ขุดความลับแชมป์เหรียญทองโอลิมปิก เอเลีย วิวิอานี

เมื่อเอเลีย วิวิอานี, แชมป์เหรียญทองโอลิมปิกประเภทออมเนียมประจำปี 2016 และสปรินเตอร์เท้าไฟจากทีม Sky มาเยี่ยมเยือนประเทศไทย มีหรือที่ DT จะพลาดแว้บไปคุยด้วย 

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ทาง Vittoria Thailand ได้จัดงาน Meet & Greet เล็กๆ ที่ร้าน Cycling Projects ให้วิวิอานีได้พูดคุยกับแฟนๆ และสื่อ และ DT ก็ได้โอกาสสัมภาษณ์สั้นๆ 15 คำถามมาฝากกันครับ


Q1: ปีนี้ผลงานเป็นไงมั่ง?
A: ก็ดีนะ มันเริ่มช้านิดหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้ลง Giro d’Italia ซึ่งน่าเสียดาย แต่พอเริ่มเดือนสิงหาคม ผมชนะหลายรายการ รวมแล้วปีนี้ได้แชมป์ 9 สนาม ผมว่าโอเคนะสำหรับสปรินเตอร์

ว่าตามตรงปีนี้เป็นฤดูกาลที่ผมมีชัยชนะเยอะที่สุดตั้งแต่แข่งมาเลย

 

Q2: ได้เหรียญทองโอลิมปิกนี่ต้องรู้สึกยังไงบ้าง
A: เยี่ยมยอด! มันไม่ใช่แค่การแข่งจักรยานธรรมดาๆ มันเป็นการแข่งกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วมีแค่ 4 ปีครั้ง ไม่ง่ายที่จะเตรียมพร้อม คือเราใช้เวลา 4 ปีในการทำผลงานแค่ 2 วัน

ผมยอมไม่ลงหรือตั้งเป้าเก็บเหรียญในชิงแชมป์โลกสนามลู่ และรายการถนนอื่นๆ ก็เพื่อเหรียญทองนี้ แต่มันก็คุ้ม (ปีที่แล้ววิวิอานีมีผลงานในเกมถนนแค่ 2 แชมป์)

มันเป็นความรู้สึกเหมือนได้ปลดแอกที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะคุณต้องยอมสละหลายอย่างในชีวิตเพื่อให้ได้เหรียญทองนี้มาคล้องคอ

 

Q3: ความท้าทายในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกคืออะไร?
A: ในสองวันที่เราชิงเหรียญกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ คุณอาจะป่วยก่อนแข่ง ท้องเสีย นอนไม่หลับ ผมพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนวันอื่นๆ นะ เหมือนงานแข่งสนามอื่น เหมือนการซ้อมทั่วๆ ไป แต่บอกได้เลยว่ามันไม่เหมือนสนามไหนในโลกนี้เลยเพราะมันคือโอลิมปิก ฮ่าๆ

มันไม่ใช่แค่เรื่องฟอร์มการแข่งและร่างกาย เรื่องจิตใจก็สำคัญครับ ใจคุณต้องนิ่งและสงบในวันชิงเหรียญ​ โชคดีที่ผมมีประสบการณ์จากลอนดอนโอลิมปิกมาบ้างที่ผมเสียโอกาสทุกอย่างในรอบสนามเดียว มันเป็นบทเรียนที่ดีมากครับ ส่วนที่ริโอปีก่อนมันเป็นวันที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

 

 

Q4: ทำไมคุณถึงเลือกอาชีพนักปั่น?
A: ผมเริ่มปั่นตั้งแต่ 8 ขวบนะ อายุที่ต่ำที่สุดที่คุณจะเริ่มลงแข่งจักรยานได้ในยุโรปคือ 6 ขวบ แต่ระหว่างนี้ผมเล่นกีฬาหลายอย่าง ทั้งเทนนิส วิ่ง โรลเลอร์เบลด พออายุได้ 14 ผมเลือกลงแข่งจักรยานอย่างจริงจัง แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นทุกๆ ปี จากกีฬาที่เล่นเอาสนุก จนมาถึงระดับโปร

ถ้าเลือกจะเป็นมืออาชีพแล้วคุณต้องมีผลงานนะ ตั้งแต่ระดับจูเนียร์คุณต้องเก็บผลงานชัยชนะเพื่อให้ได้ขึ้นระดับ U23 ในทีมดีๆ แล้วช่วง U23 ระหว่างอายุ 18-20 นี่สำคัญที่สุดในชีวิตเลยครับ เพราะเป็นจุดที่คุณต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนหนังสือเหมือนคนอื่นหรือออกมาซ้อมปั่นเพื่อเป็นมืออาชีพ

