่าผมอยากทำอะไร ผมอยากเปลี่ยนผู้ชายคนที่มันทำเรื่องไม่ดีเหล่านั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เขาเลือกโด้ป แต่เป็นการกระทำของเขา ที่เขาก้าวร้าวกับคนอื่นตลอดเวลา มันดีที่ผมมีใจนักสู้ในสนามแข่ง แต่มันแย่ที่ผมเอานิสัยนักสู้ไปใช้กับสื่อ กับเพื่อน ถ้าตอนนี้ผมเป็นแลนซ์คนก่อน ผมคงเถียงสู้กับคุณแล้ว”
แลนซ์: “นั่นแหละคือผู้ชายที่ผมอยากเปลี่ยน ไม่ใช่เรื่องโด้ปที่ผมอยากเปลี่ยน แต่ผมอยากเปลี่ยนนิสัยก้าวร้าว ผมรู้ว่าคนไม่ชอบคำตอบนี้”
ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของแลนซ์ได้รับการลดหย่อนโทษให้หยุดแข่งเพียง 6 เดือน แลนซ์ได้รับโทษแบนจากการแข่งขันตลอดชีวิต USADA หน่วยงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้นสหรัฐตัดสินว่าโทษของแลนซ์ไม่ใช่แค่การโด้ปสารต้องห้ามเหมือนเพื่อนร่วมทีม เพราะเขาเป็นเจ้าของและหัวหน้าทีมจึงมีโทษแจกจ่ายและบังคับให้นักปั่นในทีมใช้สารต้องห้ามด้วย ซึ่งแลนซ์ยืนยันว่าคำตัดสินไม่ยุติธรรม
แลนซ์: “ทราวิส ไทการ์ท (USADA CEO) บอกทุกคนในโลกว่าแลนซ์มีโอกาสลดหย่อนโทษเท่าคนอื่น แต่เขาไม่เคยออกมาสารภาพและไม่ให้ความร่วมมือกับเรา”
“แต่ถ้าคุณไปถามฮินคาปี้, แวน เดอ เวลด์, ซาบริสกี หรือแดเนียลสัน (เพื่อนร่วมทีมเก่า) ทุกคนจะบอกเรื่องจริง.. ไทการ์ดจะพูดว่าพวกคุณจะไม่ได้รับโทษ แค่พูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน”
“USADA ไม่เคยโทรหาผมแบบที่เขาโทรหาเพื่อนร่วมทีมผม”
อย่างไรก็ดี ทราวิส ไทการ์ดออกให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าทีมงาน USADA พยายามติดต่อแลนซ์เพื่อให้โอกาสออกมาสารภาพผิดและให้ความร่วมมือในการสืบสวนคดี แต่แลนซ์ก็ไม่เคยติดต่อกลับเช่นกัน
“ผมคิดถึงตูร์ เดอ ฟรองซ์ทั้ง 7 ครั้งที่ผมแข่ง แต่ในตอนนี้ผมมองในมุมของบุคคลที่สาม ผมเหมือนจะเห็นว่าใครชนะ แต่เขาก็ไม่ได้ชนะ ไม่มีใครชนะเสื้อเหลืองเลย เป็นตำแหน่งผู้ชนะที่ถูกขีดฆ่าออก แต่ถ้าคุณดูจ้าวความเร็ว เอริค ซาเบล ดูจ้าวภูเขาริชาร์ด เวนริเก้ ทั้งคู่สารภาพว่าโด้ป แต่ไม่มีใครริบเสื้อเขา มันไม่แฟร์ และมันไม่ควรจะเกิดขึ้น”
”ผมรู้ว่าการกระทำของผมในบางสถานการณ์มันก็ก้าวร้าวเกินจะให้อภัย หลายคนบอกว่าผมควรได้รับโทษ แต่ถ้าถามว่าโทษแบนตลอดชีวิตและสิ่งที่ผมได้รับตลอดสองปีที่ผ่านมามันเกินไปหรือเปล่า? ผมบอกได้เลยว่ามันมากเกินไป”
“ผมรู้สึกแย่ ผมคิดว่าตอนนี้ผมก็ยังฟิตพอจะแข่งในกีฬาระดับสูงได้หลายบประเภท แต่ไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครอยากได้ยินเรื่องของผม”
“เรื่องที่แย่ที่สุดก็คือ ถ้าวันพรุ่งนี้แม่ผมป่วยเป็นโรคประสาท ผมอาจจะอยากไปวิ่งในงานใหญ่อย่าง Boston Marathon เพื่อระดมเงินบริจาคให้ผู้ป่วยโรคประสาทสัก 100,000 เหรียญ แต่ผมรู้แน่ว่าผมทำไม่ได้ ผมไปเดินป้วนเปี้ยนแถวงานยังไม่ได้เลย…”
สำหรับหลายๆ คนที่ผิดหวังกับแลนซ์ พวกเขาอยากเห็นแค่ว่าอาร์มสตรองรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ แต่ก็เป็นเรื่องยากเมื่อแลนซ์พูดว่าถ้าอยากให้เขารู้สึกเสียใจ เขาต้องโกหก เพราะเขายืนยันว่าเขาไม่อาจรู้สึกเสียใจให้กับเรื่องที่เขาไม่มีทางเลือก
แดน โรน: “แต่ในยุคนั้นก็มีนักปั่นไม่น้อยที่เลือกจะไม่โด้ป ถ้าคุณเลือกที่จะไม่โด้ป คุณก็สามารถเดินออกจากวงการได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องอาย ไม่ต้องหลบ และไม่ต้องโกหกใคร”
แลนซ์: “แต่ผมเชื่อว่ามีนักปั่นในสมัยนั้นไม่กี่คนหรอกที่ยังเหลือศักดิ์ศรีและจรรยาบรรณนักกีฬา”
แดน โรน: “มันเป็นคำตอบที่ซื่อสัตย์นะ แต่มันก็สะท้อนว่าคุณเสียใจเพราะถูกจับได้มากกว่าเสียใจเพราะว่าตัดสินใจที่จะโด้ป”
แลนซ์: “ผมเข้าใจ ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนเสียใจที่ต้องแข่งในยุคนั้น”
ชมบทสัมภาษณ์แลนซ์ตัวเต็มได้ที่ BBC ตามลิงก์นี้ครับ