ในที่สุดเราก็รู้สาเหตุแล้วครับว่าทำไมเฟเบียน แคนเชอลารา จาก Trek Factory Racing ถึงไม่ยอมทำสถิติ Hour Record สักที หลังจากที่ปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมอย่างเยนส์ โว้ก และคู่แข่งแมทธิอัส แบรนเดิล (IAM) เริ่มลุยเก็บสถิติกันไปก่อน แคนเชอลาราให้สัมภาษณ์นักข่าว Velonews ว่า
“ผมมองว่าสถิติ Hour Record กับกฏระเบียบการแข่งแบบใหม่มันง่ายเกินไป (low level) แทนที่มันควรจะยากขึ้น แต่กลับง่ายลงมาก UCI เป็นคนตั้งกฏ ตอนนี้ใครอยากทำลายสถิติก็ทำได้แล้ว แค่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นก็มาทำกัน”
กฏในที่นี้ แคนเชอลาราหมายถึกฏการแข่งที่ UCI อณุญาตให้ผู้ท้าชิงใช้จักรยานสไตล์ Team Pursuit ได้ แทนที่จะใช้จักรยานเสือหมอบห้ามติดแอโรบาร์และห้ามใช้ล้อขอบสูงเหมือนที่เอ็ดดี้ เมิร์กซ์ใช้ตั้งสถิติไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งประธาน UCI คนใหม่ไบรอัน คุ๊กสันเป็นคนริเริ่มเปลี่ยนกฏ จากที่เขาเห็นว่าจักรยานที่ใช้ในการแข่งขันสมัยนี้ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้ท้าชิงกลับมาสนใจทำลายสถิติกันอีก
แต่แคนเชอลารากลับเห็นต่าง เขายังอยากให้มีการแยกสถิติ Hour Record เป็นสองประเภท (แบบที่ใช้จักรยาน Team Pursuit สมัยใหม่ และจักรยานทรง Traditional แบบเมิร์กซ์) ด้วยที่เห็นว่า “คุณภาพ” ของสถิติสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
“ผมยังเชื่อว่าเราควรจะมีสองสถิติแยกกัน แบบที่ใช้จักรยานเหมือนเมิร์กซ์ และแบบที่ใช้จักรยานสมัยใหม่ที่ใช้ท่าปั่น Time Trial ก็ใช่ว่าเราต้องปรับตัวตามยุคสมัย แต่ผมกลับคิดว่ามันก็คงดีถ้าเราไม่ต้องตามเทคโนโลยีเหมือนกัน เพาะตอนนี้ถึงแม้จะแข่งด้วยจักรยานแบบที่เมิร์กซ์ใช้ แต่เทคโนโลยีมันก็ดีกว่าจนเราน่าจะทำเวลาได้ดีกว่ามากๆ อยู่แล้ว ศาสตร์การฝึกซ้อมก็ทำให้เราปั่นเร็วยิ่งกว่าสัมยที่เขาโด้ปกันเสียอีก”
สถิติ Hour Record ของ เอ็ดดี้ เมิร์กซ์ในปี 1972 อยู่ที่ 49.431 กิโลเมตร
สถิติ Hour Record ปัจจุบันเป็นของแมทธิอัส แบรนเดิล อยู่ที่ 51.852 กิโลเมตร
Source: Velonews