พอได้ขึ้นระดับโปรแล้วคุณก็ต้องรีเซ็ตตัวเองใหม่อีกรอบ ทีนี้ก็ต้องมาตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นนักปั่นแบบไหน จะเป็นผู้ช่วย (โดเมสติก) เป็นสปรินเตอร์ นักไต่เขา หรืออยากจะเป็นแชมป์รายการใหญ่? ซึ่งคุณก็ต้องแสดงให้โลกเห็นว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง

ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานเลยครับ

 

Q5: สเน่ห์ของกีฬาจักรยานคืออะไร?
A: จะแพ้หรือชนะมันอยู่ที่คุณคนเดียว

จริงว่าทีมต้องทำงานช่วยกันให้ดีเพื่อให้มีโอกาสชนะ แต่วันนั้นทีมจะชนะหรือแพ้มันขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวเท่านั้น ในฐานะสปรินเตอร์หรือหัวหน้าทีมคุณต้องตัดสินใจว่าอยากจะชนะไหม

ทีมเป็นสิ่งสำคัญนะครับ ในกีฬาอื่นอย่างฟุตบอลหรือวอลเลย์บอล ทีมเวิร์กคือทุกอย่าง แต่ในจักรยานทีมเวิร์กพาคุณไปได้ถึงแค่จุดหนึ่ง แต่จุดที่ต้องชนะมันอยู่ที่การตัดสินใจของผม ผมจะเลือกตามล้อใคร จะสปรินต์ตอนไหน? ไม่มีใครช่วยเหลือผมได้นอกจากตัวเอง ความรับผิดชอบนี้ทำให้ผมหลงไหลในการเป็นสปรินเตอร์

 

 

Q6: เป็นสปรินเตอร์ในทีม Sky รู้สึกยังไง?
A: ฮ่า ก็ไม่ง่ายครับ ผมรู้สึกต้องรับผิดชอบตัวเองมาก เพราะอยู่ในทีมที่ดีที่สุดในโลก แต่บอกตามตรงว่าไม่ง่ายที่จะเป็นสปรินเตอร์ในทีมนี้ เพราะนี่เป็นทีมนักไต่เขาเกือบทั้งทีม เวลาสปรินต์ คุณมีคนช่วยแค่คนสองคนต่อสนามเอง

แต่ผมชอบอยู่ทีม Sky นะ ผมเชื่อว่าทีมเราสามารถสร้างขบวนลีดเอาท์ที่ดีที่สุดในโลกได้ถ้าเราคิดจะทำ เพราะเรามีนักปั่นที่แกร่งพอ เหมือนใน Tour de Romandie ที่คริส ฟรูมและจิอันนี มอสคอนขึ้นลากให้ผม เรายังมีคนที่เร็วๆ อย่างเกอเรนท์ โทมัส, มิฮาล เควียทคอฟสกี้, ไมเคิล โกลาส และอีกหลายๆ คน แถมยังมีตัวลู่ขาแรงอย่างจอห์น ดิบเบ้นและโอเวน โดลล์ด้วย

ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าทีมในฝั่งสปรินต์ กดดันเหมือนกันนะ เพราะเรามีแชมป์หลายคน!

ที่ผมชนะเหรียญทองโอลิมปิกก็ต้องขอบคุณทีม Sky ด้วย ผมชนะไม่ได้ถ้าทีมไม่สนับสนุนผม ทีม Sky เป็นไม่กี่ทีมในโลกที่เข้าใจถึงความสำคัญและการเตรียมตัวเพื่อลงสนามลู่ครับ (DT Note: Sky มีนักปั่นเก่งๆ ที่โตมาจากลู่เยอะ เช่นวิกกินส์และโทมัส) ทีมให้เวลาผมซ้อมในลู่เต็มที่และไม่กดดันให้ผมลงสนามถนน

การได้ปั่นในทีม Sky เป็นเหมือนฝันของนักปั่นทุกคนครับ เพราะมีทุกอย่างเตรียมพร้อมให้คุณ ผมพูดจริงๆ นะ มีทุกอย่าง! หน้าที่คุณมีแค่ขึ้นคร่อมจักรยานแล้วก็ปั่น ความรู้สึกนี้มันสุดยอดครับ!

 

Q7: ทำไมเลือกไปอยู่กับ Quickstep?
A: ผมพอใจกับทีม Sky นะแต่ข้อเสนอของ Quickstep ครั้งนี้ยากที่จะปฏิเสธจริงๆ ครับ ถ้า Sky เป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกสำหรับสนามสเตจเรซและแกรนด์ทัวร์ Quickstep ก็เป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกสำหรับสปรินเตอร์ ถ้า Quickstep ยื่นสัญญาให้สปรินเตอร์เหมือนที่ผมได้ มันก็ต้องคว้าไว้เท่านั้น

ตอนนี้ผมอายุ 28 แล้ว เป็นจังหวะดีที่จะอยู่กับทีมที่สร้างเพื่อสปรินเตอร์โดยเฉพาะ แล้ว QS ก็มีลีดเอา์ที่เก่งมากอย่างแม็กซิมิโล ริเชเซ่, ไมเคิล มอร์คอฟ, ฟาบิโอ ซาบาตินี่ การได้เป็นผู้นำทีมคู่กับเฟอร์นันโด กาวิเรียก็ยอดเยี่ยมครับ ผมคงไม่มีทางได้โอกาสแบบนี้ในทีม Sky

ยังไงก็ดีผมยังอยากกลับมาอยู่กับ Sky นะ! แต่ตอนนี้ขอคว้าโอกาสก่อน หวังว่าจะชนะเยอะๆ ในฤดูกาลหน้านี้

 

 

Q8: ถ้าคุณเลือกนักปั่นได้หนึ่งคนตอนนี้ให้เป็นลีดเอาท์ส่วนตัวคุณจะเลือกใคร?
A: ผมขอตอบสามคนได้ป่าว – เรียงตามนี้นะ 1. ริเชเซ่ (Quickstep) 2. ซาบาตินี่ (Quickstep) 3. โรเบอร์โต้ เฟอร์รารี (UAE)

จากที่เห็นสามคนนี้ทำงานให้ทีมอื่น ผมเชื่อว่าพวกเขาเป็นลีดเอาท์ที่เก่งที่สุดตอนนี้ครับ ช่วยให้สปรินเตอร์อย่างผมไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดก่อนถึงเส้นชัยได้แน่ๆ แล้วสองคนในกลุ่มนี้ก็อยู่ในทีม Quickstep ด้วย ฮ่าๆๆ

 

Q9: ความเร็วสปรินต์สูงสุดและวัตต์สูงสุดที่คุณเคยทำได้?
A: พาวเวอร์สูงสุดที่ 1600 วัตต์ (หนัก 71 กิโล), ความเร็วสปรินต์สูงสุดคือประมาณ 74 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ขึ้นอยู่กับสภาพลม สภาพถนนด้วยนะ ถ้ามีลีดเอาท์เร็วๆ ก็ได้ความเร็วเยอะครับ ส่วนลงเขาเร็วสุดที่ 112 kph แต่ต้องเป็นทางลงเขาตรงๆ และง่ายๆ ถ้าโค้งเยอะไม่แนะนำให้ลงเร็วๆ!

จริงๆ คุณชนะสเตจสปรินต์ได้โดยไม่ต้องปั่นเร็วขนาดนั้นนะ แค่ 60-64 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็พอ ปกติลีดเอาท์จะปั่นกันที่ 55-57 kph แล้วจังหวะสุดท้ายคุณก็ออกระเบิดพลังเข้าเส้นชัย

 

Q10: สนามไหนที่คุณคิดว่ายากที่สุดที่ลงแข่ง?
A: Giro d’Italia – เป็นสนามแข่งที่ปั่นให้จบยากที่สุดครับ ภูเขามันสูงแล้วก็ยาว แล้วเป็นแกรนด์ทัวร์แรกของปี ทุกคนกระหายแชมป์กันมาก ปั่นกันเร็วจี๋!

ผมว่า Tour de France ขี่จบง่ายกว่า สนามอาจจะใหญ่และดังกว่า Giro แต่ภูเขาในอิตาลียากกว่าฝรั่งเศสครับ ในตูร์มันยากตรงที่เราปั่นขึ้นเขาเร็ว แต่ภูเขาไม่ได้ชันและยาวเหมือนในอิตาเลียนแอลป์ สปรินเตอร์อย่างผมนี่อ่วมตลอด

สนามแข่งวันเดียวที่ยากที่สุดคือ Liege-Bastogne-Liege ไมก็ Giro d’Lombardia เนินมันเยอะครับ

 

 

Q11: สปรินเตอร์คนไหนเร็วที่สุดตอนนี้?
A: คิทเทล (ตอบเร็วมาก) ถ้าคิทเทลฟอร์มดี เขาไม่เคยสปรินต์พลาด และชนะแน่นอนครับ เอาชนะยากสุดๆ

ส่วนสปรินเตอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตอนนี้ยกให้คาเวนดิช เขาชนะทุกอย่างเลย ได้แชมป์โลก แชมป์ Milan-San Remo แชมป์ Tour de France อีกสามสิบสเตจ ทุกสนามที่เขาลงเขาลงเพื่อชัยชนะ เป็นสิ่งที่ทำให้เขาพิเศษกว่าสปรินเตอร์คนอื่นๆ นะ

 

Q12: สนามไหนที่คุณอยากชนะเยอะที่สุด?
A: Milan-Sanremo เป็นสนามในฝันผมเลย ปีนี้ผมได้ที่ 9 ก็ถือว่าโอเค แต่ผมไม่ได้ลงแข่งเพื่อให้ได้ที่ 9 อะนะ

ผมว่าจะชนะสนามนี้ได้คุณต้องมีประสบการณ์เยอะ ต้องรู้ว่าจุดไหนที่คุณมีโอกาสทำพลาด อ่านเกมผิด แล้วจุดสปรินต์สามร้อยเมตรสุดท้ายก็ไม่ง่ายด้วยเพราะเป็นเนินซึมๆ ครับ สนามก็ยาวตั้ง 300 กิโลเมตร แต่คุณมีโอกาสชนะแค่จังหวะเดียว

ทีมก็เป็นส่วนสำคัญนะ ปีนี้พอซากานโจมตี มิฮาล (เควียทคอฟสกี้) ก็ออกตาม การที่เขามีผมเป็นเพื่อนร่วมทีมและเป็นสปรินเตอร์อยู่ข้างหลังหมายความว่ามิฮาลสามารถเล่นเกมหมกได้ ไม่ต้องช่วยซากานหนี เราใช้แผนนี้แล้วก็ชนะด้วย สมบูรณ์แบบครับ

 

 

Q13: 10 กิโลเมตรสุดท้ายในสเตจทางราบ คุณคิดอะไรบ้าง?
A: เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกสิ!

ช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้าย คุณเริ่มคิดว่าจะขึ้นหน้ากลุ่มยังไง

แต่สำหรับสปรินเตอร์นะ เรารู้สึกเหมือนมีคนเปิดไฟในห้องก็แค่ตอนเห็นป้ายกิโลเมตรสุดท้ายเท่านั้นหละครับ จังหวะนั้นคุณเริ่มคิดจริงจังแล้วว่าคนไหนที่เราต้องแซง ล้อใครที่เราต้องตาม ต้องดูทิศทางลมจากธงข้างๆ ทาง สภาพถนน ดูป้ายระยะทางที่เหลือ พอเห็นป้าย 200 เมตรสุดท้ายก็ไม่คิดอะไรแล้ว ยิงโลด ทุ่มหมดหน้าตัก!

 

Q14: ทำไมถึงชอบเป็นสปรินเตอร์?
A: ชอบที่ไม่ต้องทำงานอะไรเลยจนร้อยเมตรสุดท้าย! ผมพูดจริงๆ นะผู้ช่วยทีมสปรินเตอร์ทำงานหนักมากทุกคนครับ ไหนจะลากกลุ่ม ไหนจะจับกลุ่มหนี คือเริ่มงานกันตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนกิโลเมตรสุดท้าย

ผมรู้ว่าถ้าทีมไม่่ช่วยผมทำงานพวกนี้ผมไม่มีทางชนะแน่ๆ แต่ในมุมกลับผมก็รู้ต้องแบกความคาดหวังของคนทั้งทีมไว้ด้วย ถึงคุณไม่ได้ทำงานเลยตลอดสี่ชั่วโมงแรก แต่คุณมีหน้าที่คว้าผลงานให้ทีม

ผมชอบความรู้สึกที่เป็นกัปตันทีม เป็นหัวทีมและมีเพื่อนๆ ช่วยคุมเกมอยู่รอบตัว และที่ดีที่สุดคืออดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก มันยากที่จะหาอะไรเทียบครับ

 

 

Q15: ถ้าให้คุณแนะนำนักปั่นสมัครเล่นอย่างพวกเราที่อยากจะเก่งได้หนึ่งอย่าง คุณจะบอกว่า?
A: ออกไปปั่นจักรยานทุกวัน!

จริงๆ นะ มันสำคัญครับ จะปั่นมากปั่นน้อย แต่อย่างน้อยคุณก็ได้ปั่นทุกวันคุณจะพัฒนาไว เพราะร่างกายจะได้เรียนรู้และปรับตัวครับ

 

Q16: อยากมาไทยอีกรอบมั้ย? 
A: มา!

 

ขอบคุณ Asia Bike, Vittoria Thailand และร้าน Cycling Projects ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *