คำสาปเสื้อสีรุ้ง: Gilbert คนเก่าหายไปไหน?

เชื่อว่าหลายๆ คนที่เป็นแฟนทีม BMC และแชมป์โลกเสือหมอบคนปัจจุบัน Philippe Gilbert ((อ่านว่า ‘ฟิลลิป จิลแบร์’)) คงตั้งคำถามเหมือนๆ กัน คือทำไมเขาไม่เก่งเหมือนเดิม!? ฟอร์มร้อนแรงในปี 2011 หายไปไหนหมด เป็นถึงแชมป์โลกและย้ายมาอยู่ทีมทุนหนาอย่าง BMC แต่ทำไมยังไม่ชนะสักรายการ? วันนี้เราจะมาดูกันว่า Gilbert ต้องคำสาปเสื้อสีรุ้ง Rainbow Jersey อย่างที่เขาเล่าต่อๆ กันมาหรือเปล่า!

The Rainbow Jersy

สำหรับผู้ที่พึ่งจะติดตามกีฬาเสือหมอบอาจจะไม่เข้าใจว่าเสื้อสีรุ้งคืออะไรนะครับ เสื้อสีรุ้งหรือ Rainbow Jersey คือเสื้อสำหรับแชมป์โลกจักรยานเสือหมอบ ผู้ชนะรายการนี้ซึ่งแข่งกันในเดือนกันยายนของทุกปีจะได้เป็น ‘World Champion’ และได้รับเสื้อสีรุ้ง ((ไม่ใช่รุ้งเจ็ดสี มีแค่สี ฟ้า-แดง-ดำ-เหลือง-เขียว เป็นสัญลักษณ์และสีที่ทางสหพันธ์จักรยานนานาชาติ หรือ UCI ตั้งขึ้นมา แต่ในวงการเรียกกันว่าเสื้อสีรุ้ง / Rainbow Jersey ครับ)) เป็นรางวัล ผู้ชนะสามารถใส่เสื้อตัวนี้ได้ในทุกรายการแข่งขันเสือหมอบตลอดทั้งปีที่เขาครองแชมป์อยู่ เป็นรางวัลเกียรติยศที่นักปั่นหลายคนอยากจะพิชิตให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ สนาม UCI World Championship เป็นสนามแข่งวันเดียวที่ยากพอๆ กับสนามคลาสสิคอย่าง Paris Roubaix

ด้วยความที่ผู้ชนะสามารถใส่เสื้อสีรุ้งได้ทุกรายการแข่ง มันเลยเป็นรางวัลที่น่าถวิลหาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นเกียรติต่อตัวเองและทีมแล้ว ยังได้รับความเคารพจากนักปั่นร่วม peloton อีกด้วย นักปั่นชื่อดังหลายคนเคยคว้าเสื้อแชมป์โลกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Tom Boonen, Mark Cavendish, Thor Hushovd, Mario Cippolini, Lance Armstrong, Greg Lemond และ Francesso Moser เป็นต้น

 

The Curse: Gilbert ต้องคำสาปเสื้อสีรุ้งจริงหรือ?

ปัญหาคือแชมป์โลกที่ได้ครองเสื้อสีรุ้ง ส่วนใหญ่มักจะฟอร์มตก สร้างผลงานไม่ออกตลอดทั้งปีทีี่ถือเสื้อแชมป์โลกอยู่ครับ บางรายนั้นถึงขั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต มีตัวอย่างให้เราเห็นมากมาย เช่น Alessandro Ballan แชมป์โลกปี 2008 ที่ติดโรค Cytomegalovirus ซึ่งทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เขาไม่สามารถปั่นได้อย่างเต็มกำลังตลอดทั้งปี และไม่มีชัยชนะเลย เช่นเดียวกับ Stephen Roche นักปั่นชาวไอริชแชมป์โลกปี 1987 ปีเดียวกันที่เขาชนะ Giro d’Italia, Tour de France และ World Championship แต่ในปีถัดมาที่เขาครองเสื้อแชมป์โลก เขาก็ไม่สามารถชนะได้สักรายการเดียว

ตัวอย่างที่โหดร้ายที่สุดคงเป็น Jean-Pierre Monsere แชมป์โลกปี 1970 ที่บิดาเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายฉับพลันในตอนที่เขากำลังเฉลิมฉลองชัยชนะอยู่พอดี และตัวเขาเองก็เสียชีวิตในปีถัดไปเพราะพลาดไปชนเข้ากับรถยนตร์ระหว่างที่กำลังแข่งสนาม Grand Prix de Retie

 

คำถามคือ Gilbert ต้องคำสาปเหมือนอดีตแชมป์โลกคนอื่นๆ หรือเปล่า?

ในปีนี้ก็ดูเหมือน Philippe Gilbert ยอดนักปั่นชาวเบลเยี่ยมสังกัดทีม BMC ก็อาจจะต้องคำสาปเสื้อสีรุ้งอยู่ไม่ต่างจากอดีตแชมป์โลกคนก่อนๆ เพราะตั้งแต่ครองเสื้อ Rainbow Jersey มาเขาก็ยังไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยสักรายการเดียว ทั้งๆ ที่ปรกติแล้ว Gilbert มักจะมีผลงานเด่นตลอด อย่างในปี 2011 ที่คว้าแชมป์ Ardeness Classic สามสนามรวด รวมชัยชนะ 11 รายการในปีเดียว Gilbert เคยครองแชมป์เสตจในรายการแกรนด์ทัวร์ทั้ง TDF และ Vuelta และเคยครองเสื้อเหลืองระหว่างแข่ง Tour de France อยู่หลายวัน แถมยังเป็นเป็นอดีตแชมป์เสือหมอบ / Time Trial เบลเยี่ยมอีกต่างหาก

ผลงานที่พอจะไปวัดไปวาตั้งแต่เขาครองตำแหน่งแชม์โลกมากมีแค่อันดับสองในรายการ Brabanste Pijjl และ อันดับ 5 ใน Liege-Bastonge-Liege เท่านั้น เกิดอะไรขึ้น?

เรื่องคำสาป ผมว่ามันก็เป็นหนึ่งในตำนานของวงการจักรยานครับ เราแข่งกันมาเป็นร้อยปีแล้ว มีเรื่องเล่าเหลือเชื่อมากมาย จริงบ้างก็มี โม้บ้างก็มี อย่าลืมว่าแชมป์โลกที่สร้างผลงานรุ่งสุดๆ ก็มีหลายคน อย่าง Eddey Merckx ((เอ็ดดี้ เมิร์กซ์)), Bernard Hinault ((เบอร์นาร์ด อินอลท์)) และ Greg Lemond ((เกรก เลอมอนด์)) ทั้งสามคนคว้าแชมป์ Tour de France ในปีที่เขาใส่เสื้อสีรุ้ง! Cadel Evans เองก็สร้างผลงานต่อเนื่องตั้งแต่ได้แชมป์โลก แม้แต่ Mark Cavendish อดีตแชมป์โลกปี 2012 ก็คว้าชัยชนะไปร่วมสิบรายการ

ผู้ที่ครองตำแหน่งแชมป์โลก ซึ่งเป็นรายการแข่งสนามท้ายฤดูกาล ในแต่ละปี ไม่ได้แปลว่าเขาต้องฟอร์มดีได้เหมือนเดิมในปีถัดไป นักปั่นอาจจะย้ายทีม ต้องปรับตัวเข้ากับการฝึกซ้อมและเพื่อนร่วมทีมใหม่ๆ ก็ไม่ต่างกับการย้ายที่ทำงาน ซึ่งต้องใช้เวลาเตรียมตัว และถ้าใครโชคไม่ดี เกิดเจ็บป่วยระหว่างที่เป็นแชมป์หรือประสบอุบัติเหตุ ก็คงเกินความคาดหมาย ช่วยอะไรไม่ได้

ในกรณีของ Gilbert เองก็เหมือนกัน ต้องมีคำอธิบายที่ดูเป็นเหตุเป็นผลมากกว่าอาการ “ต้องคำสาป” ครับ สำหรับ Gilbert นั้นก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ BMC เขาเป็นนักปั่นที่ซ้อมตามความรู้สึกและอารมณ์ ไม่พึ่งของเล่นไฮเทคอย่าง Power meter และเป็นนักปั่นที่ไม่มีโค้ชประจำตัว!

แต่พอย้ายมาอยู่กับ BMC Gilbert ต้องปรับตัวเข้ากับโปรแกรมการซ้อมของทีมซึ่งใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วยและวัดผลอย่างจริงเป็นระบบระเบียบ โค้ชของ Gilbert บอกให้เขาเปลี่ยนเบาะด้วย นักปั่นขาประจำรู้ดีกว่าเบาะที่ไม่เข้ากับก้นหรือไม่ถูกจริตเรามันมีผลกับการปั่นขนาดไหน… Gilbert สารภาพว่าทั้งเรื่องการซ้อมและเบาะใหม่ที่เขาลองใช้อยู่ มีผลกับไสตล์การปั่นที่เขาคุ้นเคย (และใช้สร้างผลงานมาหลายต่อหลายครั้ง)

ท้ายที่สุด แชมป์โลกที่ต้องสวมเสื้อสีรุ้งตลอดทุกการแข่งขันนั้น ย่อมถูกจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งแฟนๆ และทีมต่างก็คาดหวังให้เขาปั่นได้ดีกว่าคนอื่น ซึ่งก็เป็นแรงกดดันที่บางครั้งอาจจะทำให้นักปั่นฟอร์มตกได้ ไม่ว่าจะทำอะไร พลาดตรงไหน แชมป์โลกย่อมเด่นเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ และไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบแรงกดดัน โดยเฉพาะในกีฬาแข่งขันจักรยานถนนที่นักกีฬาต้องพยายามเอาชนะใจตัวเองมากกว่ากีฬาประเภทอื่นๆ

 

สรุป

คำสาปเสื้อสีรุ้งนั้นก็คงเป็นแค่ตำนานที่เล่าขานกันมาในวงการจักรยานครับ Gilbert เองอาจจะยังไม่มีผลงาน แต่คงไม่ใช่เพราะคำสาปเสื้อสีรุ้งแน่ๆ

ผมเชื่อว่าถ้าแกพ้นช่วงปรับตัว เริ่มคุ้นชินกับการฝึกซ้อมระบบใหม่ๆ เข้ากับทีมได้ดีขึ้น แฟนๆ ก็น่าจะปั่นได้ดีเหมือนเดิม อย่างในปีนี้เห็นได้ชัดว่า Gilbert มีปัญหากับ Cadel Evans พอสมควรระหว่างการแข่ง Tour de France Cyclingnews รายงานว่า Gilbert ถึงกับวีนโค้ชประจำทีมเพราะเขาอยากออกไปเก็บเสตจวิน ไม่อยากคอยตามช่วย Cadel อยู่หลังขบวน…ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยแบบนี้ทำให้นักปั่นแข่งขันได้ไม่เต็มที่

เรื่องการฝึกซ้อมเองก็เป็นปัญหาสำคัญ ลองดูตัวอย่าง Jonathan Tierenan-Locke ขาแรงจากทีมดิวิชันสองที่มีชัยชนะรายการน้อยใหญ่มากมาย เขาเซ็นสัญญากับ Sky เมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าในปีนี้กลับไม่มีผลงานเลยและปั่นได้ไม่ดีจนต้องถอนตัวจากหลายสนาม Locke ให้สัมภาษณ์ว่าเขาปรับตัวเข้ากับระบบการซ้อมแบบวิทยาศาสตร์ของ Sky ไม่ค่อยได้ ปรกติ Locke จะฝึกซ้อมตามฟีลและอารมณ์ ไม่ต่างจาก Gilbert ครับ มีนักปั่นอีกหลายคนที่ซ้อมไสตล์นี้เช่น Vincenzo Nibali และ Alberto Contador เจอแบบนี้ก็ต้องยกเครื่องกันใหม่

ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีทองของ Philiipe Gilbert แต่มันก็เป็นธรรมชาติของการแข่งจักรยาน มีขึ้นก็มีลง มีปรับตัว มีย้ายทีม ถ้านักปั่นเป็นทองแท้ไม่ใช่ทองเก๊ รับรองว่าเราจะได้เห็น Gilbert กลับมาโชว์พลังอีกแน่นอน

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

4 comments

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *