เข้าสู่ตอนที่สามกันแล้วครับกับคอลัมน์ลุยหลังร้าน สำหรับร้านที่เราจะไปคุยวันนี้เป็นร้านใหญ่เก่าแก่ตั้งอยู่แถวย่านพัฒนาการ ก่อนจะเข้าไปแอดมินก็มีเกร็งเล็กน้อยครับ ต้องทำการบ้านไปพอสมควร เพราะเถ้าแก่นั้นเป็นสิงห์นักปั่นตัวจริงที่อยู่ประจำวงการมายาวนาน จะเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่นุ พิษณุ กิตติปกรณ์แห่งร้าน Bike Station นั่นเองครับ
สำหรับคนอ่านหน้าใหม่ ในคอลัมน์ลุยหลังร้าน Ducking Tiger จะไปพูดคุยกับร้านจักรยานต่างๆ ในเมืองไทยและในต่างประเทศ เพราะผมเชื่อว่าคนที่มาเปิดร้านจักรยานได้นั้นต้องมีความรักความชอบในจักรยาน ไม่ได้หวังรวยเพียงอย่างเดียวแน่ๆ แต่ละร้านก็มักจะมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ไม่เหมือนกัน เราก็จะสอบถามถึงที่ไปที่มาพร้อมเก็บรูปบรรยากาศร้านสวยๆ มาให้ชมกันครับ ตอนล่าสุดที่เรานำเสนอไปนั้นเป็นเรื่องของร้าน Sixty Bike Bangkok ใครพลาดกดไปอ่านได้เลย
An Interview With Bike Station
DT: ทราบมาว่าร้าน Bike Station เริ่มแรกอยู่ที่จังหวัดนครปฐม พอจะเล่าประวัติของร้านคร่าวๆ ให้เราฟังได้ไหมครับ?
พี่นุ: จริงๆ เราเปิดเป็นร้านเล็กๆ ในนครปฐมซึ่งพี่ทำคู่กับธุรกิจขายผลไม้ของที่บ้าน พี่เป็นคนเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานตั้งแต่อายุ 12 จักรยานมันอยู่ในสายเลือด! พอธุรกิจร้านผลไม้มันเข้าที่เข้าทาง ก็เลยกลับมาทำจักรยานต่อ คือทางที่บ้านเขาบ่นว่าวันๆ เนี่ยเห็นปั่นแต่จักรยาน พี่ก็เลยหาเรื่องมาทำให้มันจริงจัง เปิดเป็นโฮมช๊อปเล็กๆ ชื่อร้าน Road Bike Home Shop ไม่ใช่ร้านที่ทำเลโลเคชันดีเหมือนสมัยนี้ ในสมัยนั้นเราเป็นร้านจักรยานแรกๆ ในเมืองไทยเลย หลายคนก็บอกว่าบ้าหรือเปล่ามาเปิดร้านจักรยานในตลาดผลไม้ ไม่คิดว่ามันจะรอด แต่ว่าเราทำได้เพราะเรามีสังคม มีกลุ่มเพื่อนที่เขามาร้านเราเยอะพอสมควร
สาเหตุที่มาอยู่กรุงเทพเพราะอะไร? พี่มาขี่จักรยานที่กรุงเทพทุกสุดสัปดาห์อยู่แล้ว มีเพื่อนอยู่นี่เยอะเลย แล้วตอนเปิดร้านอยู่ที่นครปฐมลูกค้าก็มาจากกรุงเทพกันเต็มไปหมด เราก็อยากย้ายมา แล้วพอดีจังหวะมันลงตัว ทาง Specialized ประเทศไทยเขาก็เปิดหา distributor ซึ่งเราก็รับมาทำ และมาได้ทำเลตรงพัฒนาการซึ่งมันเป็นของร้าน Siam Bike เราก็เลยจัดการเทคโอเวอร์ทำเป็นร้านจักรยานเต็มรูปแบบ
DT: แสดงว่าแต่ก่อนพี่นุปั่นแต่เสือหมอบ?
พี่นุ: แต่ก่อนเลยเนี่ยเราก็ปั่น BMX กับเสือภูเขาตามช่วงที่กระแสมันกำลังมา แต่พอเพื่อนแนะนำให้ลองปั่นเสือหมอบ เขาบอกว่าลองดูสิแล้วจะรักมัน ไปลองปั่นดูก็ติดใจไม่ไปปั่นจักรยานอื่นอีกเลย!

DT: ทำไมถึงชื่อว่าร้าน Bike Station ครับ
พี่นุ: เราก็มาคิดกันหลายชื่อเหมือนกันนะว่าจะเป็นชื่ออะไรดี ดูจากทำเลแล้ว ร้านเรามันเป็น stand alone ไม่เหมือนร้านห้องแถว และมันก็ใกล้สถานที่ขี่จักรยานอย่างมอเตอร์เวย์ด้วย เลยคิดว่าทำเป็นสถานีคนปั่นเลยดีมั้ย? เลยเป็นชื่อ Bike Station ไง
DT: จุดเด่นของร้าน Bike Station คืออะไรครับ?
พี่นุ: เราไม่ได้เป็นร้านที่คำนึงถึงว่าจะขายเป็นหลักอย่างเดียว เราก็เป็นคนปั่นจริงๆ เหมือนกับลูกค้าแต่เราผันมาเป็นคนมาทำร้านจักรยาน เราจะเข้าใจดีว่าอุปกรณ์อย่างนี้ที่เราใช้เนี่ยมันดีหรือไม่ดี ถ้ามันไม่ดีเราก็บอกลูกค้าอย่างนี้ๆ บางครั้งมันก็ขัดแย้งกับการค้าเพราะทำให้เราขายของบางอย่างไม่ได้ แต่เราคิดว่าลูกค้าปั่นสนุก ได้ใช้ของดีน่าจะดีกว่า ผมเป็นคนที่มีอะไรก็พูดตรงๆ อยู่แล้ว ก็คิดว่าเป็นสเน่ห์ตรงนี้นะที่เรารักจักรยานจริงๆ เราแนะนำได้เหมือนเป็นเพื่อนคนปั่นเลย
อีกอย่างทำเลร้านเราอาจจะอยู่นอกเมืองนิดนึง แต่มันสะดวกกับลูกค้ามากกว่านะ มีที่จอดรถสะดวก เวลาไปร้านจักรยานส่วนใหญ่ในเมืองก็จะหาที่จอดลำบากนิดนึง แล้วเราอยู่ตรงนี้ก็ใกล้ที่ปั่นกันด้วย
DT: ร้านนี้ใครพูดถึงก็ต้องนึกภาพหมอบแรงๆ ก่อนเลย Pinarello, Look, Cippolini…
พี่นุ: โดยส่วนตัวนะคือเราเป็นคนชอบใช้ของดี ชอบเล่นรถน่ะ เราเลยอยากจะเอาตัวเลือกอื่นมาให้คนเลือกซื้อบ้าง สมัยก่อนร้านจักรยานเนี่ย อยากได้อะไรเขาจะบอกว่าต้องสั่งครับ ต้องรอ บางทีมันหงุดหงิด รอนาน ก็เป็นอีกสาเหตุที่ให้มาทำร้านจักรยานด้วย เพราะเราอยากทำให้คนซื้อมีความสุขในการช๊อปปิ้ง มาเห็นแล้วจับลองได้เลย ไม่ต้องรอ ทุกวันนี้ก็ทำได้ตามที่คิดระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่ดีขนาดที่เราเคยจินตนาการไว้เพราะมันใช้ทุนเยอะ! จุดเด่นเราก็เลยจะเป็นพวก Custom bike นี้หละครับที่จะทำได้ดีหน่อย อย่างที่ทราบกันเราก็เป็นคนนำ Pinarello กับ Cipollini เข้ามาในไทยครับ
DT: เดี๋ยวนี้เห็นจักรยานแบรนด์แปลกๆ เข้ามาในไทยเต็มไปหมดเลยครับ ทั้งที่เราคุ้นตาและไม่คุ้น พี่นุมองธุรกิจร้านจักรยานตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
พี่นุ: ตอนนี้ตลาดจักรยานมันใหญ่มากขึ้น มันก็จะมีผู้คนเข้ามาอยู่ในธุรกิจมากขึ้น คนที่ทำธุรกิจอยู่แล้วเขาก็เห็นช่องทาง ก็เอาสินค้าใหม่เข้ามาขายกันเพราะมีทุนที่พอจะสนับสนุนได้ โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะครับ เป็นโอกาสดีของคนไทยที่เลือกซื้อของใช้ได้หลากหลายขึ้น


DT: พี่นุอยู่ในวงการมา 10 ปีมองกระแสจักรยานในเมืองไทยตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?
