“They are very much under scrutiny, and they won’t be given another chance,” – ไบรอัน คุ๊กสัน, ประธานสหพันธ์จักรยานนานาชาติ
เมื่อวานนี้สหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) ประกาศคำตัดสินเรื่องใบอนุญาตแข่งระดับดิวิชัน 1 ของทีม Astana และ Europcar ผลคือ Astana ได้ใบอนุญาตลงแข่งต่อในฤดูกาลหน้า ในขณะที่ทีม Europcar ถูกลดลงไปอยู่ดิวิชันสอง
ฟังดูน่าแปลกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีม Astana มีข่าวฉาวหลายคดีในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาทั้งเรื่องการโด้ปของนักปั่นในทีม และล่าสุดเรื่องความเชื่อมโยงกับหมอโด้ปมิเคลี เฟอร์รารีที่ทางสายสืบตำรวจอิตาลีได้ประกาศรายชื่อนักปั่นที่ไป “เข้าคอร์ส” กับหมอเฟอร์ และปรากฏว่ามีนักปั่น Astana ติดโผอยู่หลายคน ทำไมทีมถึงยังได้ใบอนุญาตให้แข่งต่อ ทั้งๆ ที่น่าจะผิดข้อพิจรณาด้าน “จริยธรรม”?
1. กฏ UCI อนุญาตให้ Astana ได้แข่งต่อ
อันดับแรก ทีมจะได้ไลเซนส์ให้แข่งต่อหรือไม่ให้แข่งต่อ ต้องว่ากันตามกฏครับ การที่ทีมๆ หนึ่งจะได้ใบอนุญาตแข่งในฤดูกาลถัดไป ทีมต้องผ่านการพิจารณา 4 ข้อของ UCI ซึ่งประกอบด้วย การเงิน, การบริหาร, การกีฬา (ผลงาน), และจริยธรรม แน่นอนว่าทาง Astana มีคดีในหมวดสุดท้าย จากที่พี่น้อง อิกลิงสกีโดนจับโด้ปไปเมื่อเดือนก่อนๆ
อย่างไรก็ดี คดีโด้ปของทีม Astana Continental อีก 3 คดีนั้น “ไม่เกี่ยวข้อง” กับ Astana (World Tour) เพราะตามกฏ ทั้งสองทีมถือว่าเป็นนิติบุคคลที่แยกกันชัดเจน สิ่งที่เหมือนกันมีแค่ชื่อทีมและสปอนเซอร์ แต่การบริหารจัดการ และความสัมพันธ์ระหว่างสตาฟและนักปั่นนั้นแทบจะแยกกันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีเพียงวิโนคูรอฟ ผจก ทีมที่หน้าที่ดูแลภาพรวมของทั้งสองทีม ส่วนคนอื่นๆ นั้น “ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ” ตามคำพูดของวินเชนโซ นิบาลิ
ซึ่งก็แปลว่าสรุปแล้ว Astana ทำผิดไปสองกระทงเท่านั้นในหมวดจริยธรรม ถามว่ามันร้ายแรงมากพอจะให้ถอนไลเซนส์เปล่า? ก็อาจจะยังไม่พอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีตัวอย่างคดีของทีม Katusha เมื่อปีที่แล้ว ที่สุดท้ายทีมก็ไปฟ้องศาลโลก เอาชนะคำตัดสิน UCI กลับมาลงแข่งต่อในดิวิชัน 1 ได้สำเร็จ ถ้า UCI มีหลักฐานและมูลฐานการระงับใบอนุญาตแข่ง Astana ไม่หนักแน่นพอ ก็อาจจะเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ซึ่งเสียทั้งเงินและเวลาของทุกฝ่าย
ถ้าคณะกรรมที่ดูแลเรื่องใบอนุญาตแข่งตัดสินว่าโทษสองคดีนี้ ไม่เพียงพอที่จะริบใบอนุญาต ก็ถือเป็นความโชคดีของทีมไป
2. Astana จะทำผิดไม่ได้อีกแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อมีคดีเยอะและมีข่าวร้ายๆ ขนาดนี้ ถึงทีมจะได้ใบอนุญาตแข่ง แต่ไม่ได้หลุดไปง่ายๆ ครับ UCI มี “ข้อแม้” สองข้อให้ทีม Astana คือ
a.) ทีมจะถูกคณะกรรมการกลาง จาก Institute of Sport Science of the University of Lausanne ตรวจสอบแบบเข้มงวดตลอดเดือน มกรา-กุมภา ซึ่งจะดูทั้งเรื่องการบริหารจัดการของทีม การฝึกซ้อม และอีกหลายๆ เรื่องเพื่อดูว่าทีมทำหน้าที่ป้องกันการโด้ปดีพอหรือเปล่า ซึ่งค่าใช้จ่ายทีม Astana ต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
b.) ต้องบังคับใช้กฏการบริหารทีมพิเศษ ที่ทีมอื่นๆ ยังไม่ได้บังคับใช้ ซี่งจะเข้มงวดกวดขันมากกว่าเดิมหลายเท่า
พูดง่ายๆ Astana ต้องทำตัวเป็น “เด็กดี” ตลอดเวลาที่โดนตรวจสอบ ถ้ายังพบว่ามีปัญหา หรือเจอนักปั่นโด้ปอีก คราวนี้มีสิทธิที่จะโดนลดดิวิชัน หรือระงับใบอนุญาตแข่งถาวรเลยก็เป็นได้ อีกอย่างถ้าเจอคดีโด้ปออีกก็เชื่อว่าสปอนเซอร์ทีมคงเข็ดขยาดไม่จ่ายเงินอัดฉีดต่อแน่นอน
“Subjective to what the licence commission might decide, a minimum sanction could be that the team could be reduced to the Pro Continental level and be dependent on wildcards for the WorldTour races. A maximum sanction could be that the team’s licence would be removed all together.” – Brian Cookson
3. หมอโด้ปเฟอร์รารีเกี่ยวอะไรด้วย? ข่าวนี้มันสองปีแล้ว!
ถึงรายงานข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของลูกทีม Astana กับหมอโด้ปเฟอร์รารีจะออกมาพาดหัวข้าวเป็นกระแสกันใหญ่ แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้เขารู้กันมาสองปีแล้วครับ ผลการสืบสวนสอบสวนของตำรวจอิตาลีนั้นจริงๆ เสร็จสิ้นตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งถ้าย้อนกลับไปดูพาดหัวข่าวตอนนั้นก็จะพบว่าไม่ต่างอะไรกับตอนนี้เลย เพราะมันคือการสืบสวนเดียวกัน ข่าวของวันก่อนอาจจะมีข้อมูลมากขึ้นหน่อย เรื่องรายชื่อนักปั่นที่เกี่ยวข้อง (แบบเต็มๆ) แต่ก็ถือว่าเป็นคดีเก่า และนักปั่นในโผชื่อส่วนใหญ่ได้รับโทษ หรือไม่ก็โดนแบนจนพ้นโทษกันไปหมดแล้ว
ทิ้งท้าย: อาจจะดีกว่าที่ Europcar ตกดิวิชัน
Europcar “ไม่ผ่าน” การพิจารณาเรื่อง “การเงิน” ซึ่งเรื่องนี้ทีมก็ออกมายอมรับเองอยู่แล้วว่างบไม่มากพอที่จะลงแข่งต่อในดิวิชัน 1 เมื่อดูผลงานของทีมปีที่แล้วที่ไม่มีชัยชนะสนามไหนๆ เลยตลอดทั้งปีในระดับโปรทัวร์ เทียบกับปีก่อนๆ ที่ทีมอยู่ดิวิชันสองแล้วเป็นทีที่ผลงาน “เยอะที่สุด” ในดิวิชัน อาจจะดีกว่าที่ทีมลดดิวิชันลงไปเหมือนเดิมครับ
Europcar ไม่ใช่ทีมใหญ่ ไม่รวย และมีนักปั่นในสังกัดไม่มากพอที่จะแบกรับความรับผิดชอบของการเป็นโปรทีมดิวิชัน 1 ได้ เป้าหมายใหญ่สุดของทีมคือลงแข่งตูร์ เดอ ฟรองซ์ทุกๆ ปี ซึ่งทุกครั้งเขาก็ได้รับเชิญให้ไปแข่งอยู่แล้วเพราะเป็นทีมที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ของฝรั่งเศส และมีนักปั่นบ้าพลัง ชอบโจมตีสร้างสีสันให้งานหลายคน ทั้งโทมัส โฟแคลร์ และปิแอร์ โรลองด์
สรุป
ขอจบเรื่องดราม่า Astana เท่านี้ดีกว่าครับ นิบาลิสบายใจแข่งต่อได้อีกหนึ่งปี แต่ทีมเองคงกระวนกระวายไม่น้อย เพราะถ้าไม่ปรับปรุง ลบภาพลักษณ์แย่ๆ มีหวังจะโดนยุบทีม สปอนเซอร์ถอนทุนเอาง่ายๆ