Daily Spin #73: Uran, Kwiatkowski, Nibali และ Evans เผยเป้าหมายฤดูกาล 2015

Daily Spin วันนี้เรามีอัปเดตเป้าหมายสำคัญของตัวเต็งชื่อดังในช่วงต้นฤดูกาลครับ

1. นิบาลิอยากได้แชมป์ Liege-Bastonge-Liege

ถึงวินเชนโซ นิบาลิ (Astana) จะครองแชมป์แกรนด์ทัวร์ครบทุกรายการแล้ว แต่เป้าหมายเขายังไม่หมดแค่การเป็นผู้ชนะสเตจเรซชื่อดัง เขายังฝันจะครองแชมป์สนามคลาสสิควันเดียวด้วย นิบาลิให้สัมภาษณ์นิตยสาร Sport Magazine จากเบลเยียมว่า

“เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ ผมอยากจะชนะ Giro และ Tour อีกสนามละครั้ง และถ้าให้เลือกครองแชมป์สนามคลาสสิค ผมอยากชนะ Liege-Bastonge-Liege เพราะมันเป็นสนามที่ท้าทายและสวยงาม จุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างเนิน Cote de Saint-Nicolas ก็อยู่ในเขตอิตาลีบ้านเกิดผมด้วย ผมทำได้ดีขึ้นเรื่อบๆ นะ ปี 2012 ผมได้ที่สอง พ่ายไปนิดเดียว”

สำหรับฤดูกาล 2015 นิบาลิจะเค้นฟอร์มลงชิงชัย Tour de France ด้วยการแข่งสนาม Ardennes Classics ทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น Amstel Gold, Fleche Wallone และ Liege-Bastonge-Liege และอาจจะเลือกลงแข่ง Milan-San Remo ในช่วงเดือนมีนาคมด้วย

2. ฤดูกาลสุดท้ายของคาเดล เอวานส์

Giro GC Evans

ตามที่คาเดล เอวานส์ กัปตันทีม BMC ประกาศว่าเขาจะรีไทร์ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2015 ล่าสุดทีมก็มีแผนการแข่งให้เขาเรียบร้อยแล้ว โดยเอวานส์จะเป็นหัวหน้าทีม BMC ลงแข่งรายการ Santos Tour Down Under ในบ้านเกิดประเทศออสเตรเลีย และเป็นสนาม WorldTour แรกของฤดูกาลในวันที่ 17-25 มกราคมนี้

เอวานส์คว้าอันดับ 2 ในรายการ Tour Down Under ในฤดูกาล 2014

BMC ส่งนักปั่นลงแข่งในรายการนี้ทั้งหมด 7 คนประกอบด้วย: Cadel Evans, Michael Schär, Peter Stetina, Danilo Wyss, Silvan Dillier, Campbell Flakemore, Rohan Dennis.

3. อูรานลงแข่งควบ Giro/Tour

uran

นอกจากอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ (OPQS) ที่คอนเฟิร์มแล้วว่าจะลงแกรนด์ทัวร์สองรายการ (Giro/Tour) ก็มีริกโอเบอร์โต้ อูราน (Etixx-Quickstep) เอซชาวโคลอมเบียที่มีเป้าหมายจะลงท้าชิงทั้งสองรายการเช่นกันครับ

“ตั้งแต่ผมเห็นเส้นทางแข่งของทั้งจิโรและตูร์ ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก จิโรมีสเตจ Time Trial ที่ค่อนข้าวยาวซึ่งผมซ้อมด้านนี้มาเป็นพิเศษ​ (อูรานชนะสเตจ TT ในจิโรปีนี้ และจบการแข่งขันด้วยอันดับสอง) ถ้าทีมผมเตรียมความพร้อมเหมือนฤดูกาลทีผ่านมา เช่นไปสำรวจเส้นทาง และวางแผนการซ้อมเฉพาะ เราก็น่าจะทำผลงานได้ดี”​

อูรานจะเป็นนักปั่นแกรนด์ทัวร์เพียงคนเดียวของทีม Etixx-Quickstep และฤดูกาล 2015 เขาต้องรับผิดชอบสนามสเตจเรซที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างตูร์ เดอ ฟรองซ์ด้วย อูรานไม่ได้ลงแข่งตูร์ตั้งแต่ปี 2011

“ผมรู้ดีว่าจะลงแข่งแกรนด์ทัวร์ควบกันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ครั้งล่าสุดที่ผมลงแข่งตูร์ ผมก็ได้ครองเสื้อขาว (Best Young Rider) ถึงหกวัน ถึงผมจะลงแข่งแกรนด์ทัวร์สองรายการ แต่เราก็จะโฟกัสไปทีละรายการ”

อูรานจะเริ่มฤดูกาลด้วยการแข่งชิงแชมป์จักรยานถนนและ Time Trial โคลอมเบียในวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2015

4. แชมป์โลก เควียทคอฟสกี เล็งเป็า Milan-San Remo และ Ardeness Classics

PIC457292528

สำหรับแชมป์โลกเสือหมอบคนล่าสุด มิฮาล เควียทคอฟสกี นักปั่นชาวโปแลนด์วัย 24 ปีก็มีเป้าหมายใหญ่ไม่แพ้คนอื่น เควียทคอฟสกีหวังชิงแแชมป์รายการ Milan-San Remo และรายการ Ardeness Classics ทั้งสามรายการ

เควียทคอฟสกีจะเปิดฤดูกาลที่อาร์เจนตินาในสนาม Tour de San Luis วันที่ 19 มกราคมนี้ ต่อด้วย Tierrano-Adriatico ในอิตาลี (23 มีนาคม) และเริ่มลง Amstel Gold, Fleche Wallone และ Liege จากวันที่ 20-27 เมษายน

ถ้าดูจากผลงานล่าสุดของเควียทคอฟสกีแล้ว เป้าหมายที่เขาตั้งไว้ก็ดูจะไม่ยากเกินไป ฤดูกาลนี้เขาได้ที่ 3 ใน Fleche Wallone และ Liege

เมื่อถามผู้จัดการทีมว่า Etixx-Quickstep มีแผนจะพัฒนาเควียทคอฟสกีอย่างไร เราได้คำตอบว่า

“จะปั้นเควียทคอฟสกียังไง? เขาเป็นนักปั่นที่รอบด้านมากและดูจะมีทักษะครบทุกอย่างสำหรับการเป็นแชมป์ อย่างปีนี้เขาก็พัฒนาทักษะ Time Trial ได้ดีมาก ในรายการคลาสสิคที่ไม่ใช่สนามถนนหิน (Cobbled) เราให้เขาเป็นหัวหน้าทีม แต่ในรายการแกรนด์ทัวร์เควียทคอฟสกีต้องเรียนรู้มากกว่านี้ เขาน่าจะเริ่มโดดเด่นในแกรนด์ทัวร์ตอนอายุเข้าใกล้ 28-30 ปี”

“ปีนี้เขาได้เสื้อสีรุ้งมาครอง ซึ่งต้องบอกว่าน้อยคนที่จะชนะแชมป์โลกตั้งแต่ยังไม่ถึง 25 ปี และมันน่าจะนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาล แต่ผมเชื่อมั่นว่าเควียทคอฟสกีมีความรับผิดชอบพอ และมีทัศนคติที่พร้อมจะแข่งในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลกหรือแชมป์อะไรก็ตาม เสื้อสีรุ้งอาจจะเป็นภาระที่ต้องแบกรับ แต่มันก็เป็นบ่อเกิดแรงบันดาลใจเช่นกัน”​

5. โมเรโน โมแซร์: วิกกินส์น่าจะทำ Hour Record ได้ 58 กิโลเมตร

Wiggins

โมเรโน โมแซร์ นักปั่นชาวอิตาเลียนและอดีตเจ้าของสถิติ Hour Record เชื่อว่าแบรดลีย์ วิกกินส์ (Sky) น่าจะทำระยะทางได้ถึง 58 กิโลเมตร

โมแซร์ทำลายสถิติของเอ็ดดี้ เมิร์กซ์ ด้วยระยะทาง 51.151 กิโลเมตรในปี 1984 ด้วยการใช้ล้อดิสก์และแอโรบาร์ พร้อมกับการใช้เวโลโดรมใน สถิติของเขาตั้งอยู่จนถึงปี 1993

จากการให้สัมภาษณ์ของวิกกินส์ เราคาดว่าเขาน่าจะเริ่มทำลายถสิติ Hour ราวเดือนมิถุนายนปี 2015 แต่ระหว่างนี้มีผู้ท้าชิงหลายคนที่จะทำลายสถิติก่อนวิกกินส์ไม่ว่าจะเป็น โรฮาน เดนนิส (BMC), อเล็กซ์ ดาวเซ็ตต์ (Movistar), และแจ๊ค บ๊อบบริดจ์ (Budget-Forklift)

“ผมชื่นชมนักปั่นที่ทำลายสถิติ Hour ในปีนี้นะ ทั้งเยนส์และแบรนเดิล แต่ก็ต้องบอกว่าวิกกินส์เป็นอีกระดับหนึ่งเลย อย่างน้อยๆ เขาน่าจะทำได้ 56 กิโลเมตร พอๆ กับบอร์ดแมน (56.375km ด้วยท่าซุปเปอร์แมนในปี 1996) ถ้าให้เยนส์และแบรนเดิลแข่ง Time Trial กับวิกกินส์ ทั้งสองคนน่าจะแพ้วิกกินส์ร่วมสองนาที หรือไม่ก็มากกว่านั้น”

“วิกกินส์มีทั้งประสบการณ์ ความอึด และความแกร่งที่จะตั้งสถิติใหม่ ที่คงไม่มีใครล้มได้เร็วๆ นี้แน่นอน”

“ก่อนที่ Hour Record จะดังเป็นพลุแตกในช่วงที่ผมยังแข่งอยู่ เราได้เห็นวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีจักรยานโตไปพร้อมๆ กัน แต่ UCI ก็พยายามหยุดเวลา ออกกฏห้ามใช้จักรยานและท่าปั่นต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นตลอด ชีวิตจริงเราไม่อาจย้อนหลังและหยุดวิวัฒนการมนุษย์ได้ คุณลองดูจักรยานที่เขาใช้แข่งกันสมัยนี้มันดีกว่าสมัยที่พวกผมแข่งหลายเท่า ตอนผมทำ Hour Record จักรยานผมหนักเกิน 10 กิโลกรัม เดี๋ยวนี้จักรยาน Time Trial ดีๆ หนักไม่ถึง 7-8 กิโลด้วยซ้ำ”

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *