ก็คอนเฟิร์มกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับข่าวที่ลือกันมานานหลายเดือน เมื่อเอซของทีม Tinkoff และอดีตแชมป์แกรนด์ทัวร์ 7 สมัยจะย้ายเข้าไปสังกัดทีม Trek-Segafredo ในฤดูกาลหน้า (ที่มา: Trek-Segafredo Official) และเป้าหมายเดียวของเขาคือคว้าแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์สมัยที่ 3 ให้ได้
คอนทาดอร์เคยได้แชมป์ตูร์ในปี 2007 และ 2009 และพยายามจะซ้ำรอยแชมป์ให้ได้ระหว่างทีอยู่กับทีม Tinkoff แต่ก็ทำได้ไม่สำเร็จ ปีที่ใกล้เคียงที่สุดคือปี 2014 ที่ฟอร์มเขาดีไม่แพ้คู่แข่งแต่ก็ต้องถอนตัวจากการแข่งขันเพราะล้มเจ็บหนัก ปี 2015 เขายังคงฟอร์มดีเอาชนะ Giro d’Italia ได้อีกหนึ่งสมัย แต่คอนทาดอร์ก็ตระหนักดีว่าถ้าจะคว้าแชมป์ตูร์ให้ได้เขาต้องมีทีมที่แข็งแกร่งกว่านี้
“ผมดีใจที่จะได้เข้าสังกัดทีม Trek ครับ แผนและอนาคตของทีมมีความทะเยอทะยานและกระตุ้นให้ผมอยากทำผลงานให้ดีกว่าเดิม ผมได้คุยกับผู้จัดการทีมและพบว่าเรามีเป้าหมายหลายๆ อย่างสอดคล้องกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจมาอยู่กับ Trek คือด้านเพอร์ฟอร์มานซ์ ผมเชื่อว่าทีมมีนักปั่นแกร่งๆ หลายคนในทุกสภาพเส้นทางไม่ใช่แค่ในภูเขา ซึ่งผมเชื่อว่าทีมและโปรแกรมนี้จะช่วยให้ผมเตรียมตัวได้พร้อมที่สุดสำหรับเป้าหมายที่ผมตั้งใจไว้”
จะทำอย่างไรกับโมเล็มม่า?
ก่อนที่คอนทาดอร์จะเข้ามา ทีม Trek มีตัวเต็งสนามแกรนด์ทัวร์ในบอเก้ โมเล็มม่า ซึ่งปีนี้ถึงจะโชว์ฟอร์มได้ดีระดับหนึ่งแต่ก็เฟดไปในสัปดาห์สุดท้ายของตูร์เดอฟรองซ์ ซึ่งหล่นไปอยู่อันดับ 11 หลังจบการแข่งขัน
ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ว่าทีมจะมีแผนยังไงกับโมเล็มม่า ว่าเขาจะช่วยคอนทาดอร์ในศึกตูร์เดฟรองซ์หรือจะได้รับผิดชอบสนามแกรนด์ทัวร์รายการอื่นอย่าง Giro d’Italia และ Vuelta a Espana เพราะเอาจริงๆ แล้ว Trek มีเอซสนามแกรนด์ทัวร์แค่คนเดียวก่อนที่คอนทาดอร์จะเข้ามา
คอนทาดอร์มีตัวช่วย
คอนทาดอร์ไม่ได้มาเพียงแค่คนเดียว แต่เขาดึงเอาเฮซุซ เฮอร์นันเดซเพื่อนร่วมทีมและผู้ช่วยคนสำคัญจาก Tinkoff มาด้วย เฮอร์นันเดซเป็นนักไต่เขาฝีเท้าดีที่ช่วยคอนทาดอร์มาตลอดทุกแกรนด์ทัวร์ที่เขาลงแข่ง และที่เด็ดไปกว่านั้นคือคอนทาดอร์เอาสตีเฟน เดอ โจงฮ์ ผู้กำกับทีมมากประสบการณ์ที่พาเขาคว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์มาหนึ่งครั้ง เดอ โจงฮ์ เคยคุมทีม Sky ถึงสามปีก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ Tinkoff ในฤดูกาล 2013 และเป็นคนช่วยซากานและคอนทาดอร์ให้คว้าแชมป์สนามใหญ่ได้หลายรายการ
นี่ไม่ใช่ Leopard-Trek ที่เราเคยรู้จัก
เป็นเรื่องย้อนแย้งพอสมควรที่คอนทาดอร์ย้ายมาสังกัดกับ Trek-Segafredo เพราะเอาจริงๆ แล้วทีม Leopard-Trek ที่ก่อตั้งในปี 2011 เป็นทีมที่สร้างมาเพื่อพี่น้องชเล็ค (แอนดี้และแฟรงก์) เพื่อแยกตัวออกจาก Team CSC-SaxoBank ของคอนทาดอร์โดยเฉพาะ โดยหวังสู้กันในแกรนด์ทัวร์ทุกสนาม
แต่ 5 ปีผ่านไป ก็อย่างที่เราทราบกัน พี่น้องชเล็คไม่สามารถทำได้ตามฝันและอำลาวงการไปแล้วทั้งสองคน (แฟรงก์รีไทร์หลังจบฤดูกาลนี้) ทำให้สมาชิกก่อตั้งระดับกัปตันทีมเหลือเพียงเฟเบียน แคนเชอลารา ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็มีเพียงแคนเชอลาราที่เป็นตัวตั้งตัวตีของทีม (และมีคริส ออเนอร์ ที่คว้าแชมป์ Vuelta ได้หนึ่งครั้ง)
แต่เชื่อไหมครับถ้าเราย้อนกลับไปดูรายชื่อนักปั่นของทีมในปี 2011 กับฤดูกาลนี้ 2016
ถ้าเราไม่นับคนที่จะรีไทร์หลังจบฤดูกาลแล้ว มีนักปั่นแค่คนเดียวในทีม คือจิอาโคโม่ นิซโซโล่ที่เป็นสมาชิกดั้งเดิมของทีมตั้งแต่ปี 2011! (ถ้ารวมสต๊าฟด้วยก็มีผู้จัดการทีมลูคา เกอร์ชิเลียนา โค้ชคิม แอนเดอร์เซน และโค้ชอดรีอาโน บัฟฟี)
เมื่อคอนทาดอร์เข้ามาในปี 2017 ก็เรียกได้ว่านี่จะเป็นทีมใหม่ที่ไม่มีเค้าเดิมเลยก็ว่าได้ เอาจริงๆ แล้วก็ไม่แย่เลยครับ เพราะจะมีนักไต่เขาฝีเท้าดีสามคน พานทาโน่, คอนทาดอร์และโมเล็มม่า, มีสปรินเตอร์สามคน บอย แวน พ็อพเพล, นิซโซโล่ และเฟลิเน่ มีตัวเต็งคลาสสิคอย่างแยสเปอร์ สตอยเว็น, เอ็ดเวิร์ด เธิร์นส์, และแชมป์รูเบอย่างจอห์น เดเก็นโคล์บ
เดาว่าฤดูกาลหน้าเราคงเห็นโฟกัสของทีมที่ย้ายจากสนามคลาสสิคมาเป็นรายการแกรนด์ทัวร์มากขึ้น เพราะเมื่อแคนเชอลาราจากไป เธิร์นส์และสตอยเว็นก็ยังต้องการเวลาในการสร้างฟอร์มเก็บตัวมากกว่าเดิม จะหวังแชมป์แต่เริ่มคงลำบาก กลับกันในแกรนด์ทัวร์ทีมมีนักปั่นอย่างคอนทาดอร์ ซึ่งดูแล้วคงกะลงตูร์รายการเดียว และโมเล็มม่าอาจจะต้องไปลง Giro / Vuelta แทน
ว่ากันตามเนื้อผ้า ลูกทีมของคอนทาดอร์ก็ยังไม่แกร่งขนาด Movistar, Astana และ Sky ครับ แต่อย่างที่เราเห็น คอนทาดอร์เองนั้นหลักแหลมและประการณ์มาก ถ้ากลับมาฟอร์มดีได้ก็มีลุ้นแชมป์ได้เหมือนกัน ใครจะรู้ เพราะคริส ออเนอร์ยังเคยเอาชนะนิบาลีที่ฟอร์มดีที่สุดด้วยวัยแตะเลขสี่มาแล้ว
* * * *