พี่นุ: คนปั่นเยอะขึ้นมาก คนไทยหันมาสนใจการปั่นจักรยานกันมากขึ้นจากทุกวงการ ดารา นักร้อง ไฮโซ คนธรรมดา มีหมดเพราะสิ่งที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ก็คือเรื่องสุขภาพ เพียงแต่ว่าใครจะเข้าถึงจุดนี้ในช่วงไหน หลายๆ ก่อนเราก็รู้จักเพื่อนคนหนุ่มๆ เที่ยว เฮฮากัน แต่พอถึงจุดนึงเขาก็คิดว่ามันไม่ใช่ละ เราต้องออกกำลังกายนะ ต้องดูแลตัวเอง พอเขาหันมาปั่นก็รู้สึกว่าชีวิตมันดีขึ้น มันแข็งแรงขึ้น ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทยนะครับต่างประเทศก็ด้วย อัตราการเติบโตของวงการนี้มันก็จะกระเตื้องขึ้นตลอด
DT: ที่เห็นจักรยานมันบูมขึ้นมากใน 2-3 ปีที่ผ่านมามันจะเป็นแค่กระแส หรือมันจะโตไปเรื่อยๆ ครับ?
พี่นุ: พี่ว่ามันจะโตไปเรื่อยๆ นะ ที่เป็นกระแสคงเป็นจักรยานฟิกซ์เกียร์เสียมากกว่า ซึ่งช่วงนี้ก็เลิกไปแล้ว และผมไม่ได้แตะเลยเพราะไม่ชอบขายตามกระแสอยู่แล้ว สิ่งที่ผมทำทุกวันนี้คือมองเรื่องการออกกำลังกายเป็นหลัก ส่วนเรื่องการแต่งรถอะไรพวกนั้นมันเป็นรสนิยม ความสุขของแต่ละคน ไม่ว่ากัน เรามีความสุขร่วมกันได้
DT: ส่วนตัวพี่นุไปปั่นบ่อยมั้ยครับ ดูร้านยุ่งน่าดูเลยทีเดียว?
พี่นุ: ปกติผมปั่นตอนเช้าครับ อาทิตย์นึงปั่น 5 วัน เสาร์-อาทิตย์บางทีก็นัดกลุ่มเพื่อนไปเขาใหญ่บ้าง ปากช่องบ้าง และมันก็ไม่ไกลเกินไป เดินทางสะดวก ไปกลับได้ในวันเดียว ก็ชวนๆ กันไป ไปโหวกเหวกใน facebook บ้าง บางคนอยู่สระบุรี อยู่ไกลหน่อยก็มาแจมกัน
DT: แล้วร้าน Bikestation ที่ขอนแก่นนี่มีความสัมพันธ์กันยังไงครับ? อยากจะมีสาขาอื่นมั้ย
พี่นุ: เป็นร้านเพื่อนสนิทครับ! อนาคตเราก็อยากจะขยายนะ ถ้าสมมติเราทำได้ดี ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ Bikestation ก็เป็นช่องทางที่ดีที่จะนำคุณภาพในจุดนี้ไปตั้งในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธุรกิจครับ



DT: ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านมาจากไหนกันบ้างครับ?
พี่นุ: ส่วนใหญ่จะเป็นคนกรุงเทพนะ แต่ต่างจังหวัดก็จะมีลูกค้าที่รู้จักกันเก่าแก่สั่งออเดอร์เข้ามา ส่งของไปให้กันบ่อย ลูกค้าจากลาว เวียดนามก็มีเหมือนกัน หลังๆ มานี้เพื่อนบ้านเขาก็ปั่นกันเยอะขึ้น เดี๋ยวอนาคตมี AEC คนไทยหรือคนต่างชาติได้ไปทำงานต่างประเทศกันมากขึ้น ก็มีบุคลากรตามไป เอารถไปปั่นกัน อย่างว่านะ คนชอบปั่นจะอยู่ที่ไหนมันก็ต้องหาเรื่องปั่นจนได้ ขาดไม่ได้
DT: สุดท้ายนี้อยากฝากคนอ่านเว็บไซต์ Ducking Tiger บ้างมั้ยครับ?
พี่นุ: ผมก็ดีใจนะครับที่มีเว็บดีๆ เกี่ยวกับเรื่องเสือหมอบที่ค่อนข้างจะเฉพาะทางจริงๆ อ่านแล้วได้ความรู้สนุกดีครับ ทำให้คนเข้าใจเกมการแข่งมากขึ้นนะ บางทีคนมาปั่นใหม่ๆ ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องปั่นหนีกัน มี breakaway ทีมเดียวกันเข้าเส้นชัยไม่พร้อมกัน เว็บเราก็เข้ามาเติมเต็มจุดนี้ได้ดีครับ!




[/vc_column_text] [/vc_column] [/vc_row]
jersey ในกรอบ ตัวขวาสุดของ Andy Schleck ครับ !! *มือสั่น*
congratulation!
แต่ละคันโหดฝุดๆ ครับ
ต้องหาโอกาสไปแวะชมร้านสักครั้งแล้วหล่ะครับ