ในยุคสมัยที่ตัวเต็งว่าที่แชมป์รายการใหญ่เลือกปั่นหมกล้อคู่แข่งไปจนถึงวันสุดท้ายไม่ยอมออกโจมตีกัน Carlos Betancur กระชากสะบัดหนีคู่ต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าเปลี่ยนโฉมจากม้ามืดนอกสายตามาเป็นตัวนักปั่นฝีมือดีที่น่าจับตามอง
จิตวิญญาณนักสู้ของ Betancur ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศการแข่งขันสนาม Giro d’Italia ให้สนุกเร้าใจ กลายมาเป็นขวัญใจของใครหลายๆ คน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับนักปั่นชาวโคลอมเบียสังกัดทีม AG2R วัย 23 ปีคนนี้กันครับ
ต้นกำเนิด
Carlos Betancur เกิดที่เมือง Ciudad Bolivar ในประเทศโคลอมเบีย ดูจากภาพเมือง Bolivar คร่าวๆ ก็คงจะพอทราบว่าทำไมไอ้หนูขาแรงคนนี้ถึงปั่นระเบิดพลังขึ้นเขาสะบัดหนีคู่ต่อสู้ได้เด็ดขาด บ้านเกิดของเขาอยู่ในเทือกเขา Andes ครับ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึง 30,000 คน
Betancur เริ่มปั่นจักรยานเมื่ออายุได้ 15 ปี โดยการเข้าฝึกซ้อมกับสโมสรท้องถิ่นนามว่า CICLEB ที่นี่เขาสอนให้เด็กปั่นจักรยานตั้งแต่อายุ 5 ขวบ สอนทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬา เรื่องสารอาหารสำหรับนักปั่น การบังคับจักรยานและโปรแกรมการฝึกซ้อมแบบที่ใช้กับนักกีฬา เป็นสถาบันที่ปั้นนักปั่นชื่อดังมาแล้วหลายต่อหลายคน คล้ายๆ กับสโมสรในเมืองอูราวที่ Rigoberto Uran เคยสังกัด ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมโคลอมเบียถึงมีสโมสรจักรยานที่จริงจัง เพราะว่ากีฬาจักรยานถนนเป็นหนึ่งในกีฬาประจำชาติที่ช่วยพัฒนาคนและสร้างชื่อเสียงให้ชาวโคลอมเบียมาหลายสิบปีครับ
Betancur เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่สร้างผลงานได้มากมายตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเข้าสังกัดทีมท้องถิ่น Orgullo Paiso ซึ่งมีรัฐบาลระดับภูมิภาคเป็นผู้สนับสนุนหลัก ในปี 2009 เขาคว้ารางวัล Tour of Colombia ระดับเยาวชนอายุน้อยกว่า 23 ปี (U23) และได้อันดับสองในรายการ U23 World Championship ในปีเดียวกัน ผลงานทั้งสองรายการทำให้เขาเป็นฮีโร่ประจำเมือง Ciudad Bolivar มีขบวนแห่ต้อนรับ และผู้ว่าจังหวัดถึงกับซื้อบ้านใหม่ให้เขาและครอบครัวและเงินขวัญถุงเกือบหกหมื่นบาท!
เข้าสู่สนามยุโรป
สนามแข่งจักรยานถนนในยุโรปคือฝันของนักปั่นทุกคนที่อยากจะสร้างตัวและมีชื่อเสียงอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะรายการแข่งเกียรติยศและโปรทีมชื่อดังต่างขับเคี่ยวกันอยู่ในยุโรปเกือบทั้งหมด Betancur เองมีโอกาศได้เข้าแข่ง Girobio ((หรือรายการ Giro d’Italia สำหรับเยาวชนเส้นทางสั้นกว่า ไม่ยากเท่า Giro ของจริง)) ให้กับทีมชาติโคลอมเบียซึ่งตอนนั้นมี Acqua-Sapone เป็นผู้สนับสนุนหลัก Betancur ไม่ทำให้ทีมผิดหวังคว้าแชมป์เสตจ 4 และ 5 จนเซ็นสัญญากับทีม Acqua-Sapone ในปีเดียวกัน
ในปีแรกที่ Betancur ปั่นให้กับทีม Acqua-Sapone เขาคว้าแชมป์รายการ Giro dell’Emilia ได้ที่ 9 Giro d’Lombardia ((รายการระดับ Classic Momument!)) และโชว์ลีลาใน Giro d’Italia ขึ้นปีนเขาคู่กับตัวเต็งรายการแทบทุกเสตจ น่าประทับใจสำหรับนักปั่นที่พึ่งจะเทิร์นโปรปีแรก เข้าสู่ปี 2011 Betancur ค่อยๆ สร้างพอร์ตโฟลิโอเก็บผลงานจากการแข่งทั่วยุโรป ม่ว่าจะเป็นแชมป์ Trofeo Melinda, แชมป์เสตจในน Tour of Belgium, Giro di Padania และอันดับ 4 ใน Giro del Trentino พร้อมรางวัล young rider classification
ฤดูกาล 2013: The Breakthrough
ในปี 2013 Betancur เซ็นต์สัญญาสังกัดทีมระดับดิวิชัน 1 สัญชาติฝรั่งเศส AG2R-Lamondiale การที่ Betancur ปั่นให้กับทีมระดับ UCI Pro Tour นั้นหมายความว่าเขาจะได้เข้าแข่งสนามเกียรติยศรายการใหญ่แทบทุกรายการ น่าเสียดายที่ Betancur ไม่สามารถกลับมาแข่งรายการในช่วงต้นปีได้เพราะติดปัญหาวีซ่าทำให้เขาพลาดเป้าหมายสนาม Strade Bianche, Roma Maxima, Milano-Sanremo และ Tierrano Adriatico Betancur ติดแหงกอยู่ในโคลอมเบียเกือบสามเดือนเต็ม
เมื่อ Betancur ได้กลับมาแข่งในยุุโรปอย่างเต็มตัวเขาก็ไม่ทำให้ทีม AG2R ผิดหวังด้วยการคว้าอันดับ 3 ใน Fleche Wallonne, อันดับ 4 ใน Liege-Bastonge-Liege และอันดับ 7 ใน Tour of the Basque Country และล่าสุดระเบิดพลังโชว์ความมุ่งมั่นและเด็ดขาดใน Giro d’Italia ไต่เต้าจากม้านอกสายตาจนคว้าอันดับ 5 และรางวัลเสื้อขาว Young Rider Classification เอาชนะตัวเต็งมากประสบการณ์หลายต่อหลายคน ใครทีี่ติดตาม Giro ตลอดการแข่งจะเห็นว่าน้องแกออกโจมตีสะบัดหนีกลุ่มทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่เกรงกลัวว่าคู่แข่งจะเป็นใคร ในบางครั้งออกไล่ตามกลุ่มหนีจนทัน แซง และชิง time bonus จนจบรายการด้วยผลงานที่ดีที่สุดในชีวิต ถือว่าเป็นม้ามืดที่น่าจับตามองครับ ถ้าฝึกหัด Time Trial ดีๆ อนาคตอาจจะได้มีแววนำทีมเข้าแข่งรายการแกรนด์ทัวร์ทีเดียว!
