Bike Spot: Curve Belgie เสือหมอบไทเทเนียมสุดงามจากออสเตรเลีย

จะดีแค่ไหนถ้าจะมีจักรยานสักคันที่ตอบโจทย์การปั่นของเราทุกรูปแบบ?

สมัยนี้เดินเข้าร้านจักรยานเพื่อซื้อเสือหมอบสักคน เรามีตัวเลือกเต็มไปหมด ตั้งแต่รถไต่เขา รถแอโร รถขี่ทางวิบาก รถไซโคลครอส… ปกติเรามักจะมองการใช้งานของรถพวกนี้แยกกัน เช่นรถแข่งทำความเร็วเราก็ไม่คิดเอาไปลงทางลูกรังถ้าไม่จำเป็น และมันก็คงสะท้านสะเทือนขี่ไม่สบายเวลาเจอทางวิบากด้วย

แต่ก็ยังมีผู้ผลิตจักรยานที่คิดจะทำ All in one bike อยู่ครับ จะเป็นทางวิบากที่ต้องใส่ยางหน้ากว้าง สนามแข่งที่ต้องสปรินต์ หรือต้องปีนเขาสูงชัน Curve Cycling จากออสเตรเลียต้องการตอบโจทย์ทุกอย่างด้วยจักรยานคันเดียว โดยยังตั้งเป้าให้ปั่นได้ดีในทุกรูปแบบการใช้งานด้วย

 

Curve Cycling คือใคร?

Curve เริ่มจากกลุ่มนักปั่นเล็กๆ ในเมืองเมลเบิร์นที่หันมาตั้งแบรนด์ทำล้อจักรยานคาร์บอนของตัวเองในปี 2013 อาศัยโรงงานในจีนและไต้หวันช่วยผลิต แต่ออกแบบร่วมกับโรงงาน และได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มนักปั่นชาวออสซี่จนขยายไปเปิดตลาดในสิงคโปร์ อังกฤษ และแคนาดา

แต่เมื่อหนึ่งในทีมผู้ก่อตั้งเป็นนักปั่นสไตล์ Ultra Endurance ตัวพ่อกับดีกรีแชมป์สนาม Trans Am (ปั่นข้ามอเมริกาตลอดแนวขวางจากชายฝั่งตะวันตกไปชายฝั่งตะวันออก รวมระยะทางเกือบ 7,000 กิโลเมตร และ elevation gain กว่า 50,000 เมตร) Curve ก็พยายามพัฒนาจักรยานเสือหมอบที่ปั่นได้เร็ว น้ำหนักเบา และไปได้ทุกเส้นทางให้นักปั่นของเขาใช้ จึงเป็นต้นกำเนิดของ Curve Belgie – เสือหมอบไทเทเนียมที่มากับองศาแข่งขัน แต่น้ำหนักเบา และซับแรงสะเทือนดี

คำว่า Belgie เป็นชื่อเส้นทางการปั่นยอดนิยมของนักปั่นเมลเบิร์น ที่มีทั้งทางวิบาก ทางกรวด ทางถนนหิน ทางราบ เนินชัน และ Curve Belgie ก็ทำมาเพื่อเส้นทางแบบนี้โดยเฉพาะ

 

The Bike

Curve Belgie Ti คันนี้เป็นรถคัสต้อมสั่งตัดตามสรีระของเจ้าของรถ และสั่งทำสีพิเศษครับ

Curve Belgie ทำจากไทเทเนียมเกรด 9 (3Al-2.5V) เฟรมรองรับยางได้กว้างถึง 32c (35c ก็ยังไหว) มากกว่าเสือหมอบทั่วไปที่เราเห็นในตลาด น้ำหนักเฟรมไซส์ 54cm อยู่ที่ราวๆ 1,390 กรัมไม่รวมสี

