ชีวิตหลังรีไทร์จากเปโลตองของ เยนส์ โฟกต์

เยนส์ โฟกต์ เป็นหนึ่งในตำนานนักปั่นอาชีพที่มีคนชื่นชอบทั่วโลกกับประโยคยอดฮิต “Shut up legs! Do what I tell you to do!” ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชนะรายการใหญ่หรือชนะบ่อยเหมือนซูเปอร์สตาร์คนอื่นอย่าง คริส ฟรูม, มาร์ก คาเวนดิช, หรือ ฟาเบียน แคนเชอลารา แต่บุคลิกตงฉิน วิธีพูดสนุกสนาน และสไตล์การปั่นแบบสู้ไม่ถอยทำให้เขาโด่งดังเป็นดาวค้างฟ้า ถ้าวัดกันที่ความดังต่อจำนวนชัยชนะแล้ว เยนส์ โฟกต์คนนี้ไม่แพ้ใครแน่นอน

ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่เขาเป็นนักปั่นอาชีพ มีช่วงเวลาที่ตราตรึงใจสำหรับแฟน ๆ มากมาย หากติดตามการแข่งอาชีพมานาน อาจจำได้ว่าในสเตจ 19 ของจิโรดิตาเลียปี 2006 ทีม CSC ของเยนส์ โฟกต์ ถือครองเสื้อชมพูอยู่ (และชนะในที่สุด) โดยอิวาน บาสโซ หน้าที่ของเยนส์คือเข้ากลุ่มเบรคอเวย์ไปถ่วงคนอื่นเพื่อให้ทีมพ้นภาระการไล่จับเบรคเท่านั้น สุดท้ายฮวน มานูเอล การาเต ไล่หลังมาจนทันเขาที่ 7 กม.สุดท้าย ทั้งสองคนขี่ตีคู่กันไปจน 300 ม.หน้าเส้น ถึงตรงนั้นเยนส์เข้าไปตบไหล่การาเต จับมือเขา แล้วยกแชมป์สเตจให้การาเตไป

“วันนี้ผมไม่ได้ลากเลย ผมเกาะล้อคนอื่นอย่างเดียว คุณจะชนะการแข่งได้ก็ต่อเมื่อคุณขี่เก่งที่สุดเท่านั้น และวันนี้ผมไม่มีสิทธิ์นั้น” เยนส์ให้สัมภาษณ์หลังจบสเตจ

เยนส์รีไทร์ไปเมื่อปี 2014 โดยทิ้งท้ายด้วยการทำลายสถิติ The Hour Record เป็นคนแรกหลังการปรับกติกามาอนุญาตให้ใช้จักรยานลู่ที่ถูกกฎสนามลู่ของ UCI ได้

เมื่องาน Bangkok Bike CycleFest เมื่อ 11-12 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางผู้จัดงานได้เชิญทีม DT ไปร่วมปั่นจักรยานที่สนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับตรงพัทยา งานนี้มีจุดเด่นคือนอกจากมีรอบ Open Male/Open Female ที่ขาแรงกดกันยับตามสไตล์งานแข่งแล้ว ยังมีรอบ Fun Ride ที่ให้ปั่นเส้นทางเดียวกัน 90 นาที ไม่จับเวลา จะปั่นกี่รอบก็ได้ จักรยานอะไรก็ได้ ชวนคุณภรรยาและลูก ๆ ที่บ้านมาปั่นด้วยกันยังได้! ก็ขอชื่นชมความเปิดกว้างสำหรับทุกคนเช่นนี้ครับ

และที่สำคัญ เยนส์ โฟกต์ ก็เป็นแขกรับเชิญและแอมบาสเดอร์ของอีเวนต์นี้โดยการประสานงานจาก Probike ทำให้เรามีโอกาสได้พบปะและพูดคุยกับตำนานตัวเป็น ๆ ในครั้งนี้ถึงประเทศไทยครับ

 

Q1: หลังจากคุณรีไทร์แล้วก็มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย เช่น เป็นผู้บรรยายการแข่งขันให้ช่อง NBC ของอเมริกา เป็นแบรนด์แอมให้ Tour Down Under ของออสเตรเลีย ล่าสุดก็มาเป็นแขกรับเชิญที่ไทยอีก บินรอบโลกเลย นี่ก็สามปีมาแล้วที่คุณเลิกแข่งอาชีพ งานคุณมีทีท่าจะเบาลงบ้างไหม?

JV: ไม่เลย! ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ นี่ผมยุ่งกว่าสมัยแข่งอาชีพอีก คือตีว่า 180-200 วันต่อปี ผมไม่ได้อยู่บ้านเลย อีกอย่างคืองานพวกนี้ก็อยู่ไกลกันทั้งนั้น ไม่ค่อยอยู่ในยุโรปเท่าไหร่ คือสมัยแข่งนี่สนามต่าง ๆ ก็กระจุกกันอยู่ในยุโรป เดินทางแป๊บเดียว แต่ตอนนี้นี่บินไกลและบินนานครับ ก็ยิ่งต้องใช้เวลา นี่เดี๋ยวมะรืนนี้ก็ต้องบินอีกแล้ว

Q2: คุณมาประเทศไทยกี่ครั้งแล้ว แล้วคุณชอบที่นี่ไหม?

JV: ครั้งนี้ครั้งที่สามแล้วครับ ครั้งแรกที่มาคือมาร่วมงาน Trek Century Ride (ไปปั่นเส้นเฉลิมบูรพาชลทิศ – DT.) ผมประทับใจความเป็นมิตรของคนไทยมาก! เวลาพวกเขาพูดขอบคุณ หรือขอร้องให้คนอื่นช่วยอะไรบางอย่าง (ยกมือไหว้ประกอบ) คนไทยต้อนรับดีมาก รู้สึกเป็นกันเองและอบอุ่นมากจริง ๆ แล้วประเทศไทยก็มีทัศนียภาพสวยงามด้วยครับ อากาศก็ดี ผมเคยไปปั่นแถวดอยภาคเหนือมา แล้วก็ทะเลทางภาคตะวันออกที่บอกไป

Q3: คุณช่วยเล่าประสบการณ์สุดประทับใจในช่วงเวลา 17 ปีที่เป็นนักปั่นอาชีพให้ฟังทีครับ คุณจะเล่ามากกว่าหนึ่งเรื่องก็ได้นะ

JV: หนึ่งในวันที่ผมมีความสุขที่สุดบนจักรยานคือตอน Paris-Nice ปี 2005 ครับ บ๊อบบี้ จูลิคซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมทีม CSC ของผมเขาครองเสื้อเหลืองอยู่ ตอนเหลือ 20-30 กม.ของสเตจสุดท้าย เพื่อนร่วมทีมคนอื่นได้ทำงานหนักจนหลุดกลุ่มไปหมด เหลือแค่ผมกับเขา ตอนนั้นบ๊อบบี้จะได้แชมป์หรือไม่ก็อยู่ที่ผมละ แล้วบ๊อบบี้ก็สละโอกาสตัวเองเพื่อผมมาหลายครั้ง ตอนนั้นเลยเป็นโอกาสทองที่ผมจะตอบแทนเขา ผมจำได้ว่าวันนั้นผมปั่นถวายชีวิตเลย เป็นวันที่ผมปั่นได้ดีมาก บ๊อบบี้เขาเป็นคนอเมริกาก็จริง แต่ระหว่างฤดูกาลแข่งเขาอยู่บ้านที่นีซซึ่งเป็นเส้นชัยวันนั้น ผมเลยรู้ว่าภรรยาและลูกสาวของเขา—แองเจลาและโอลิเวีย—จะต้องมารอดูอยู่หน้าเส้นแน่นอน และการที่ผมได้เห็นสองคนนั้นร้องไห้ดีใจเพราะคุณพ่อชนะรายการ… มันเป็นความสุขที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริง ๆ ครับ ได้เห็นความสุขของพวกเขาโดยผมรู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้น

อีกโมเมนต์นึงที่ดีมากคือ ตอนชนะ Tour de France ปี 2008 กับคาร์ลอส ซาสเตรอ เพราะว่าปีนั้นเราชนะ Team Classification ด้วย คุณนึกภาพโพเดี้ยมอันเบ้อเริ่มที่ปารีสนะ แล้วพวกเราทั้งเก้าคนก็ได้ขึ้นไปยืนบนนั้นด้วยกันหมดเลย ภาพของแดดยามบ่ายในฝรั่งเศสที่มีช่างภาพนับร้อยรายล้อมอยู่ สวยงามมากครับ ผมจำได้เลยว่าหันไปพูดกับเพื่อนว่า “นี่ ผมว่านะ เรารีไทร์กันตอนนี้เลยเหอะ นี่คือดีที่สุดแล้ว ชีวิตนักจักรยานอาชีพมันจะสมบูรณ์แบบไปกว่านี้ไม่ได้ละ”

 

Q4: ตอนที่ยังแข่งอาชีพอยู่ มีสนามแข่งรายการไหนไหมที่คุณเฝ้ารอเป็นพิเศษ?

JV: ผมชอบ Critérium International นะเพราะผมชนะตั้ง 5 ครั้ง! เป็นรายการที่มีความหมายพิเศษสำหรับผม และสภาพเส้นทางก็เข้าทางผมมากด้วย ส่วนช่วงครึ่งหลังของการเป็นนักปั่นอาชีพ ผมชอบรายการใหม่ ๆ ที่จัดไกล ๆ นะ เช่น Tour Down Under หรือ Tour of California อย่างนี้ เพราะผมแข่งในยุโรปอยู่นานมาก พอได้ไปแข่งที่ใหม่ ๆ แปลก ๆ บ้างมันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ

Q5: พูดถึงรายการแข่งพวกนั้น คุณเคยชนะที่โคโลราโดด้วยการเบรคอเวย์คนเดียวเป็นร้อยกิโลด้วยนี่ครับ ผมประทับใจคุณสุด ๆ

JV: ใช่ครับ อันนั้นคือ USA Pro Challenge ปี 2012 ผมจำได้เลยว่าวันนั้นเราต้องขึ้นเขา Aspen ผ่านทาง Independence Pass ซึ่งความสูงมากกว่า 4,000 เมตร แต่จุดปล่อยตัวเริ่มที่แถว ๆ 2,000 เมตรนะ เพราะพื้นที่แถวนั้นมันสูงมากอยู่แล้ว ผมอยู่ในกลุ่มเบรคอเวย์ซึ่งมีประมาณ 25 คนซึ่งดูแล้วมันใหญ่ไป โดนจับแน่นอน… จะบอกว่าผมบ้าก็ได้นะ แต่ทุก ๆ สองปี ผมจะมีวันหรือสองวันที่ผมมองเห็นอนาคตได้ และวันนั้นคือหนึ่งในนั้น ผมเห็นภาพหนังฉายในหัวของผมเลยว่า ถ้าผมถึงยอดเขาก่อนเบรคอเวย์คนอื่น ๆ ได้เกิน 1 นาที ผมจะชนะสเตจ แม้ว่าหลังยอดเขาจะยังเหลืออีก 120 กม. ก็เหอะ พอเห็นอนาคตว่าจะเป็นแบบนั้นแล้ว ผมก็เลยยิงกลุ่มซะเลย!

แล้วคุณก็ชนะจริง ๆ

JV: ใช่ ชนะจริง ๆ แต่มันจะเกิดขึ้นแค่ทุก ๆ สองปีนะ ที่ผมจะรู้สึกว่าวันนั้นผมไร้เทียมทาน ใครก็สู้ผมไม่ได้ ตอนนั้นโค้ชลาร์ส มิเคลเซ่น ขับรถตามขึ้นมาแล้วก็บอกผมว่า “เยนส์! มันอีกไกลมากนะ มีเบรคอเวย์อีก 20 กว่าคนคอยไล่หลังอยู่นะ…” คือเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมผมมาก่อนจะไปเป็นโค้ช แล้วเขาก็อายุน้อยกว่าผมไง เขาเลยไม่กล้าตะโกนด่าว่า “ไอ้โง่! กลับเข้ากลุ่มไปซะ!” อะนะ เลยพูดแบบแรกแทน แต่คุณก็จะเห็นว่าตอนนั้นเขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ แต่สุดท้ายวันนั้นก็เป็นวันที่สุดยอดมาก ๆ

Q6: เล่าเรื่องฮา ๆ หรือเรื่องประหลาดในเปโลตองให้ฟังหน่อยครับ

JV: เมื่อ 2 ปีก่อนที่ผมจะรีไทร์ ตอนนั้นผมไปแข่ง Tour Down Under ที่ออสเตรเลีย มันเป็นสเตจที่จบบนยอดเขา Willunga Hill โดยวนรอบเขาสองรอบ ผ่านเส้นชัยครั้งนึงก่อนแล้วค่อยขึ้นมาใหม่อีกที หน้าที่ของผมคือส่งผู้นำทีมไปให้ไกลที่สุด แล้วให้เขาไปแย่งเส้นชัยกับตัวเต็งคนอื่น ๆ พอหน้าที่ผมจบ ระยะที่เหลือผมก็ปั่นชิลล์ละ ทีนี้ก็มีวัยรุ่น 3 คน วิ่งมาข้าง ๆ ผมแล้วตะโกนว่า “เยนส์! เยนส์! ดื่มเบียร์กัน!” ผมเลยตอบว่า “มา!” เขาก็เลยเปิดเบียร์ให้ผมกระป๋องนึง ผมดื่มไปสองสามอึกแล้วก็คืนพวกเขาไป แล้วก็ปั่นต่ออีกสัก 2 กม.เข้าเส้น ก็ตลกดีครับ

 

Q7: คุณมีลูกตั้งหกคน มีใครอยากเป็นนักจักรยานอาชีพไหม?

JV: ไม่มีเลย ลูกชายคนโตสุดเล่นลาครอส เขาชอบกีฬาประเภททีมมากกว่า ส่วนลูกชายคนรองลงมาเคยแข่งจักรยานอยู่หลายปีเหมือนกันนะ จนกระทั่งวันนึงจู่ ๆ เขาก็บอกผมว่า พ่อ พอเหอะ กับการต้องมาตื่นตีห้าหกโมงวันอาทิตย์เพื่อไปแข่งจักรยานทั้งวันในที่ไกลผู้ไกลคนเนี่ย เลิกดีกว่า (คนเยอรมันหวงวันอาทิตย์มากครับ ร้านรวงปิดหมด กิจกรรมทุกอย่างหยุดหมด เป็นวันสำหรับไปโบสถ์ ใช้เวลาสบาย ๆ กับครอบครัว หรือพักผ่อน – DT.) ส่วนพวกเด็กผู้หญิงก็สนใจกีฬาอื่นที่ไม่ใช่จักรยาน อย่างตอนนี้เขาหัดขี่ม้ากันอยู่ครับ

Q8: มีที่ไหนที่คุณอยากไป แต่ยังไม่เคยไป และมีอะไรที่คุณอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำบ้างไหม?

JV: ผมอยากไปนิวซีแลนด์ ยังไม่เคยไปเลย และผมอยากไปตกปลาน้ำลึก แบบไปทีหลาย ๆ วัน อยากจับปลาที่ตัวยาวเท่าเต๊นท์นี้เลย! (เต๊นท์หน้ากว้างสัก 4 เมตรได้) อย่างปลากระโทง ไม่ก็ปลาทูน่า อยากตกปลาที่หนักสัก 500 กก.!

Q9: คุณเคยไปแข่งจักรยานมาหลายประเทศมาก ๆ มีที่ไหนที่คุณแนะนำสำหรับการไปปั่นเที่ยวไหม?

JV: ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหานะ ผมแนะนำแอฟริกาใต้ สวยมาก แล้วก็เส้น Great Ocean Road ที่ออสเตรเลีย ที่เขาใช้แข่ง Cadel Evan’s Great Ocean Road Race น่ะ สวยมากกก อ้อ Lake Tahoe ที่แคลิฟอร์เนียด้วยครับ นั่นก็สวย

Q10: พี่น้องชเล็คมีร้านจักรยาน ยาสเปอร์ สตอยเว็นมีร้านช็อคโกแลต คุณคิดว่าพอสุดท้ายไม่ต้องบินบ่อย ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวยาว ๆ แล้ว คุณอยากทำอะไร?

JV: ผมอยากเปิดร้านหนังสือ แล้วก็มีมุมกาแฟในร้าน แล้วผมจะเป็นลูกค้าที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวของร้านตัวเอง ผมจะนั่งดื่มคาปูชิโน่อ่านหนังสือ แล้วก็ไล่ลูกค้าทุกคนออกจากร้าน! อย่ามายุ่งกับผม! ผมจะอ่านหนังสือ!

แต่นั่นต้องหลังจากลูก ๆ แยกย้ายกันไปอยู่บ้านตัวเองแล้วอะนะ ตอนนั้นผมคงอายุสัก 70 ได้มั้ง น่าสนุกใช่มั้ย ฮ่า

 


ขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพผู้สนับสนุนหลัก, IMG ผู้บริหารจัดการและดูแลงาน, และทาง Probike ที่เชิญเยนส์มาครับ

By ธันยวีร์ ชินสุวรรณ

วี - นักวิจัยลั้ลลา ถ้าไม่เลี้ยงเซลล์อยู่แล็บก็อยู่ร้านกาแฟ ว่างไม่ว่างก็ปั่นจักรยาน หลงรักหมอบทุกคันที่ไม่มีแหวนรองสเต็มและใช้ริมเบรค เป็นแฟนคลับทีม Mitchelton-Scott

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *