“ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า”

7 โมงเช้า วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม ผมแหกขี้ตานั่งแท็กซี่มาถึงจุดนัดพบ เพื่อลากสังขารขึ้นรถตู้ ที่พร้อมนำผมและคณะไปส่งที่ระยอง โดยเป้าหมายของพวกเราก็คือ โรงแรมแมริออต รีสอร์ตแอนด์สปา จังหวัด ระยอง ซึ่งเราก็มาเพื่อร่วมกิจกรรม Exclusive Bike Zone Cervélo Ride: Rayong – Chanthaburi ที่จัดว่าเป็นความท้าทายส่วนตัวของผมเหมือนกัน

ย้อนไปประมาณหนึ่งเดือนก่อนหน้า คูน เจ้าสำนัก DT ก็ทักมาในแชตกลุ่มว่า “วี พี่นัท ไปปั่นกับ Cervelo มั้ย?” ซึ่งก็ฟังดูน่าสนใจทีเดียว ตัวผมเอง หลังจากจบ Tour of Bangsaen แล้ว ก็ไม่ได้แตะจักรยานอีกเลย ด้วยเหตุผลทางด้านการแพทย์ แต่ก็กะจะกลับมาปั่นอยู่แล้ว เลยตอบตกลง เพราะสาเหตุคือ อยากลองรถของ Cervelo ที่ได้ชื่อว่าเน้นด้านวิศวกรรมศาสตร์เต็มที่ และการไปปั่นที่เส้นเฉลิมบูรพาทิศอีกก็เป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะเส้นทางมันสวยนั่นล่ะครับ แม้จะหวั่นๆ ว่า ไม่ได้ซ้อมปั่นเลย แต่จู่ๆ จะไปปั่น 120 กิโลอีก แล้วจะไหวเหรอ ยังดีที่ช่วงปั่นไม่ได้ ผมก็เน้นวิ่งแทน เลยคิดว่าน่าจะมีแรงพอน่า

ถึงวันจริงๆ กลายเป็นว่า เจ้าสำนักจำเป็นต้องเทนัดพวกผม เพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยจริงๆ ผมกับวีเลยลุยกันสองคน ซึ่งก่อนมา ทีแรกคูนใส่ชื่อพวกเราไว้ก่อนในกลุ่ม A ความเร็ว 32-35 ไว้ก่อน แต่ก็ตัดสินใจว่า ไปแล้ว จะเปลี่ยนเป็นกลุ่ม B ความเร็ว 28-32 แทน น่าจะเหมาะกว่า เพราะจะได้ไม่ฝืนเกิน ซึ่งพอมาถึงที่รีสอร์ต ทีมงานก็แจกอุปกรณ์ให้ เราก็ได้ริบบิ้นแดงมาผูกจักรยาน Cervelo R3 ที่ทาง Bike Zone เตรียมไว้ให้ แบ่งคลาสกันด้วยสีริบบิ้นนี่ล่ะครับ แต่พอเราต้องลงไปคลาส B ริบบิ้นเหลือง โดยปั่นจักรยานพันริบบิ้นแดง ก็แอบเขินเล็กๆ และคิดว่า เออ ฮึดไปกลุ่ม A ดีมั้ยหว่า

หลังจากเซ็ตรถให้เข้ากับตัวเองแล้ว พวกเราก็เปลี่ยนชุด เข้าคลินิกจักรยาน (จริงๆ อยากไปว่ายน้ำ แต่เขาให้มาปั่น ก็ปั่นเถอะพ่อ) ซึ่งทีแรกก็คิดว่าหมูๆ ครับ แต่ที่ไหนได้ พอลองจริงๆ เอ้อ ยากกว่าที่คิด เพราะเน้นทักษะการคุมรถ ทรงตัว คนเก้งก้างอย่างผมก็ต้องวนไปวนมาหลายครั้งหน่อย แต่ก็ดีที่ผ่านได้ทุกจุดครับ พอแดดร่มลมตกหน่อย ก็มีการปั่นไปชมวิวริมทะเลเล่นๆ ซึ่งก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองความเคยชินกับรถก่อนปั่น แถมมีรถจากัวร์นำขบวนด้วย รู้สึกศักดินาเลยทีเดียวครับ ซึ่งขาไป ก็ปั่นกันเป็นกลุ่มชิลๆ นี่ล่ะครับ แต่ขากลับ มีการท้ายิงใส่กัน ซึ่งพอเปิดใส่กัน เจ้า R3 นี่ก็จัดว่าสนองการเร่งได้ไวดีจริง กดเป็นมาเลย แต่ปัญหาคือ ผมเปิดไวไปหน่อย หมดก๊อกไวมาก สุดท้ายก็ได้แต่หอบแฮ่กๆ เข้ารีสอร์ต

กิจกรรมถัดไปคือ การยัดอาหารเข้าท้องไว้ เพื่อโหลดคาร์บไว้สำหรับวันปั่นจริงพรุ่งนี้ ซึ่งผมก็ทำการโหลดคาร์บ ด้วยการเทน้ำแช่ยอดข้าวลงท้องไปหลายแก้วเหมือนกัน เอ๊ย ไม่ใช่ ก็กินอาหารพูนจาน เน้นแป้งนั่นล่ะครับ ระหว่างเรากินไป ก็มีการบรีฟว่า พรุ่งนี้จะปั่นกันยังไง ซึ่งก็แบ่งเป็นกลุ่มตามที่ลงทะเบียนมานั่นล่ะครับ แต่หูผมผึ่งทันทีเมื่อได้ยินประกาศว่า

“กรุ๊ป A นี่คือเก่งแล้วนะครับ จะปั่นกันเต็มที่ AV น่าจะซัก 35 อัพ และกรุ๊ป B ก็เก่งรองลงมา น้องหวานหวานจะนำทีมนะครับ AV ก็จะประมาณ 32 อัพ…”

อ่าว เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า!

แต่ มาถึงตรงนี้แล้ว ก็ถอยไม่ได้ล่ะครับ จะถอยอีกก็อายสิ โวะ ก็ใจดีสู้เสือ ปั่นไปเล้ย แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยใจอยู่นะครับ เพราะหลังจากพักไปเกือบสองเดือน ผมก็เพิ่งกับมาซ้อมปั่นได้แค่สองสามครั้ง ระยะยังไม่ถึง 100 กิโลเลย พรุ่งนี้รวดเดียว 120 นี่ก็น่าหนักใจ แต่ชื้นใจหน่อยเมื่อเราไปถึงปลายทางที่ 60 กิโลแล้ว ก็จะพักแวะกินน้ำถ่ายรูปหน่อย ที่สำคัญ มีจุดพักละเอียดดีครับ รวมๆ แล้วก็ประมาณทุกๆ 20-30 กิโลเมตร ก็จัดว่าดีต่อผู้ปั่นด้วย หลังจากท้องอิ่มก็แยกย้ายกันไปนอนเอาแรง เพื่อตื่นมาตอนตี 4 กว่าๆ และยัดอาหารลงท้องอีกรอบเพื่อเตรียมเก็บแรงให้ดี มีความตื่นเต้นเล็กน้อย เมฆฝนดูไม่ค่อยเป็นใจ แต่มาถึงจุดนี้แล้ว ก็ไม่ถอยล่ะครับ ขอแค่มีถุงใส่มือถือก็ลุยได้ล่ะ

หลังจากชักภาพหมู่แล้ว ก็ค่อยๆ ปล่อยทีละกลุ่ม ซึ่งผมกับวีก็ไปกับกลุ่ม B มีน้องหวานหวานนำตามที่บอก และมีสองนักปั่นจากร้านแสงฟ้ามาช่วยนำด้วย ปั่นออกไปได้ไม่กี่กิโล ฝนก็ตกลงมาจริงๆ ล่ะครับ แต่ไม่ได้ตกแรงมาก แต่ก็ทำให้ถนนเปียกในระดับหนึ่ง ซึ่งก็จัดว่าน่าห่วง เพราะฝุ่นถนน ผสมกับน้ำฝนที่เพิ่งตก จะทำให้รถลื่นได้ง่าย ยังดีที่ทุกคนปั่นเป็นระเบียบดี ตั้งสองแถว เว้นระยะ ทำให้ไม่มีอุบัติเหตุเลย แต่ลำบากหน่อยตรงที่ ได้รับสรงน้ำจากล้อรถคันหน้ากันเป็นทอดๆ ครับ เล่นเอาเฉอะแฉะกันไปหมด แต่ก็ปั่นกันได้เป็นระเบียบ ช่วยกันจัดไลน์ จนปั่นได้สบาย ความเร็ว 32 แช่กันไหว ไม่ลำบากอะไรครับ

พอถึงจุดพักแรก ก็ชาร์จแบตคนกันสบายๆ พักกันหน่อยแล้วก็ออกปั่นต่ออีก ก็ตั้งแถวกันดี แต่พอฝนหยุดและแดดเริ่มร้อน ก็มีเสียงถามว่า ตอนนี้กี่โมงครับ ซึ่งเอาจริงๆ แค่ 7 โมงกว่าๆ แต่แดดแรงและทแยงใส่ เล่นเอาร้อนเอาเรื่อง แต่ก็ปั่นกันไปต่อได้ครับ ส่วนวีมีปัญหากับคลีตนิดหน่อย เพราะเจอโคลนเข้าไปอุด ล๊อคได้ แต่ถอดไม่ได้ ก็ดีที่มีรถมาร์แชลคอยตามมาช่วยดูด้วย แล้วก็ปั่นตามกลุ่มเข้าไป ซึ่งกลุ่ม B ก็ตัดสินใจ ไม่แวะพักจุด 2 เพราะปั่นไปอีกไม่นานก็ถึงจุดพักตรงกลาง ที่ยอดเนินเป้าหมายล่ะครับ แน่นอนว่าการปั่นริมทะเลเฉลิมบูรพาทิศก็สวย แต่ไม่ค่อยมีเวลาชมเชยอะไรครับ เพราะก่อนนั้นคือเนินสั้นๆ แต่ชันพอเทสต์แรงขา สำหรับนักปั่นทางเรียบแบบผมก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็พยายามคุมเพซตัวเองขึ้นไปได้ ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด แล้วก็ร่อนลงมาริมทะเล ก่อนจะเจออีกเนินเพื่อขึ้นไปจุดพักและถ่ายรูปกันครับ

ที่จุดพักก็บริการดีออีกล่ะครับ ห้องน้ำ กล้วย เกลือแร่ ผ้าเย็น มีครบหมด หลายท่านก็ไปถ่ายรูปที่ระลึก แต่คนคูลๆ อย่างผม ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ นั่งหอบแฮ่กๆ พักเอาแรงดีกว่า (อ่อน) ซึ่งหลังจากพักจนสมใจ เราก็ตัดสินใจออกปั่นกลับก่อนที่ขาจะตาย ซึ่งก็รู้สึกเหมือนว่า กรุ๊ปเล็กลง ก็ไม่แน่ใจว่าบางท่านตัดสินใจนั่งรถกลับแทนรึเปล่านะครับ

หลังจากลงเนินขึ้นเนินอีกที เราก็กลับมาเจอถนนปกติ ซึ่งก็ตั้งแถวปั่นกันตามขามา ผมก็อยู่แถวประมาณ ที่ 3-4 จากหัวแถว ทีแรกก็ปั่นกันดีๆ ครับ แดดจัดว่าร้อน เลียผิวให้แสบๆ ดี แต่ เอ๊ะ ทำไมเริ่มเหนื่อยหว่า อืม สงสัยคิดไปเอง คงเพราะพักนานไป แต่พอเขาเหลือบตาดูจอการ์มินแล้ว ผมก็ถึงกับช๊อค (คลิกเบต)

ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 35-36 km/h

อ่าว เฮ้ย ไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้นี่หว่า (2)

เท่าที่คุยกับวี ดูเหมือนจะมีคนแตกแถว ยิงเบรคอเวย์ออกไป หัวแถวจากร้านแสงฟ้าเลยพยายามไปเก็บ ซึ่งกรุ๊ปก็เร่งตาม เป็นอย่างนี้ซ้ำไปมา ความเร็วเลยเพิ่มขึ้น ส่วนมาร์แชลที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา ก็ดูเหมือนไม่ค่อยได้เช็คความเร็ว เพราะน้องน่าจะเป็นอาสาสมัครที่มาช่วย ไม่ใช่คนของทาง Bike Zone โดยตรง เลยอาจจะไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ แดดก็ร้อน แถมได้ปั่นอินเทอร์วอล ขึ้นๆ ลงๆ หัวใจผมก็เต้นรัวๆ เหมือนหนุ่มน้อยแอบดักรอสาวที่แอบชอบครับ (ไม่โรแมนติกแล้ว) และเหมือนกรุ๊ปเริ่มกระจายตัว ผมต้องโบกมือให้น้องมาร์แชลว่า ลดความเร็วด้วย เพราะนี่มันเร็วเกินไปแล้ว บางช่วงนี่ตบขึ้นไป 40 เลยครับ

พอเข้าจุดพักแรก ก็คุยกันในกรุ๊ปหน่อย แต่พอตั้งแถวออกมาได้ไม่นาน ก็เข้าอีหรอบเดิม ผมเลยผ่อนลง กะไปเกาะท้ายแทน แต่กลายเป็นว่า กรุ๊ปสั้นกว่าที่คิด หลังจากพยายามไล่ตามขึ้นลงหลายต่อหลายครั้ง ก็ตัดสินใจ ไม่ตามดีกว่า และเกาะกันเป็นกรุ๊ปเล็กของคนที่หลุด ประมาณ 4-5 คน ส่วนวีก็ตามกลุ่มได้ต่อครับ (วัยหนุ่มนี่มันดีจริงๆ) และมีคนนึงในกลุ่มก็ยางแตกพอดี เราเลยตัดสินใจแบบไม่เป็นทางการ พักเปลี่ยนยาง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ได้จังหวะพักนั่นล่ะครับ ชาวบ้านเจ้าของบ้านที่เราเข้าไปหลบแดดเปลี่ยนยางก็เป็นมิตรดีครับ มีออกมาทักทายคุยกันเล่น

พอพักหน่อย ก็ปั่นกันต่อ ซึ่งเราก็ปั่นกันไปไม่นานก็ถึงจุดพักจุดรองสุดท้าย (หรือจุดแรกของขามา) กรุ๊ปเล็กเราตัดสินใจไม่พักกัน เพราะเพิ่งพักมาหมาดๆ พอพ้นจุดพักได้ไม่นาน ก็เจอวีที่ปั่นรออยู่ เล่นเอาซึ้งครับ และดีที่ไม่ได้พัก ไม่งั้นวีคงต้องรอนาน เราก็ฟอร์มกรุ๊ปปั่นกันไปได้มานาน สุดท้ายก็แยกเป็นกลุ่มย่อยอีก ผมกับวีก็เลยค่อยๆ ปั่นกันไปสองคน จนมาถึงริมหาด ค่อยโล่งใจหน่อย มีจุดแจกน้ำสุดท้ายให้ชื่นใจ และมีสเปรย์เย็นฉีดแก้ตะคริวกิน ทำให้ 10 กิโลสุดท้ายไม่ทรมานมากนัก ก่อนที่เราจะกลับมาถึงรีสอร์ตได้อย่างปลอดภัย รีบไปเหยียดกล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นสังขารคงไม่ไหวครับ

.

เอาจริงๆ แล้ว แม้จะพักปั่นไปเกือบสองเดือน แต่กลับมางานนี้ ผมก็รู้สึกว่าไม่สะบักสะบอมเท่าไหร่นัก ถือว่าปั่นได้สนุกในระดับหนึ่งเลย เส้นทางจัดว่าดีและสวยมากครับ พร้อมบริการจากทีมงาน Bike Zone ที่อบอุ่นตลอดทาง เสียดายตรงที่การคุมความเร็วขากลับที่เกิดข้อผิดพลาดเท่านั้น แต่เท่านี้ก็ถือว่าหรูหรามากแล้วครับ มีคนคอยช่วยคุมตามแยกต่างๆ เกือบตลอด ทำให้ปั่นได้อย่างสบายใจเอาเรื่องครับ แถมเจ้า Cervelo R3 แม้จะไม่ใช่รถประจำตัว แต่ก็ทำหน้าที่ได้ดีมากจริงๆ ปั่นได้เพลินเลยครับ ส่งแรงได้เต็มที่ดี ปั่นสนุก และซับแรงสะเทือนได้ เพียงแต่ผมไม่ชินกับเบาะติดรถ Fizik Antares เท่าไหร่นัก

กลับมาได้อาบน้ำก็สบายตัวหน่อย แล้วค่อยไปกินข้าวเที่ยงและเติมเครื่องดื่มแช่ยอดข้าวอีกที กินไปก็มีภาพการปั่นขึ้นจอให้ดูอย่างไว และก็มีการจับฉลากด้วย ซึ่งผมเองก็ได้สูบจักรยานดิจิตอลแบบงงๆ (เป็นคนดวงดีเวลาแบบนี้) แต่ต้องงมหน่อย เพราะคู่มือหลักเป็นภาษาเยอรมันเป็นหลัก มาพบภาษาอังกฤษข้างในทีหลังอีกที พอเก็บของเคลียร์นู่นนี่ ก็นั่งรถตู้กลับกรุงเทพกันอย่างสบาย ขอบคุณท่านผู้มีอุปการคุณทุกท่านจริงๆ ครับ หวังว่ารอบหน้าจะได้ปั่นกันอีกนะครับ แฮ่ จะฟิตมาให้ดีกว่านี้แน่นอนครับ

* * *

By ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล

นัท - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ประเทศญี่ปุ่น ชอบปั่นจักรยาน ฟังเพลง อ่านหนังสือ และเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบ มีผลงานหนังสือกับสำนักพิมพ์แซลมอนมา 3 เล่มแล้วจ้า

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *