DT พาเที่ยว: ชมเมืองมัตสึยามะและโอโนมิจิ ก่อนปั่นงานชิมานามิไคโด

ตัวเมืองโอโนมิจิจากบนยอดเขา

การปั่นจักรยานนั้นแตกต่างจากการออกกำลังกายอื่นๆ เพราะสามารถเป็นได้ทั้งกีฬาเพื่อพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง หรือเป็นได้ทั้งเครื่องมือเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวที่ช่วยให้เราไปได้ไกลกว่าการใช้สองขาเดิน และละเมียดกับบรรยากาศสองข้างทางได้ดีกว่าการนั่งในรถยนต์ ดังนั้นการได้มีโอกาสได้ไปปั่นจักรยานต่างถิ่นก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะพาตัวเองออกจากพื้นที่เดิมๆ และปล่อยใจให้ซึมซับกับประสบการณ์ที่แตกต่าง

ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ทาง Ducking Tiger ได้มีโอกาสไปร่วมงานปั่นจักรยานในงาน Shimanami Kaido 2018 ซึ่งนอกเหนือจากบรรยากาศงานปั่นที่บรรยายไว้ในบทความก่อนหน้า สิ่งที่อดกล่าวถึงไม่ได้เลยคือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รายรอบเส้นทางปั่นจักรยานนั่นเองครับ

โพสต์นี้เราจะพาทัวร์เมืองโอโนมิจิและมัตสึยามะที่เป็นจุดสตาร์ทของงานปั่น Shimanami เพราะมาถึงที่นี่ทั้งที่ก็คงไม่ตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว มีอีกหลายสถานที่ๆ น่าสนใจที่เราจะพาไปดูกันครับ

เราเริ่มต้นเดินทางกันจากสนามบินสุวรรณภูมิ เปลี่ยนเครื่องกันที่สนามบินฮาเนดะ ก่อนจะมาถึงจุดหมายปลายทางของเรา นั่นคือเมืองมัตสึยามะนั่นเอง

ยังไม่ทันได้ออกจากสนามบินดี เราก็พบความใส่ใจในจุดที่เล็กที่สุดของคนญี่ปุ่นกันเสียแล้ว เล็กขนาดไหนลองดูภาพด้านล่างนี้ก่อนครับ

สังเกตไหมครับว่ากระเป๋าทุกใบ ถูกหันหูจับออกมาเพื่อให้สะดวกแก่การยกของผู้โดยสารนั่นเอง และระยะห่างระหว่างกระเป๋าทุกใบยังเท่าๆ กันอีกด้วย

จากสนามบินเรามุ่งตรงเข้าสู่เมืองมัตสึยามะทันที เมืองมัตสึยามะนี้เป็นเมืองหลักของจังหวัดเอฮิเมะซึ่งจะเป็นจุดสตาร์ทของการปั่นจักรยาน Shimanami Kaido นั่นเอง

สิ่งที่ดึงดูดใจตั้งแต่แรกเข้าสู่เมือง นั่นคือการคมนาคมของเขา โดยตลอดสองข้างทางเราจะเห็นบรรดาเด็กนักเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงผู้สูงวัยปั่นจักรยานกันอย่างขวักไขว่ และส่วนใหญ่ใส่หมวกกันน็อกจักรยานกันด้วย ตัดภาพจากสองข้างทางมามองกลางถนนก็จะพบกับโบทชาน (Botchan) ระบบรถรางที่วิ่งร่วมกับนรถยนต์บนท้องถนน ซึ่งความคลาสสิกนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับทุกๆ คนในเมือง

รถรางโบทชาน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแทรม (Tram)

สถานที่แรกที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองมัตสึยามะก็คือปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารถมองเห็นตัวเมืองมัตสึยามะและทะเลเซโตะในได้แบบ 360 องศา

ปราสาทแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งในการต้านภัยจากข้าศึก ด้วยความที่ตั้งอยู่บนยอดเขา กำแพงปราสาทสูงตระหง่าน และค่ายกลสลับซับซ้อนทำให้ยากแก่การถูกยึดครอง

เราจะบุกทะลวงไปถึงตัวปราสาทนั้นให้จงได้

ด้วยความยากในการบุกทะลวงตัวปราสาท นักรบตัวน้อยอย่างเราจึงเลือกทางที่ง่ายกว่าคือการนั่งกระเช้าขึ้นไปกันเลย

กระเช้ามีสองแบบให้เลือก คือจะเลือกนั่งแบบเก้าอี้ หรือแบบเป็นตู้กระจกก็ได้
กระเช้าแบบเก้าอี้ เร้าใจ ไร้ตัวล็อค แต่ปลอดภัยอยู่นะ

พื้นที่บริเวณรอบตัวปราสาทนั้นปลูกต้นซากุระไว้กว่า 200 ต้น ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่ดีที่สุด ประกอบกับความสลับซับซ้อนน่าค้นหาของตัวปราสาท ทำให้สถานที่นี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองมัตสึยามะนั่นเอง

ลานหน้าปราสาทเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเมืองมัตสึยามะ
กว่าข้าศึกจะบุกมาถึงตัวยอดปราสาท ต้องฝ่าดงธนูมหาศาลที่ถูกยิงออกมาผ่านช่องลับในตัวกำแพง
มุมมองจากยอดตัวปราสาท ที่มองเห็นตัวเมืองมัตสึยามะได้ไกลสุดลูกหูลูกตา

ถัดจากปราสาทมัตสึยามะ อีกสถานที่หนึ่งซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองคือโรงอาบน้ำโดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen)

เราสามารถนั่งรถรางโบทชานมาลงสถานีโดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen Station) ซึ่งเป็นสถานีปลายทางได้เลย

ออนเซ็นแห่งนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในสามของออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เดิมทีเฉพาะเชื้อพระวงศ์เท่านั้นถึงมีสิทธิใช้ออนเซ็นแห่งนี้ แต่ปัจจุบันออนเซ็นเปิดให้บริการกับบุคคลทั่วไปเช่นกัน

ป้ายหน้าโดโกะออนเซ็น

ออนเซ็นนี้เหมือนเป็นศูนย์รวมของชาวเมือง สังเกตได้จากผู้คนที่ใส่ชุดยูกาตะคลุมอาบน้ำรองเท้าเกี๊ยะจับกลุ่มกันเดินทางมาใช้บริการ รวมถึงบรรดาลูกศิษย์ของโรงเรียนที่เลือกมาถ่ายภาพหมู่หน้าออนเซ็นแห่งนี้ เสียดายด้วยเวลาที่จำกัดทำให้เราได้มีเวลาเพียงแค่แช่เท้าคลายความเมื่อยล้าเท่านั้น

ห้องอาบน้ำพิเศษ อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะบุคคลสำคัญ สร้างขึ้นมาจากหินหายาก
ห้องที่ใช้ตอนรับบุคคลสำคัญ ซึ่งเชื่อว่ารอยดำบนผนังเป็นฝีมือของวิญญาณ

ก่อนหน้าวันปั่น เราได้มีโอกาสนั่งรถชมเส้นทาง Shimanami Kaido ผ่านสะพานต่างๆ และที่พิเศษกว่าการได้นั่งรถชมสะพาน เรายังได้ลองนั่งเรือชมสะพานด้วย ซึ่งวิวจากมุมนี้เรามองเห็นทะเลเซโตะในและสะพานได้ใกล้ชิดมากขึ้น

ความใหญ่โตของสะพานที่เราจะปั่นผ่านกันในวันพรุ่งนี้ ทำเอาเรือดูเล็กไปเลย

สำหรับนักปั่นที่ต้องการซึมซับบรรยากาศการพักผ่อนแบบเป็นกันเอง และเปิดโอกาสให้ได้รู้จักกับนักปั่นหน้าใหม่ ในเมืองอิมะบะริมีเกสเฮ้าท์เพื่อชาวจักรยานโดยเฉพาะ ชื่อว่า Cyclo No Ie เป็นเกสเฮ้าส์น่ารักในขนาดกะทัดรัด แต่มีทุกอย่างที่จำเป็น รวมถึงมีพื้นที่สำหรับซ่อมบำรุงจักรยานให้ด้วย

เจ้าของเกสเฮ้าท์อารมณ์ดีทั้งสอง
ป้ายจุด Start และ Finish เส้นทาง Shimanami Kaido จากหน้าเกสเฮ้าท์
พื้นที่ซ่อมบำรุงจักรยานด้านหลังของเกสเฮ้าส์

เจ้าของนั้นอัธยาศัยดีมาก และพร้อมให้คำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เราสามารถปั่นไปได้ รวมถึงทำแผนที่พร้อมไฮไลท์จุดสำคัญให้เสร็จสรรพ

แผนที่พร้อมจุดไฮไลท์ และที่สำคัญยังมีคำอ่านภาษาญี่ปุ่นสำหรับการสื่อสารเบื้องต้นให้ด้วย!

เมื่อปั่นเสร็จสิ้นจากงานปั่น Shimanami Kaido เราก็ข้ามมาถึงเมืองโอโนมิจิ จังหวัดฮิโรชิมาที่เป็นเส้นชัยของการปั่นในครั้งนี้ ซึ่งเมืองในฝั่งนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

จุดแรกที่เราได้ไปคือวัดเซ็นโคจิ (Senkoji) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอโนมิจิเลย ซึ่งการเดินทางขึ้นไปนั้นสะดวกสบายด้วยกระเช้า ด้านบนของวัดจัดทำเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองโอโนมิจิได้ทั้งเมืองเลยทีเดียว แน่นอนว่าเราสามารถมาที่วัดแห่งนี้ได้ด้วยการปั่นจักรยานหรือเดินขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน

กระเช้าขึ้นสู่วัดเซ็นโคจิ
หรือถ้ายังขึ้นสูงไม่พอ สามารถเลือกที่จะปีนขึ้นไปได้อีกเช่นกัน
ตัวเมืองโอโนมิจิจากบนยอดเขา

สำหรับท่านใดที่ต้องการความสงบเงียบ ใกล้ชิดกับธรรมชาติเราขอแนะนำวัด Shinshoji Zen ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผสานรวมทั้งวัด สวน และพิพิธภัณฑ์ไว้ในที่เดียว เหมาะแก่การปฏิบัติสมาธิและพิจารณากายหยาบและกายละเอียดเป็นอย่างยิ่ง

พระผู้ปฏิบัติตน และเป็นผู้นำทางในวัด Shinshoji Zen แห่งนี้
หอปฏิบัติธรรม

อีกสถานที่หนึ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญสำหรับนักปั่นที่ต้องการมาปั่นเส้นทาง Shimanami Kaido คือ Onomichi U2 สถานที่นี้ได้รวบรวมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพสำหรับนักปั่น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม Hotel Cycle ที่มีบริการรับฝากจักรยาน หรือสามารถนำจักรยานไปแขวนไว้ในห้องได้เลย และยังมีจุดซ่อมบำรุงจักรยานให้ภายในตัวโรงแรม

โรงแรม Hotel Cycle ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Onomichi U2
เอาจักรยานมาแขวนเก็บไว้ในห้องได้เลย สะดวกสบายสุดๆ
ปั่นมาเหนื่อยๆ แล้วมาแช่น้ำร้อนๆ กันได้เลย

ถัดจากโรงแรมจะเป็นในส่วนของร้านอาหารและคาเฟ่ ซึ่งเพื่อนชาวฝรั่งเศสที่ไปด้วยกันกระซิบบอกมาว่าอาหารรถชาติดีเหมือนของบ้านเขาเลย และบรรยากาศภายในร้านเหมาะสำหรับการนั่งชิลๆ พูดคุยกันหลังปั่นเสร็จ

บาร์สำหรับการดื่มไปปั่นไป ถ้าปั่นแรงพอจะมีป้ายไฟขึ้นด้านบนด้วยนะ

ถัดไปอีกนิดมีโซนให้เช่าจักรยาน ซึ่งมีจักรยานให้เลือกมากมายตามประเภทและไซด์ที่เหมาะกับเรา ซึ่งเราสามารถเช่าจักรยานและเริ่มปั่นจากจุดนี้ไปตามเส้นทาง Shimanami Kaido ได้เลย ซึ่งนับว่าสะดวกมากๆ

โซนเช่าจักรยานและเส้นทางเริ่มปั่น Shimanami Kaido

แต่หากจักรยานเช่ายังไม่เร็วเร้าใจเท่าจักรยานดีๆ ใน Onomichi U2 ยังมีร้านจักรยาน Giant เปิดอยู่ภายในตัวอาคาร จำหน่ายทั้งเสือหมอบและเสือภูเขารุ่นล่าสุด รวมถึงอะไหล่ต่างๆ ที่จำเป็น และจากการสอบถามกับทางร้าน นักปั่นสามารถโทรเรียกรถเซอร์วิสของทางร้านให้ไปรับในจุดต่างๆ ของเส้นทาง Shimanami Kaido ได้เช่นกัน

มาตัวเปล่า แล้วหลับตารูดบัตรซื้อ Giant Propel แล้วออกไปซิ่งกันได้เลย

จากการผสมผสานทุกอย่างเข้าด้วยกัน Onomichi U2 จึงเป็นสถานที่สำคัญสำหรับนักปั่น ลองจินตนาการว่าคุณสามารถมาปั่นจักรยานที่ Shimanami Kaido แบบตัวเปล่าได้เลย โดยมาพักที่นี่ ทานข้าวเช้า และเช่าจักรยานออกไปปั่น เมื่อปั่นเสร็จนำจักรยานกลับมาคืน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และข้ามถนนไปเที่ยวในตัวเมืองได้เลยทันที

หวังว่าสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะเป็นแนวทางให้ทุกท่านที่กำลังวางแผนจะไปปั่นจักรยานที่ Shimanami Kaido และต้องการไปท่องเที่ยวในที่อื่นๆ ทั้งในตัวเมืองมัตสึยามะ และเมืองโอโนมิจินะครับ แน่นอนว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอีกมากมายที่รอคุณไปสำรวจ ซึ่งรับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ และเข้าใจว่าเจ้าสองล้อที่อยู่ระหว่างขาของคุณ สามารถพาคุณไปได้ไกลกว่าที่คิดครับ //

By จุติพงศ์ ภูสุมาศ

ใช้ กับตันทีมปั่นฝัน ใช้ชีวิตควบคู่กับการปั่นตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบัน สนใจในทุกด้านของเครื่องจักรสองล้อพลังเท้า!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *