สำหรับแฟนๆ จักรยานสายฮาร์ดคอร์ เวลาดูแข่งจักรยานประเภทจับเวลา ไม่ว่าจะเป็นชิงแชมป์โลก Time Trial หรือจะเป็นสเตจจับเวลาในสนามใหญ่อย่าง Tour de France ก็ดี ถ้าเราโฟกัสไปที่ชุดสกิทสูทลู่ลมของนักปั่นหลายๆ คน คุณอาจจะเห็นว่ามันมีอะไรคล้ายๆ กันอยู่ครับ ลองดูที่แขนเสื้อ
Tony Martin, Chris Froome, Vasil Kiriyenka, Fabian Cancellara — แทบทุกคนที่เป็นนักปั่นระดับแชมป์จากทีมใหญ่ต้องใส่ไอ้เจ้าสกินสูทที่เหมือนๆ กันตัวนี้ จนสงสัยว่า เอมันไม่น่าจะเป็นชุดสกินสูทจากสปอนเซอร์แล้วนะ
สืบไปสืบมา DT ก็พบว่ามันคือชุดสกินสูทจาก Bioracer ผู้ผลิตชุดปั่นรายใหญ่ที่มีรากฐานจากเบลเยียม เมืองหลวงของการแข่งขันจักรยานโลกก็ว่าได้ ก็เลยสงสัยเหมือนกันว่าชุด Bioracer มันมีดีอะไร ทำไมนักปั่นเขาต้องใส่กันแทบทุกคน จนถึงขั้นยอมไม่ใช้ชุดปั่นจากสปอนเซอร์?
พอเมืองไทยมีชุด Bioracer มาวางขาย ก็เลยได้โอกาสสำรวจแบรนด์นี้อย่างจริงจังมากขึ้นครับ
I. Three Kings of Belgium Cycling
ถ้าใครตามวงการจักรยานมาสักพักอาจจะทราบว่า ในเบลเยี่ยมนี่มีบริษัทเกี่ยวกับจักรยานใหญ่ๆ อยู่สามรายที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นั่นคือ Ridley Bicycle, Lazer Helmet และอีกหนึ่งรายที่อาจจะไม่รู้จักกันมากนัก นั่นก็คือ Bioracer ทั้งสามบริษัทนี้เติบโตมาจากการแข่งขันจักรยานระดับรากหญ้าจนพัฒนามาเป็นแบรนด์จักรยานระดับโลก แต่ก็ยังคงมี DNA ที่ทุ่มเทกับการแข่งขันและการพัฒนาสินค้าให้นักปั่นพุ่งไปข้างหน้าได้ไวที่สุด อย่างโจอาชิม เอเอิร์ท ผู้ก่อตั้ง Ridley ก็เป็นนักแข่งจักรยานมาก่อนที่จะเริ่มมาทำงานเพนท์สีเฟรมและก่อตั้งบริษัทผลิตจักรยานในที่สุด
ฝั่ง Bioracer เองก็เริ่มธุรกิจจักรยานมาตั้งแต่ปี 1986 จนถึงตอนนี้ก็ร่วมสามสิบปีเต็ม ก่อนจะเริ่มทำเสื้อผ้าจักรยาน Bioracer เริ่มจากการทำระบบไบค์ฟิตติ้ง ก่อนจะหันมาทำจักรยานขายได้สักพัก แล้วสุดท้ายมาจบที่การผลิตเสื้อผ้าจักรยาน
II. Aero is everything?
แต่สิ่งที่ทำให้ Bioracer ต่างออกไปคือเป้าหมายของบริษัท ที่สรุปออกมาในประโยคเดียวว่า “to make racers go faster” หรือให้นักปั่นที่ใส่เสื้อผ้าของเขาปั่นได้เร็วที่สุด แล้วอุปสรรคของนักปั่นที่ทำให้เขาไปได้ช้าคืออะไร? 80% ก็คือแรงต้านอากาศ หรือลมที่ปะทะตัวนักปั่น อีก 20% นั้นคือลมที่ปะทะจักรยานและอะไหล่ Bioracer จึงสรุปว่า ชุดปั่นที่ลู่ลมคือสิ่งที่จะช่วยให้นักปั่นได้เปรียบคู่แข่ง เพราะมันจะช่วยยิ่งกว่าการซื้อจักรยานลู่แลมราคาสูงเสียอีก และเป็นสิ่งที่ Bioracer ทุ่มเงินวิจัยให้ความสำคัญที่สุด
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะอุตสาหกรรมจักรยานเองเพิ่งจะให้ความสำคัญกับแอโรไดนามิกเมื่อ 3–4 ปีที่ผ่านมานี้เท่านั้น ที่เราเริ่มเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเฟรม ล้อ และอุปกรณ์ลู่ลมสารพัดรูปแบบ แต่เป็นเรื่องที่ Bioracer ให้ความสำคัญมาก่อนหลายสิบปีแล้ว และดูเหมือนว่าการลงทุนกับเรื่องเสื้อผ้าลู่ลมจะได้ผลเมื่อชุด Bioracer เป็นตัวเลือกเดียวของแชมป์แกรนด์ทัวร์และแชมป์โลกจับเวลาหลายๆ คน
ปัจจุบัน Bioracer เป็นผู้ผลิตชุดจักรยานที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป ตั้งแต่เปิดบริษัทมา Bioracer ทำชุดให้นักปั่นไปแล้วกว่า 500,000 คน ขั้นตอนการผลิตทั้งหมดเริ่มและจบในสำนักงานและโรงงานที่เบลเยียม และตอนนี้ Bioracer เป็นสปอนเซอร์ทีมชาติเสือหมอบเยอรมัน เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์
III. ไม่จบที่แค่เสื้อผ้า
เกริ่นไว้ว่า Bioracer เริ่มต้นที่การทำไบค์ฟิตติ้งก่อนมาทำเสื้อผ้า แต่ตอนนี้ยักษ์ใหญ่แห่งเบลเยียมก็กลับมาสู่รากของตัวเองอีกครั้ง เริ่มพัฒนาระบบไบค์ฟิตติ้ง Bioracer Motion ที่พยายามสร้างเป็นระบบฟิตติ้งแบบองค์รวม นอกจากจะมีระบบฟิตติ้งเช็คการเคลื่อนไหวของนักปั่นแบบ real time แล้วซอฟต์แวร์ของ Bioracer ยังสามารถส่งข้อมูล และท่าปั่นของนักปั่นสู่แพทย์และนักกายภาพบำบัดได้ทันที เป็นระบบที่พัฒนามาได้สักพักแล้วและน่าจะเริ่มเห็นในทีมโปรทัวร์เร็วๆ นี้
แน่นอนว่า Bioracer ไม่ได้ผลิตชุดปั่นที่เน้นแอโรไดนามิกเพียงอย่างเดียว นอกจากเซอร์วิสชุดปั่นแบบคัสต้อมสั่งทำสำหรับนักกีฬาและนักปั่นทั่วๆ ไปแล้วก็ยังมีคอลเลคชัน ready to wear ที่เริ่มออกสู่ตลาดเช่นกัน ทั้งชุดปั่นแบบเบสิคธรรมดา ไปจนถึงสกินสูทที่ใช้แข่งใน Tour de France
ในโลกชุดปั่นที่ตอนนี้เน้นจุดเด่นกันที่แฟชันและความสวยงาม Bioracer เลือกชูจุดเด่นในเรื่องของ performance และการมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมและสังคมการแข่งขันมากกว่าแบรนด์เสื้อผ้าอื่นๆ ผมว่าเป็นอะไรที่เจ๋งดีครับ คล้ายๆ กับ Ridley และ Lazer ที่การตลาดไม่ได้โดดเด่นมากนักแต่เชื่อได้ว่าสายเลือดนักแข่งและเรื่อง performance มีอยู่เต็มเปี่ยม ราวกับว่าเป็นแบรนด์ที่เกิดมาเพื่อการแข่งขันจริงๆ
Spotlight ตอนนี้สนับสนุนโดย Bioracer Thailand ครับ
