Diamondback Is Back
เป็นกระแสในโลกโซเชี่ยลเมื่อสัปดาห์ก่อน เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าเจ้าเฟรมสีแดงหน้าตาเหมือนมอเตอร์ไซค์คันนี้มันคือจักรยานอะไร วันนี้ DT พาเจาะลึกจักรยานที่ดีไซน์ที่ล้ำและแปลกประหลาดที่สุดที่เราเห็นในรอบหลายปีก็ว่าได้ครับ มันคือจักรยานไตรกีฬาของค่าย Diamonback ในชื่อรุ่น Andean ซึ่งทางบริษัทเคลมว่าเป็นจักรยานไตรกีฬาที่เร็วและลู่ลมที่สุดในโลกตอนนี้
Diamondback Andean เป็นความร่วมมือระหว่าง Diamonback และเควิน ควอน วิศวกรและนักอากาศพลศาสตร์ผู้ออกแบบจักรยาน Cervelo P3, และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งล้อ Knight Composites รวมถึงจักรยานแอโรกในตลาดอีกหลายคัน และมันจะเป็นจักรยานที่ Michael Weiss จะใช้แข่ง Ironman World Championships ที่ Kona ในช่วงปลายปีนี้ด้วย
มันเป็นโปรเจ็คที่ Diamonback – แบรนด์ที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านอากาศพลศาสตร์มากนัก ทุ่มทุนและงบวิจัยสูงสุด ใช้เวลาพัฒนากว่า 1,600 ชั่วโมง
ทำไมมันถึงมีหน้าตาแบบนี้?
Diamond Back Andean หน้าตาไม่เหมือนจักรยาน Time Trial / Triathlon ส่วนใหญ่นั่นก็เพราะว่าผู้ออกแบบไม่ได้คำนึงถึงกฏ UCI (เพราะฉะนั้นใช้แข่งในสนาม UCI ไม่ได้จนกว่า UCI จะยกข้อกำหนดของที่บังคับให้รูปทรงท่อจักรยานต้องมีอัตราส่วนความลึกและความกว้างไม่เกิน 3:1 )
สนามไตรกีฬาไม่มีกฏระบุว่าจักรยานต้องมีหน้าตาแบบไหน Diamonback เลยปล่อยของเต็มที่ด้วยการออกแบบเฟรมที่ลู่ลมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มีทั้งซีทสเตย์และทำเฟรมให้มีแฟริ่งลู่ลมได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
คอนเซปต์หลักของ Andean คือ ‘Aero Core’ นักออกแบบ Diamonback เชื่อว่าหัวใจของความลู่ลมในจักรยานอยู่ที่ล้อและเฟรม ซึ่งส่วนที่สร้างแรงต้านอากาศหรือ ‘drag’ มากที่สุดในระบบนั้นอยู่ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง นั่นก็คือบริเวณที่ขาของนักปั่นต้องหมุนบันได ซึ่งสร้าง turbulence อันเป็นต้นเหตุสำคัญของแรงต้านอากาศ
เช่นนั้นแล้ว Diamondback เลยพยายาม “ถม” ช่องว่างระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้ได้มากที่สุด (เหมือนมอเตอร์ไซค์ Moto GP) ที่บอดี้ของรถกับล้อหน้าและล้อหลังเชื่อมต่อกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว
แต่ถึงจะเห็นบอดี้ขนาดใหญ่ดูขวางลมข้างแบบนี้ นักออกแบบเขาก็บอกว่ายังคงความสามารถในการบังคับ handling ได้ดี และที่สำคัญมันเร็วมากในการปั่นทางตรงเพราะลมสามารถไหลผ่านล้อหน้าไป เฟรม ไปล้หอลังโดยไม่มีช่องว่างที่ทำให้เกิด drag ได้เลย และหากเจอลมข้างเยื้องหลัง บอดี้ขนาดใหญ่ของมันที่ทำเป็นรูปทรงแอโรไดนามิกก็จะทำหน้าที่เหมือนใบเรือช่วยให้นักปั่นไปได้ไวขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ
โดยรวมแล้วที่มุมลมปะทะ 0 องศา (Zero Yaw) ควอนอ้างว่าเฟรม Andean เป็นจักรยานที่ลู่ลมที่สุดในตลาดตอนนี้ และถึงแม้จะช้ากว่าเฟรมอย่าง Trek Speed Concept และ Cervelo P5 ที่มุมลมปะทะประมาณ 10-15 องศา แต่เมื่องศากว้างขึ้น ผลทดลองพบว่าเฟรม Andean ก็ยังเร็วกว่าจักรานทุกรุ่นที่ทดสอบเปรียบเทียบอยู่ดี
กราฟแสดงค่า drag ที่เกิดขึ้นในอุโมงค์ลม (หน่วยเป็นกรัม) ต่อองศาลมปะทะ (yaw angle)
เส้นสีเทา: เป็นเฟรม Diamondback Serio (เฟรม TT ธรรมดาที่ถูกกฏ UCI) กับล้อ Hed Jet 6 และ Jet 9 กับยาง Continental Attack 22mm (ล้อหน้า) และ Force 24mm (ล้อหลัง)
เส้นสีฟ้า: คือเฟรม Andean ที่ใช้เซ็ตอัปเดียวกับ Serio ทั้งล้อและค็อกพิท
เส้นสีแดง: คือเฟรม Andean ที่ใช้เซ็ตอัปที่แอโรที่สุด รวม integrated cockpit และ storage option และล้อ JET 9 (หน้า) และ JET Disc (หลัง)
อรรถประโยชน์
ไม่ใช่แค่เร็วอย่างเดียว Diamondback ยังออกแบบให้ Andean เป็นเฟรมที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ๆ สุดสำหรับนักไตรกีฬาด้วย โดยการใช้ช่องว่างในเฟรมขนาดใหญ่เป็นพื้นที่บรรจุอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นระหว่างปั่น
ด้านล่างของเฟรมหน้ากระโหลกเป็นพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปั๊มพกพา ยางสำรอง และเครื่องมือต่างๆ
ด้านบนท่อนอนมีกล่อง bento box ใช้เก็บเจล อาหาร และที่ค็อกพิทด้านหน้ามีช่องติดตั้งขวดน้ำในแนวนอน
ด้านหลังหลักอานเป็นช่องบางๆ สำหรับเก็บของจำพวกการ์ด เงินสด หรือกระเป๋าเงินขนาดเล็ก
สเป็ค / ราคา / วันวางจำหน่าย
- จักรยานรุ่นนี้จะขายตรงจากทาง Diamondback เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าจะช่วยลดราคาสำหรับผู้บริโภคได้มาก (ไม่ต้องแบ่งกำไรให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้นำเข้า – โมเดลเดียวกับ Canyon) และสองมันช่วยให้ Diamonback ช่วยผู้ซื้อปรับแต่งรถได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องไซส์ของรถ ค็อกพิท และสเป็คต่างๆ
- Completed Bike เริ่มต้นเปิดตัวที่ 4,799 USD หรือประมาณ 170,000 บาท มากับชุดเกียร์ SRAM Force X1, ดิสก์เบรค TRP และล้อ HED Ardennes Plus ไปจนถึงรุ่นท็อปที่ราคา 8,069 USD (ประมาณ 280,000 บาท) ที่มากับชุดเกียร์ Shimano Dura-Ace Di2 และล้อ HED Jet 9 และ HED JET Disc พร้อมไฮดรอลิคดิสก์เบรค
- เริ่มเปิดให้วางมัดจำ (500 USD ~ 17,000 บาท) แล้วตอนนี้ และเริ่มส่งของมกราคม 2017
Via: Diamondback.com