ปิดคดี: Specialized vs Cafe Roubaix

จบลงด้วยดีสำหรับคดีใหญ่เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ Specialized ขู่ฟ้องร้านจักรยานเล็กๆ ในแคนดา Cafe Roubaix ครับ หลังจากที่เรื่องโด่งดังไปในอินเตอร์เน็ตและผู้คนต่างช่วยกันบอยคอต Specialized ด้วยเห็นว่าบริษัทใหญ่รังแกร้านจักรยาน ทาง CEO และผู้ก่อตั้งสเป Mike Sinyard ก็ออกมายอมรับผิดและไปขอโทษ Dan Richter ด้วยตัวเองถึงที่ร้าน

 

Sinyard ก็อธิบายให้ Dan เข้าใจว่าสิ่งที่สเปทำนั้นเป็นกระบวนการมาตรฐานของบริษัทใหญ่อย่างสเปที่มีชื่อและลิขสิทธิ์ทางการค้าเยอะมากในหลายประเทศทั่วโลก ต้องอาศัยสำนักงานกฏหมายคอยช่วยเช็คว่ามีใครมาละเมิดลิขสิทธิ์หรือเปล่า โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีสินค้าปลอมทำเลียนแบบและตรีตา Specialized เยอะมาก จึงทำให้บริษัทต้องใช้นโยบายที่ค่อนข้างเด็ดขาด

“To explain just a little bit, we have a lot of trademarks all around the world and we have a law firm that watches them. One of the things in the last five years, and especially the last two years has been the number of fake products with Specialized on. It’s astronomical. We have a number of people who just track down these fake products.”

ทว่านักกฏหมายนั้นไม่ใช่นักปั่นจักรยาน ไม่ได้มีความรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับบริบทในวงการ ในกรณีของ Dan และ Cafe Roubaix นั้นสิ่งที่นักกฏหมายสเปเอะใจก็คือล้อคาร์บอนที่ Dan ตีตรา “Roubaix” (อย่างไรก็ดีว่ากันตามกฏหมายชื่อทางการค้าแล้ว Specialized ก็ไม่มีสิทธิฟ้องอยู่ดี เพราะว่าชื่อ Roubaix ในต่างประเทศเป็นสิทธิของ IAS Sport บริษัทเจ้าของจักรยาน Fuji ครับ ทาง IAS เองก็ออกมาบอกว่าสเปไม่มีสิทธิไปฟ้องร้านนี้ ทั้งนี้ชื่อ Roubaix ที่สเปจดในแคนาดาก็ไม่ได้ครอบคลุมล้อจักรยานด้วย มีแค่เฟรม ตะเกียบ และยางเท่านั้น)

โดยรวมแล้วก็หมายความว่าสเปนั้นทำพลาดเอง ไม่ไปเช็คบริบทให้ดีว่าสินค้าที่ Dan ขายและกฏหมายการค้าแคนาดาเป็นยังไง พร้อมทั้งยังไม่เช็ครายละเอียดไลเซนซ์ชื่อ Roubaix ที่ตัวเองซื้อต่อมาจาก Fuji อีกทีด้วย สิทธิในการฟ้องในต่างประเทศเป็นของ IAS Sport ครับ

“So did this one get out of hand? Absolutely and there’s no excuse. I own it, I’m responsible for it. I have a big responsibility, and I love cycling and want to do great things for the sport and was this one mismanaged, it was. I take responsibility but as soon as I called him on the phone I realised he was the real deal and we hit it off. I think he feels that it’s been treated fairly and him and I relate,” 

“I just need to look at things more carefully but I would say we’ve become pretty aggressive with this sort of thing in the last few years. This counterfeit stuff is where the criminals have started to shift to from drugs because it’s actually harder to track them and the consequences are less.”

ล้อคาร์บอน Cafe Roubaix: ที่มาของความขัดแย้ง
ล้อคาร์บอน Cafe Roubaix: ที่มาของความขัดแย้ง

Sinyard บอกว่าเขายอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวที่ปล่อยให้เรื่องนี้เลยเถิด และในอนาคตจะระมัดระวังเรื่องการฟ้องสินค้าที่อาจจะละเมิดลิขสิทธิ Specialized ในอนาคต สิ่งที่สเปกลัวจริงๆ คือสินค้าปลอม ไม่ใช่กรณีอย่างร้าน Cafe Roubaix ที่เขาทำสินค้าตีตราขายเองไม่ได้ลอกใคร Sinyard บอกว่าในอดีตมีคนเคยมาฟ้องสเปพร้อมกับหน้าตาที่พังยับจนดูไม่ได้ เพราะว่าจักรยานที่เขาขี่นั้นชำรุดเสียหายระหว่างการปั่น แต่พอเอามาเช็คแลฃล้วปรากฏว่ามันเป็น Specialized ปลอม นับจากนั้น Sinyard ก็พยายามจัดการบริษัทห้างร้านที่ปลอมจักรยานตัวเองอย่างเข้มงวดที่สุด เพราะความปลอดภัยของคนปั่นเป็นเรื่องสำคัญ

จริงๆ ผมดีใจที่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับ Specialized ครับ เพราะนิสัยการขู่ฟ้องทั้งคู่แข่งและการฟ้องโดยไม่แคร์บริบท ไม่เช็ครายละเอียดให้ดีนั้นมีเยอะมากจนยากจะให้อภัยได้ หลายๆ กรณีอย่าง Epic Wheel Works และ Volagi นั้นไม่ได้ทั้งเลียนแบบและไม่ได้ใช้ชื่อที่ทำให้ลูกค้าสับสนระหว่างสินค้า Specialized กับสินค้าของร้านเอง แต่ก็ยังโดนฟ้องจนเสียเงินแพ้คดี ธุรกิจเสียหายไปมากมาย ต้องขอบคุณศาลเตี้ยและผู้คนรอบโลกที่ไม่พร้อมจะปล่อยให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ เรื่องนี้สเปเป็นฝ่ายผิดทั้งหมด แต่ถ้านักปั่นทั่วโลกไม่ลุกขึ้นมาช่วย ร้านนี้ก็คงแพ้คดีและเสียธุรกิจไปไม่ต่างจากเคสอื่นๆ ที่สเปเคยฟ้องมา

Happy Ending ครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

1 comment

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *