First touch: Bkool Pro Trainer

ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา DT ได้มีโอกาสทดลองเทรนเนอร์จาก Bkool ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยครับ Bkool เป็นบริษัทจากสเปนที่ทำเทรนเนอร์ตัวนี้ออกมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จุดเด่นที่ทำให้มันต่างจากเทรนเนอร์รุ่นอื่นๆ ก็คือมันเป็นเทรนเนอร์ที่

a.) มีพาวเวอร์มิเตอร์ในตัว

b.) สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อปั่นไปพร้อมๆ กับคนอื่นผ่านวิดีโอสตรีมหรือภาพ 3 มิติในลักษณะเกมออนไลน์ได้

หมัดเด็ดของ Bkool ก็คือราคา (28,900 บาท) เพราะลำพังพาวเวอร์มิเตอร์อย่างเดียว รุ่นที่ถูกหน่อยก็ต้องจ่ายกันขั้นต่ำ 20,000 บาท++ แล้วยังสามารถต่อกับคอมพิวเตอร์หรือแท๊บเล็ตเพื่อสามารถเล่นเป็นเกมออนไลน์ได้อีก

ก่อนอื่นต้องบอกว่าบทความนี้ไม่ใช่รีวิว เพราะเราไม่มีเวลาทดลองนานเท่าไร แต่จะมาชำแหละฟีเจอร์ของเจ้าเทรนเนอร์ Bkool ตัวนี้และการใช้งานคร่าวๆ ให้ดูกันครับ

[separator type=”thin”]

1.THE TRAINER

DSCF4123

พรีวิวตัวนี้แยกเป็น 5 ส่วนหลักๆ ก็คือตัวเทรนเนอร์เอง ตัวซอฟต์แวร์ที่ใช้ปั่นและแข่งขันกับคนอื่น ส่วนของ Social Media ส่วนของการเชื่อมต่อ และส่วนสุดท้ายคือการใช้งานจริง จะเริ่มกันที่เทรนเนอร์ก่อน หน้าตาผิวเผินดูจะคล้ายกับเทรนเนอร์อื่นๆ ทั่วๆ ไปแต่พอลองจับมายึดกับตัวจักรยานแล้วมีดีไซน์ที่ต่างพอสมควร นั่นก็คือวิธีการยึดจักรยานเข้ากับเทรนเนอร์: ปกติเทรนเนอร์ส่วนใหญ่จะใช้การล๊อคตัวจักรยานที่ล้อหลังเข้ากับแท่นแล้วให้เราปรับระยะลูกกลิ้ง แต่ Bkool นั้นใช้น้ำหนักตัวของคนปั่นและจักรยานในการสร้างแรงสัมผัสกับผิวลูกกลิ้ง (Resistance Unit)

เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาที่ไม่ได้ยึดกับจักรยาน ตัวเทรนเนอร์จะวางแบนลงกับพื้น ไม่ตั้งขึ้นมาเหมือนเทรนเนอร์อื่นๆ ตัวแขนแกนยึดสามารถหมุนได้อย่างอิสระ เมื่อรวมกับตัวเทรนเนอร์ที่มีขนาดเล็กแล้วก็สะดวกในการเก็บมากกว่าตัวเทรนเนอร์ที่ผมใช้อยู่ (Kurt Kinetic Road Machine) พอสมควร

ตัวลูกกลิ้งนั้นสามารถถอดออกจากฐานยึดจักรยานได้ด้วยการคลายล๊อค ซึ่งทำให้ถอดเก็บใส่ตู้หรือกล่องได้ง่ายครับ

ตัวแท่นเทรนเนอร์ทำจากเหล็ก ซึ่งทำให้มันมีน้ำหนักมาก จากสเป็คน้ำหนักอยู่ที่ 10.9 กิโลกรัม ตรงนี้ผมว่า Kurt Kinectic ดูจะแน่นหนากว่า แต่พอลองใช้ Bkool แล้วก็ไม่ได้พบปัญหาในการใช้งานอะไร

DSCF4114
แขนล๊อคจักรยานสามารถยกขึ้นได้อย่างอิสระ ใช้วิธีทิ้งน้ำหนักลงบนลูกกลิ้ง Resistance Unit แทนการเลื่อนตัวลูกกลิ้งเข้าหาล้อเหมือนเทรนเนอร์อื่นๆ 
DSCF4115
สภาพใช้งานจริง ล้อก็จะวางที่ตำแหน่งนี้
DSCF4116
ตัวล๊อค ทำงานเหมือนเทรนเนอร์ทั่วไป

การที่เทรนเนอร์ออกแบบมาให้ใช้น้ำหนักเราในการกดทับ Resistance Unit แรงกดตรงนี้จะเป็นตัวแปรที่ใช้คำนวนค่าพาวเวอร์ในการปั่น แต่นั่นก็หมายความว่าถ้าคุณลุกขึ้นยืนปั่น หรือใช้แรงดันลมยางไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง ค่าพาวเวอร์ที่ได้ก็จะไม่ตรงกันเพราะทั้งสองปัจจัยมีผลต่อ Rolling Resistance ถ้าอยากให้แม่นยำก็ควรจะนั่งปั่นและเติมลมเท่าๆ กันทุกครั้งครับ

ตัวเทรนเนอร์รองรับหน้ายางตั้งแต่ไซส์ 20″ ถึง 29″ รองรับกำลังได้ประมาณ 1,200 วัตต์ซึ่งเปรียบได้กับการใช้แรงไต่เขาขึ้นความชันราว 20% ถ้าออกแรงเกินนี้

ของที่มาในกล่องก็มีฐานรองล้อหน้า, แกนปลดล้อหลัง, หม้อแปลงไฟฟ้า, และตัว USB ANT+ ที่ใช้เสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือแท๊บเล็ต

 

2. THE APPLICATION

DSCF4097

หัวใจสำคัญของเทรนเนอร์ Bkool นอกจากตัวฮาร์ดแวร์แล้ว ก็คือแอป Bkool Indoor (PC/ Mac/ iOS/ Android) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการหลักของการใช้งานตัวเทรนเนอร์ แอปจะเป็นลักษณะ Web App ซึ่งจำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตถึงจะใช้ได้ครบทุกฟังก์ชันครับ

เมื่อโหลดแอปมาติดตั้งในคอมพ์พิวเตอร์แล้ว คุณก็ต้องสมัครบัญชีผู้ใช้เสียก่อนครับ (เหมือนเล่นเกมออนไลน์เด๊ะ!) บัญชีผู้ใช้มีแบบฟรีและเสียเงินรายเดือน ซึ่งหากต้องการใช้ให้เต็มครบทุกฟังก์ชันก็ควรจะจ่ายแบบรายเดือน (เดือนละ 15 USD) เวอร์ชันพรีเมียมจะมีคอร์สให้เลือกปั่นมากกว่า 500,00 แบบ สามารถเข้าลีกการแข่งขันกับนักปั่นรอบโลกได้ มีการจัดอันดับ วัดผล และมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการปั่น (ลักษณะเดียวกับ Strava) และสำคัญที่สุดคือ ต้องใช้เวอร์ชันพรีเมียมเสียเงินเท่านั้นถึงจะปั่นแข่งกับคนอื่นได้ และยังสามารถใช้เสียงสื่อสารได้ด้วย! ฟีเจอร์เต็มๆ ลองดูตารางข้างล่างนี้

Screen Shot 2557-11-22 at 10.37.43 AM

ในแอปนี้ทำอะไรได้บ้าง? เบสิคฟังก์ชันคือการเลือกวิดีโอหรือภาพ 3 มิติแบบเกมเพื่อปั่นตาม คอร์สหรือเส้นทางที่ให้เลือกปั่นนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่จะมาจากผู้ใช้ที่สามารถอัปโหลด

พอเข้ามาในตัวแอปก็จะมีเมนูให้เลือกเหมือนด้านบนนี้ครับ เช่น Live, Programmed, Latest Video, Suggested, Pick, Favorites เมนูพวกนี้ก็จะเกี่ยวกับเส้นทางที่มีให้เลือกปั่นทั้งหมด ตัวพรีวิวข้อมูลเส้นทางด้านหน้าก็จะบอกชื่อเส้นทาง ความยาว ความยาก และจำนวนคนที่กำลังปั่นกับเรา เส้นทางมีทั้งไฟล์วิดีโอจากการแข่งสเตจสำคัญขันจากสนามดังอย่าง Tour de France ไปจนถึงไฟล์วิดีโอเส้นทางที่ผู้ใช้เขาไปปั่นแล้วตัดมาลง ยกตัวอย่าง ถ้าเราปั่นคอร์ส Alpe’ d Huez ที่เป็นการขึ้นเขาแบบนี้ ตัวเทรนเนอร์ก็จะปรับความหนืดเพื่อเพิ่มความยากตามระดับความชันโดยอัตโนมัติ

Screen Shot 2557-11-22 at 6.57.27 AM

นอกจากตัววิดีโอและเส้นทางแบบ 2d/3d ที่เราปั่นตามได้แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง Workout เพื่อใช้ในการฝึกเองได้ด้วย ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์คนที่มีตารางการฝึกซ้อมของตัวเองอยู่แล้วครับ ปัญหาก็คือต้องใช้เวอร์ชันพรีเมียมถึงจะสร้าง workout ได้

ท้ายสุดคุณสามารถอัปโหลดทั้งเส้นทางและวิดีโอที่ตัวเองเคยปั่นเพื่อสร้างเป็นรูทจำลองเส้นทางนั้นๆ จากไฟล์ GPS ของเครื่อง Garmin หรือ Polar (และวิดีโอจากกล้องที่ใช้ GPS ได้อย่าง Garmin Virb) ถ้าต้องการสร้างรูทจากไฟล์วิดีโอ คุณต้องดาวน์โหลดแอปของ Bkool ในการสร้างเส้นทางแล้วอัปโหลดเพื่อให้ทางทีมงาน approve ซึ่งอาจจะใช้เวลา 48 ชั่วโมงหรือมากกว่า

 

3. การเชื่อมโยงกับเซนเซอร์รอบขา/ ความเร็ว/ หัวใจ

DSCF4124

ความเจ๋งของเครื่อง Bkool คือมันเป็นเทรนเนอร์ที่ “Plug & Play” จริงๆ ก่อนจะใช้งานก็แค่เสียบหม้อแปลงเข้าไปที่ตัวเทรนเนอร์ ล๊อกจักรยานให้เข้าที่ เสียบตัว USB ANT+ เข้ากับคอมพิวเตอร์ เปิดแอปมันขึ้นมาแล้วระบบจะทำการเชื่อมโยงเทรนเนอร์เข้ากับคอมพิวเตอร์โดยอัตโนมัติ

Bkool ให้เซนเซอร์รอบขามาด้วย แต่ผมไม่ใช้เพราะว่ามีของ Garmin อยู่แล้ว แอป Bkool ค้นหาทั้งเซนเซอร์หัวใจและรอบขาของ Garmin ผมและเชื่อมโยงโดยอัตโนมัติผ่าน protocol ANT+ (ดูสถานะจากมุมขวาล่างของแอป) ไม่ต้องเซ็ตค่าอะไรเลย เท่านี้ก็พร้อมเริ่มใช้งานได้ทันที

DSCF4099

 

4. The Social Media

อีกจุดขายเด่นของ Bkool ก็คือเขาพยายามจะเป็น Social Media สำหรับนักปั่นด้วย Social Media ของ Bkool เรียกว่า Bkool Connect ครับ เราสามารถเข้าใช้งานผ่านหน้าเว็ยไซต์ Bkool.com ซึ่งก็จะมีหน้า wall และโปรไฟล์ของเรา ว่าปั่นอะไรวันไหนบ้าง สามารถเข้าร่วมกลุ่มปั่น club หรือลีกการแข่งขัน ซึ่งทั้งกลุ่มและลีกก็จะมีตารางการปั่นให้เราดูล่วงหน้า ว่าต้องลงแข่งกันวันไหน ตบท้ายด้วย Ranking หรือการจัดอันดับ ลำดับวัดจากยอดจำนวน Session การปั่น ระยะทาง เวลา และระยะการปีนเขา (คล้ายๆ Strava) และสามารถเลือกดู ranking แบบสัปดาห์ เดือน ปีก็ได้ ลองดูรูปประกอบกัน

Screen Shot 2557-11-22 at 9.46.58 AM

หน้า Wall / Profile ของเรา แสดง Session ที่เคยเข้าร่วมตามวันเวลา และมีกราฟบอกว่าสัปดาห์นี้ปั่นไปกี่ชั่วโมง / กิโลเมตรแล้ว

Screen Shot 2557-11-22 at 9.47.15 AM

หน้า History บอกประวัติการปั่นของเรา

Screen Shot 2557-11-22 at 9.51.37 AM

หน้า Ranking แสดงตำแหน่งคนที่ปั่นได้จำนวน Session / ระยะทาง / เวลา / ระยะไต่เขามากที่สุด แบ่งตามสัปดาห์ เดือน ปี และฤดูกาล

หน้า Home ของ Club/ Group/ Challenge ที่เราสามารถเข้าร่วม ในแต่ละกรุ๊ปก็จะมีตารางการปั่นต่างกันไป ถ้าเป็นประเภท Leage Challenge เราสามารถเข้าร่วมเพื่อลงแข่งเก็บคะแนนสะสม และไต่อันดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามตารางได้เหมือนแข่งจริง

หน้า Home ของ Club/ Group/ Challenge ที่เราสามารถเข้าร่วม ในแต่ละกรุ๊ปก็จะมีตารางการปั่นต่างกันไป ถ้าเป็นประเภท Leage Challenge เราสามารถเข้าร่วมเพื่อลงแข่งเก็บคะแนนสะสม และไต่อันดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามตารางได้เหมือนแข่งจริง

Screen Shot 2557-11-22 at 9.51.10 AM
ตัวนี้เป็นตารางการแข่ง/ ปั่นของกรุ๊ป 

 

5. ลองปั่น

Bkool Thailand ให้บัญชีแบบพรีเมียมมาทดลอง ก็จะใช้ฟังก์ชันการปั่นมันได้ครบทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ผมอยากลองที่สุดคือการปั่นกับคนอื่น อันดับแรกผมก็เลือก Session ที่คนกำลังปั่นอยู่ (จากเมนู Live) พอเข้าไปแล้วหน้าจอก็จะตัดมาที่โลกจำลองแบบ 3 มิติ พร้อมบอกเราว่ามีใครที่กำลังปั่นอยู่ด้วย ถ้าคุณเลือกเข้า Session ที่กำลังจะเริ่ม จะมีเวลาให้วอร์มอัปประมาณ 10 นาที แต่ถ้าขี้เกียจรอก็ให้หยุดปั่นจนล้อหลังนิ่งสัก 3 วินาที มันก็จะตัดเข้าสู่การปั่นเลย

DSCF4106

ด้านล่างของหน้าจอจะมีข้อมูลการปั่นค่อนข้างชัดเจนครับ ตั้งแต่รอบขา ความเร็ว อัตราการเต้นหัวใจ พาวเวอร์ที่เราใช้ และความชันของเส้นทาง ด้านบนจะแสดงระยะทางที่เราปั่น เวลาที่ใช้ เทียบกับเวลาของคู่แข่ง หน้าจอทั้งหมดนี้เราปรับตำแหน่งอะไรไม่ได้ แอปให้มายังไงก็ต้องใช้อย่างนั้น แต่ก็ไม่รกตาหรือกวนใจอะไร แล้วถ้าไม่ชอบข้อมูลพวกนี้ก็สามารถซ่อนไว้ได้ด้วย

จุดที่หลายๆ คนสนใจคงเป็นเรื่องพาวเวอร์มิเตอร์ เครื่องเทรนเนอร์ Bkool วัดกำลังการปั่นจากความเร็วที่ล้อหมุนเทียบกับแรงต้านบนพื้นถนน (ซึ่งคิดจากความชันในเส้นทาง) แล้วอิงกับ Power Curve ของคนปกติ ซึ่งแปลว่าไม่ได้ใช้ strain guage ในการวัดงานของนักปั่นเหมือนพาวเวอร์มิเตอร์ทั่วไป จุดนี้มีข้อเสียอยู่คือ อย่างที่บอก ถ้าคุณลุกขึ้นยืนปั่น หรือใช้แรงดันลมไม่เท่ากันทุกครั้ง ค่าพาวเวอร์ที่ได้จะไม่แม่นยำมาก ผมไม่มีพาวเวอร์มิเตอร์ช่วยทดสอบ แต่จากที่เช็คข้อมูลของ DC Rainmaker เขาพบว่าค่าพาวเวอร์ของ ​Bkool จะอยูในระยะ +/- 5-10% ของพาวเวอร์มิเตอร์จริงๆ ซึ่งถ้าคุณตั้งแรงดันลมกับนั่งปั่นตามปกติ ค่าพาวเวอร์ที่ได้ก็ถือว่าใช้อ้างอิงได้ครับ จากที่ลองปั่นเทียบกับความเหนื่อยและความเร็วที่ใช้แล้ว คิดว่าค่าวัตต์ไม่หลุดจากของจริงมาก แน่นอนว่าคงจะให้แม่นยำแบบ +/-2% เหมือนพาวเวอร์มิเตอร์จริงๆ ในราคานี้คงไม่ง่ายเท่าไร ไม่งั้นคงต้องกระโดดไปซื้อเทรนเนอร์อย่าง Wahoo KICKR เลยซึ่งเริ่มต้นที่ 1,000 USD หรือประมาณ​ 31,000 บาทแล้ว (ใช้ซอฟตแวร์ Bkool ได้ด้วย)

DSCF4103

โดยรวมแล้วข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอนั้นมีครบทุกอย่าง น่าจะถูกใจคนที่ชอบปั่นไปดูข้อมูลไปครับ

สิ่งที่ผมชอบอีกเรื่องก็คือ “ฟีล” ของเทรนเนอร์ ซึ่งต้องบอกว่าทำได้เหมือนถนนมากกว่าเทรนเนอร์ตัวอื่นๆ ที่เคยใช้ จะไม่ “หนืด”​ เกินจริง ถ้าลองทีแรกอาจจะนึกว่าลื่นเกินไปด้วยซ้ำ แต่พอปั่นไปเรื่อยๆ ก็พบว่าสอดคล้องกับแรงที่ใช้ในการปั่นถนนดี ที่สำคัญ เทรนเนอร์ตัวนี้เงียบมากๆ เสียงดนตรีจากแอปนั้นกลบเสียงเทรนเนอร์หมดเลย ไม่กวนคนในบ้านดี ลองฟังเสียงดู

วิดีโอที่เราใช้ปั่นตามทั้งแบบภาพจริง (ที่คนอื่นอัดไว้) และแบบภาพจำลองเหมือนเกม จะใช้วิธีการ “Stream” ภาพจากเซอร์เวอร์มาลงเครื่องเรา ซึ่งหมายความว่าคุณต้องมีอินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงสักนิดหนึ่งถึงจะโหลดได้ทันใจ ผมใช้เน็ต ADSL 8Mb ของ True ก็เล่นได้ลื่นระดับหนึ่ง แต่ยังมีกระตุกให้เห็นบ้าง โดยเฉพาะการเล่นตามวิดีโอที่ถ่ายจากถนนจริงนั้นจะยังไม่ลื่นไหลพริ้ว และไฟล์ยังไม่ชัดระดับ HD

ปัญหาเวลาที่มันกระตุกก็คือ บางทีเวลาคุณขึ้นหรือลงเนินตามเส้นทาง ภาพมันอาจจะยังมาไม่ทันข้อมูลเส้นทาง ทำให้ความรู้สึกการปั่นไม่ตรงกับภาพครับ เช่นในจอทางอาจจะเป็นเส้นตรงอยู่ แต่อยู่ดีๆ มันกลับหนักขามาก เพราะจริงๆ เรากำลังขึ้นเขาแล้ว แน่นอนว่าต้องใช้เน็ตที่เร็วกว่านี้พอสมควร ถ้าติดเน็ตสัก 12-15Mb ก็น่าจะลื่นกว่าที่ผมใช้

Screen Shot 2557-11-22 at 7.29.23 AM 1

นอกจากปัญหาการกระตุกแล้ว บางครั้งถ้าคนใช้เยอะๆ ในช่วง Peak Hour ผมมักโดนตัดออกจาก Server หรือบางทีปั่นอยู่ใน Session เพื่อนคนอื่นที่กำลังปั่นด้วยกันก็เด้งออกหายไปจาเกมซะเฉยๆ ซึ่งแอปบอกว่าคนอื่นโดน Disconnect ออกไปเพราะเน็ตหลุด

เพิ่มเติมจากโหมดการปั่นตามวิดีโอแล้วก็ยังมีอีกตัวนึงที่คนนิยมเล่นคือปั่นแข่งกันในเวโลโดรม ตรงนี้น่าจะถูกใจคนที่อยากจะซ้อมหาค่า FTP หรือปั่นไปเรื่อยๆ ภาพที่หน้าจอจะเป็นวิวแบบ Top down พร้อมบอกตำแหน่งการปั่นของเรากับคนอื่นๆ ที่ปั่นด้วยกัน หรือจะดูวิวแบบ 3 มิติก็ได้ เหมาะสำหรับการซ้อมปั่นเอนดูรานซ์ที่ไม่เร็วมาก ปั่นนานๆ โดยไม่เบื่อครับ

DSCF4112

เมื่อปั่นเสร็จแล้วแอปก็จะให้เราบันทึกเส้นทางและข้อมูลการปั่น ซึ่งเราจะเก็บหรือจะทิ้งก็ได้ ข้อมูลนี้จะใช้สร้างเลเวลของเรา (เลเวลจะเริ่มจาก “ขาอ่อน”) พอปั่นได้ถึงค่าวัตต์ระดับหนึ่งเป็นเวลาตามที่เขากำหนด เลเวลเราก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะมีระบบวิเคราะห์การปั่นให้ดูเหมือน Strava เป็นแรงจูงใจให้กลับมาใช้เทรนเนอร์บ่อยๆ

 

สรุป

Bkool มาเปิดตลาดในเมืองไทยได้ถูกที่ถูกเวลาครับ ตอนที่ Ducking Tiger ลงเรื่อง Zwift เกมออนไลน์สำหรับนักปั่นนั้นมีคนแชร์เป็นจำนวนมหาศาล แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความต้องการเทรนเนอร์ที่ “ไม่น่าเบื่อ” ไม่น้อยเลย สิ่งที่ Bkool ต่างจาก Zwift ก็คือตอนนี้ซอฟต์แวร์ของเขาจำกัดให้ใช้ได้แค่เทรนเนอร์ของ Bkool (และ Wahoo Kickr) เท่านั้น ในขณะที่ Zwift สัญญาว่าจะใช้เทรนเนอร์ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็ได้ Zwift เป็นบริษัทขายซอฟต์แวร์ ในขณะที่ Bkool ขายทั้งเทรนเนอร์และซอฟต์แวร์คู่กัน

โดยรวมแล้วเป็นเทรนเนอร์ที่ทำตลาดได้น่าสนใจ ราคาอยู่ตรงกลางระหว่างเทรนเนอร์ตัวท๊อปกับเทรนเนอร์ธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีลูกเล่นและซอฟต์แวร์เข้ามาช่วย ได้เปรียบตรงมีพาวเวอร์มิเตอร์ติดมาให้ด้วย

จุดเด่นของ Bkool คือตัวเทรนเนอร์เองที่ออกแบบมาดี ขนาดเล็ก เงียบ ฟีลลิ่งการปั่นเหมือนถนนจริง และมั่นคง และอีกส่วนก็คือซอฟต์แวร์ ที่ถึงแม้ตอนนี้หน้าตายังไม่ได้ดูดีพรีเมียมแบบแอปของ Apple แต่การใช้งานทั่วไปถือว่าง่ายมาก ไม่ต้องเก่งคอมพ์ก็น่าจะใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร ที่สำคัญคือ การที่มันเป็นซอฟต์แวร์นั้น ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลา ตัวเทรนเนอร์เองก็สามารถอัปเดต Firmware ได้ด้วย

น่าเสียดายว่าไม่มีเวลาทดสอบนานเท่าไร เลยไม่ได้ทำเป็นรีวิวแบบลึกๆ ดูเรื่องความทนทาน ความแม่นยำของค่าต่างๆ และอีกหลายๆ เรื่อง แต่คิดว่าเท่านี้ก็น่าจะพอเห็นภาพการใช้งานครับ จากปกติที่ผมไม่ชอบปั่นเทรนเนอร์เลย พอมีเกมและการแข่งกับคนอื่นมาให้เล่นแบบนี้กลับรู้สึกสนุกดี ถ้าถึงหน้าฝนปีหน้าอาจจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่มองไว้เหมือนกันครับ

Bkool Official Site / Bkool Thailand Facebook
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท Bike and Body / 081-801-9179

หมายเหตุ: Bkool Thailand ลงโฆษณากับ Ducking Tiger แต่ความเห็นทั้งหมดในบทความ First Look เป็นของทีมงานไม่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา  

DSCF4101
DSCF4122
VIRB0530
DSCF4120

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

1 comment

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *