การแข่งจักรยานคือการเสียสละ
เมื่อในทุกสนามแข่ง เรามีผู้ชนะได้เพียงคนเดียว ถึงแม้จะแข่งกันเป็นทีมก็ตาม มันหมายความว่า จากทีม 7-9 คน จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียวที่ได้เกียรติยศ ชื่อเสียง และเงินทอง
แน่นอนครับ ไม่ใช่นักปั่นทุกคนที่จะมีความสามารถระดับแชมป์ เพราะฉะนั้นงานของนักปั่นที่ไม่ใช่ระดับหัวหน้าทีมคือการ “ช่วยเหลือ” หัวหน้าทีม ไม่ใช่งานที่มีชื่อเสียง แต่ก็สำคัญไม่แพ้ใครๆ ขาดผู้ช่วยไป หัวหน้าจะเก่งแค่ไหนก็คงไม่มีทางสู้ทีมคู่แข่งได้
ทุกๆ ปีเราจะได้เห็นนักปั่นผู้ช่วย หรือ “โดเมสติก” (มาจากคำว่า Domestique ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งแปลว่า “คนรับใช้”) ทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้หัวหน้า อย่างปี 2012 ที่วิกกินส์ได้แชมป์ตูร์ ก็เป็นคริส ฟรูมที่คอยช่วยเหลือในทุกสเตจภูเขา จนฟรูมกลายมาเป็นนักปั่นที่โลกต้องจับตามอง พอเข้าปี 2013 ที่ฟรูมคว้าแชมป์ตูร์บ้าง ก็มีริชีย์ พอร์ทเป็นผู้ช่วยแบบที่เกาะติดกันยิ่งกว่าคู่รัก แม้แต่สปรินเตอร์อย่างมาร์ค คาเวนดิช ก็มีมาร์ค เรนชอว์เป็นหัวลากมือฉมังที่พาเขาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์การสปรินต์นับครั้งไม่ถ้วน
The Winner: Jakob Fuglsang (Astana)
สำหรับปี 2015 ผมคิดว่ารางวัลนักปั่นโดเมสติกปีคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยาคอบ ฟูลแซง (Astana)
ฟูลแซงคือบุคคลสำคัญที่ช่วยให้วินเชนโซ นิบาลิคว้าแชมป์รายการ Tour de France ปีนี้ เหมือนกับที่ริชีย์ พอร์ทช่วยฟรูมในปีที่แล้ว โดยเฉพาะในสเตจหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างสเตจ 5 ที่นักปั่นต้องเจอเส้นทางแบบ Paris-Roubaix กับสภาพอากาศยอดแย่แห่งปี ว่ากันแล้วมันคือสเตจที่นิบาลิทำเวลาห่างคู่แข่งได้เยอะที่สุด ดูไฮไลท์สเตจนี้ในวิดีโอข้างล่างครับ
recap กันอย่างสั้นๆ ช่วงก่อนที่ peloton จะเข้าสู่ถนนหิน Belkin เปิดเกมส่งตัวโหดออกยิงด้วยลาร์ส บอมและเซป ฟานมาร์ก Astana ตอบสนองอย่างรวดเร็วส่งคนขึ้นป้องกันนิบาลิและตามหมายหัวคู่ Belkin และเร่งความเร็วจนกลุ่ม peloton ระส่ำระส่าย เมื่อรวมกับฝนฟ้าที่ไม่เป็นใจและดินโคลนกับอากาศหนาวเย็นแล้ว เราได้เห็นนักปั่นล้มคว่ำไม่เป็นท่ากันหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะเอซที่ไม่มีลูกทีมคอยช่วยเหลือ – คริส ฟรูม (Sky) ล้มในสเตจนี้ถึงสองครั้งจนต้องถอนตัว ในขณะที่อัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ (Tinkoff) เข้าเส้นชัยตามหลังนิบาลิร่วม 3 นาทีเต็ม
ด้านหน้ากลุ่ม นิบาลิ ฟูลแซง และลูกทีม Astana ขึ้นแซงคู่แข่งทุกคน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญสนามคลาสสิคอีกนับไม่ถ้วน จนนิบาลิเข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับสามของสเตจ ตามหลังผู้ชนะลาร์ส บอมแค่ 19 วินาที ตั้งแต่เริ่มจนจบสเตจฟูลแซงคือนักปั่นคนเดียวที่อยู่ข้างนิบาลิ
ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือในสเตจ 13 ที่ฟูลแซงแหกโค้ง ลื่นไถลจนล้มบาดเจ็บ (หนัก) แต่ก็กลับมาปั่นต่อและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว กลับมาช่วยนิบาลิในสเตจภูเขาได้จนจบรายการ
สิ่งที่ทำให้ฟูลแซงโดดเด่นกว่าโดเมสติกคนอื่นๆ คือการที่เขาอยู่ช่วยเหลือหัวหน้าได้ในทุกสภาพเส้นทาง ตั้งแต่ทางราบ ทางวิบากจนไปถึงสเตจภูเขาสูงชันซึ่งความรอบด้านแบบนี้หาได้ยากใน peloton ยุคนี้ครับ
ฟูลแซงเคยเป็นนักปั่นระดับหัวหน้าทีมในรายการสเตจเรซหลายสังกัด ไม่ว่าจะเป็น Saxo-Bank (2009-2010) และ Leopard-Trek (2011-2012) ผลงานที่ดีที่สุดคืออันดับ 7 Tour de France ปี 2013 และล่าสุด Paris-Nice ในปี 2014 การย้ายมาอยู่กับ Astana นั้นฟูลแซงรู้ดีว่าเขาจะไม่ได้ยืนในตำแหน่งเอซของทีมอีกต่อไป แต่ก็ดูจะพอใจกับหน้าที่การเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ และเป็นผู้นำทีมในสนามรองครับ
