BMC เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เปิดตัวจักรยานเสือหมอบรุ่นใหม่ในสนามแข่ง Tour de France ปีนี้เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาครับ และคราวนี้มาพร้อมกับดิสก์เบรคและระบบ integration ทีพัฒนาต่อจาก SLR01 รุ่นก่อนหลายด้าน มาดูกันว่าเสือหมอบแข่งขันของแชมป์โอลิมปิกอย่างเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ทมีอะไรใหม่บ้าง?
BMC Teammachine รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2011 ในสนาม Tour de France ซึ่งปีนั้นกัปตันทีม BMC – คาเดล เอวานส์ก็ใช้มันปั่นคว้าแชมป์รายการได้พอดี BMC อัปเดต SLR01 อีกครั้งในปี 2014 ลดน้ำหนักลงและปรับปรุงดีไซน์หลายๆ จุดให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นซึ่งก็เป็นคันที่แวน เอเวอร์มาร์ทใช้คว้าแชปม์โอิลิมปิกในกรุงริโอประเทศบราซิลเมื่อปี 2016 ทีผ่่านมา
สำหรับ Teammachine SLR01 2018 รุ่นใหม่ก็นับเป็นเจเนอเรชันที่สาม ซึ่งมีการปรับปรุงโครงสร้างและรูปทรงเฟรมใหม่ทั้งหมด ทำให้ได้เฟรมแข่งที่ตอบสนองแรงดีขึ้นและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างดิสก์เบรคและชุดแฮนด์สเต็มรวมถึงหลักอานแบบ integrated
ดีไซน์เฟรมที่พัฒนาจาก BMC Roadmachine
ถ้ารู้สึกคุ้นตากับเฟรม SLR01 รุ่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจครับ เพราะตัวเฟรมนั้นใช้ดีไซน์คล้ายกับ BMC Roadmachine ที่เปิดตัวเมื่อกลางปีที่แล้ว เฟรม Roadmachine เป็นจักรยานแนว allroad / adventure bike ที่มากับดิสก์เบรคและผู้ใช้สามารถปรับระยะความสูงช่วงหน้าของรถได้ด้วยตัวเอง จุดนี้เป็นส่วนที่ Teammachine SLR01 ดึงมาใช้ทั้งหมด รูปทรงเฟรมคล้ายกัน และใช้ชุดแฮนด์สเต็มแบบ integrated เหมือนกัน
ดีไซน์ตัวถังใหม่นั้นยังคงความเป็นจักรยานแนวว all round / climber bike ที่เน้นเรื่องการตอบสนองแรงและความสบายมากกว่าแอโรไดนามิก SLR01 รุ่นใหม่นี้ไม่ได้ใช้จุดเชื่อมระหว่างท่อนั่งและท่อนอนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในเฟรม SLR Series และใช้ดีไซน์แบบเสือหมอบทั่วไปที่ไม่มีช่องว่างระหว่างเฟรมตรงจุดเชื่อมท่อนั่งและท่อนอนครับ จุดเชื่อมตรงนี้ทำหน้าที่เป็นจุดยึดหลักอานแบบซ่อนด้วย
ตัวถัง SLR01 ใช้วิธีการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ที่ BMC เรียกว่า ACE (accelerated Composite Evolution) ซึ่งจะช่วยจำลองรูปทรงและการวางเรียงชั้นคาร์บอนที่เพื่อให้ได้เฟรมที่ประสิทธิภาพดีที่สุด แต่ลำพังแค่การจำลองในคอมพิวเตอร์ไม่สามารถบอกประสิทธิภาพเฟรมที่แท้จริงได้ เมื่อได้เฟรมต้นแบบแล้วก็นำไปทดลองใช้ปั่นจริง ซึ่งผู้ทดลองคนนี้ก็คือคาเดล เอวานส์ แชมป์ Tour de France ปี 2011 ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง brand ambassador และที่ปรึกษาด้านการออกแบบจักรยานให้ BMC นั่นเองครับ
Asymmetric Design, Still comfortable
BMC SLR01 ขึ้นชื่อเรื่องการซับแรงสะเทือนและการบังคับควบคุมที่ไว้ใจได้ สำหรับ SLR01 เจเนอเรชันใหม่ก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ geometry ยังเหมือนเดิมหมดทุกอย่าง แต่บริเวณกระโหลกสติฟขึ้น 10% จากกระโหลก (bottom bracket) และเชนสเตย์ทรงไม่สมมาตร (asymetric design)
ด้านการซับแรงสะเทือนก็ทำได้ดีขึ้น 10% เพราะจุดยึดหลักอานต่ำลงกว่าเดิม 40mm ทำให้บริเวณหลักอานให้ตัวในแนว หน้า-หลังได้มากขึ้นด้วย หลักอานที่ใช้จะมากับเฟรมและเป็นหลักอานทรงตัว ‘D’ เหมือนรุ่นก่อน ตัวถังรองรับยางหน้ากว้าง 28mm
รองรับดิสก์เบรคและเบรคแบบไดเร็คเมาท์
BMC SLR01 รุ่นใหม่มีให้เลือกทั้งเฟรมที่ใช้ริมเบรคแบบไดเร็คเมาท์และดิสก์เบรคครับ แต่ที่เหนือไปกว่าเสือหมอบแข่งขันติดดิสก์เบรคในแบรนด์อื่นๆ BMC SLR01 Disc นั้นดูสะอาดตากว่ารุ่นริมเบรคเสียอีก เพราะใช้วิธีการเดินสายดิสก์เบรคและเกียร์ภายในทั้งหมด ที่สำคัญเฟรมดิสก์เบรคนั้นหนักกว่าเฟรมริมเบรคแค่ 5 กรัมเท่านั้น
เฟรมดิสก์จะใช้ตะเกียบหน้าและเชนสเตย์แบบไม่สมมาตร ด้านซ้ายจะใหญ่กว่าด้านขวาเล็กน้อยเพื่อรองรับแรงเค้นจากดิสก์เบรค ตัวรถจะมากับแกน thru-axle ขนาด 12mm ที่เทเปอร์ตรงกลางเพื่อลดน้ำหนัก
ระบบ Integration เหนือชั้น
BMC หันมาใช้แฮนด์และสเต็มแบบ Integrated ในเฟรม Teammachine SLR01 ตามแบบ Roadmachine ซึ่ง BMC เรียกระบบนี้ว่า ICS หรือ Integrated Cockpit System นอกจากจะได้แฮนด์และสเต็มที่ดูสะอาดตากว่าปกติแล้ว ตัวสเต็มยังสามารถร้อยสายดิสก์เบรคไว้ภายในได้ทั้งหมด ทำให้เฟรมดิสก์ดูสะอาดตากว่าเวอร์ชันริมเบรค (สายเบรคธรรมดาซ่อนในสเต็มตัวนี้ไม่ได้) ผู้ซื้อสามารถสั่งเมาท์กล้อ actioncam และคอมพิวเตอร์จักรยานของ BMC เองที่ดีออกแบบให้เข้ากับชุดสเต็มตัวนี้ด้วย
นอกจากนี้ชุด ICS ยังช่วยให้ผู้ใช้ปรับความสูงสเต็มได้โดยไม่ต้องขันสเต็มออกจากซางและไม่ต้องเดินสายเกียร์และสายเบรคใหม่ครับ แหวนรองคอสเต็มจะทำงานมันเหมือนกับจิ๊กซอว์ที่เกี่ยวกันจากด้านหน้่าและด้านหลัง
บริเวณท่อล่าง (downtube) ได้เพิ่มกล่องเก็บ junction box ของระบบเกียร์ไฟฟ้า Shimano Di2/ Campagnolo EPS ไม่ต้องห้อยตัว junctionbox ไว้ใต้สเต็มให้เกะกะอีกต่อไป แต่ถ้าใช้เกียร์ mechanical ก็สามารถปิดช่องตรงนี้ได้เช่นกัน
ตัวยึดรัดหลักอานก็เปลี่ยนเป็นระบบ integrated โดยจะใช้น็อตขันปรับความแน่นหลักอานซ่อนอยู่ใต้ท่อนอน
จุดเด่นที่สุดของเฟรมตัวนี้เป็นระบบยึดดิสก์เบรคแบบ direct mount ที่ BMC พัฒนาเองและไม่มีใช้ในเสือหมอบดิสก์แบรนด์อื่นๆ BMC ใช้ระบบยึดของตัวเองแทนระบบ flatmount ที่เป็นมาตรฐานของวงการ นอกจากจะทำให้เฟรมน้ำหนักเบาลงแล้วยังดูสบายตามากกว่าจุดยึดแบบ flatmount ธรรมดาด้วย
BMC เป็นผู้ผลิตจักรยานรายแรกที่ทำจุดยึดตีนผี (derailure hanger) แบบ direct mount ไม่ต้องใช้อแดปเตอร์เพิ่มช่วยลดน้ำหนักเฟรมได้อีกเล็กน้อย
น้ำหนัก
จุดที่น่าสนใจและสวนเทรนด์เป็นเรื่องน้ำหนักเฟรมที่หนักกว่ารุ่นก่อนครับ BMC กล่าวว่าที่เฟรมน้ำหนักมากขึ้นก็เพื่อรองรับการใช้ดิสก์เบรคและริมเบรคแบบไดเดร็คเมาท์ รวมถึงการปรับการจัดเรียงชั้นคาร์บอนในเฟรมให้ได้ฟีลลิ่งการปั่นที่ใกล้เคียงกันในทุกไซส์
- 2018 BMC SLR01 Disc (54cm) เฟรมหนัก 815g, ตะเกียบหนัก 355g
- 2018 BMC SLR01 (54cm) เฟรมหนัก 810g, ตะเกียบหนัก 350g
- 2017 BMC SLR01 (54cm) เฟรมหนัก 790g, ตะเกียบหนัก 373g
สเป็ค สี ราคา
BMC Teammachine SLR01 Disc จะมีสเป็คแบบคอมพลีทไบค์ให้เลือก 3 สเป็ค ส่วนเวอร์ชันริมเบรคมีให้เลือก 4 สเป็ค
ทั้งเวอร์ชันดิสก์และริมเบรคสามารถเลือกซื้อแบบเฟรมเซ็ตอย่างเดียวได้ เฟรมเซ็ตมีให้เลือก 2 สี
BMC เตรียมวางจำหน่าย BMC Teammachine SLR02 ซึ่งใช้วัสดุเกรดต่ำกว่า SLR01 น้ำหนักจะมากกว่าเล็กน้อยแต่ราคาถูกกว่า มีให้เลือกทั้งเวอร์ชันดิสก์เบรคและริมเบรคเช่นกัน ราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่กำหนด
ตัวแทนจำหน่าย: Asia Bike Thailand
Gallery
[smartslider3 slider=10]