องศารถออกแบบมาแนวเสือหมอบแข่งขันสมัยใหม่ที่เน้นการตอบสนองเร็วทันใจ แต่มีตะเกียบโซ่ยาวกว่ารถแข่งนิดหน่อยเพื่อให้เกาะถนนมั่นคงโดยเฉพาะเวลาลงทางวิบาก

ตัวเฟรมเองก็ใช้ขนาดท่อคล้ายรถโมเดิร์นวินเทจ คือเป็นท่อ oversize ท่อคอ 44mm, ท่อนั่ง 31.8mm และใช้กระโหลกมาตรฐานใหม่ T47 ที่ออกแบบโดย Chris King / Argonaut Cycle ในปี 2015

ตัวเฟรมเดินสายภายใน แต่ถ้าชอบเดินสายภายนอกก็สามารถระบุได้เช่นกัน

เจ้าของรถจัดคันนี้ด้วยเหตุผลหลักๆ คือความทนทาน เพราะเจ้าตัวเดินทางข้ามประเทศบ่อย เคยมีประสบการณ์สายการบินทำเฟรมคาร์บอนแตกจนเสียเวลาเสียเงินเคลม ก็เลยอยากหารถที่แข็งแรง ไม่ต้องห่วงมาก น้ำหนักดี และขี่ได้ทุกเส้นทางสบายๆ ครับ ก็เลยมาจบที่เฟรมไทเทเนียม

ด้านสเป็คก็อยากได้รถที่เบาแต่ทนทาน เลยเลือกอะไหล่ที่เบา แต่ไม่ใช่พวกเบาจ๋าแต่ไม่แข็งแรง ออกมาทั้งคันรวมพาวเวอร์มิเตอร์ด้วยอยู่ที่ 7 กิโลกรัมเท่านั้น

 

The Spec

Frame: Curve Belgie (Titanium)
Wheels: Curve Carbon G4 + Extralite Cyber Hub
Tire: Vittoria Corsa G+ 28c
Groupset: Sram Red eTap HRD (Disc)
Powermeter: SRM THM Clavicula M3
Head Unit: SRM PC8
Headset: Tune
Cage: Tune
Seat: Syntace
Saddle: Tune Speed Needle
น้ำหนัก: 7 กิโลกรัม

 

Gallery

เฟรมและล้อคาร์บอนขอบต่ำจาก Curve
Belgie เป็นชื่อเส้นทางปั่นกลุ่มของนักปั่นเมลเบิร์นที่มีทางลูกรัง ทางวิบากสารพัดรูปแบบผสมอยู่ด้วย เลยออกมาเป็นชื่อรุ่นจักรยานคันนี้ที่ปั่นทางลักษณะนี้ได้ดีเป็นพิเศษ
กรุ๊ปเซ็ต Sram Red eTap HRD ระบบดิสกเบรคไฮดรอลิค และเปลี่ยนเกียร์แบบไร้สาย

ชุดจานพาวเวอร์มิเตอร์ SRM THM Clavicula M3 และใบ Praxis
SRM PC8 Head Unit
Vittoria Corsa ยอดนิยม คันนี้ใช้หน้ากว้าง 28c วัดออกมาได้เกือบ 30c ขี่นิ่มๆ สบายๆ ก้นไปทุกเส้นทาง
Headtube ขนาด 44mm
ใบโรเตอร์ขนาด 140mm ตะเกียบที่มาด้วยเป็นคาร์บอนจาก Curve
ดุม Extralite Cyber
หลักอาน Syntace P6 ยอดนิยม คู่กับเบาะ Tune Speed Needle
คันนี้สั่งทำสีพิเศษ (เฟรมเซ็ตปกติมากับสีไทเทเนียม) ตัวอักษรโลโก้และรุ่นจักรยรานทำด้วยสี Rose Gold คล้ายๆ กับใน iPhone
รูปทรงเป็นเสือหมอบสไตล์ traditional
จุดเดินสายเบรคจากช่วงหน้าของรถ

SaveSave

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *