ฟรูม: “ดูโมลานคือคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้”

ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Cyclingnews คริส ฟรูม (Team Sky) พูดถึงการเตรียมตัวเพื่อเป็นนักปั่นแกรนด์ทัวร์ที่ดี และคู่แข่งในอนาคต ซึ่งให้ข้อคิดที่น่าสนใจหลายอย่างทีเดียวครับ ลองมาดูกันว่าเขาพูดอะไรบ้าง

 

การปรับตัวและฟอร์มที่ดีขึ้น

“ผมเป็นนักปั่นแบบ all-rounder เวลาแข่งก็ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับเส้นทางและคู่แข่งในสนามนั้นๆ ครับ”

สไตล์การแข่งของฟรูมเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ใน Tour de France ปี 2013 และ 2015 เขาเลือกที่จะโจมตีคู่แข่งเพื่อชิงเวลานำในช่วงภูเขาสูงชันชุดแรกของรายการ แต่ในปี 2016 และ 2017 เขาเปลี่ยนกลยุทธ์มาทำเวลานำในสเตจปั่นจับเวลา (Time Trial) แทน

“ก่อนจะลงแข่ง Tour de France ผมดูสองอย่างครับ: หนึ่งคือเส้นทาง สองคือผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ สำหรับเส้นทางผมดูว่าจุดไหนเราจะใช้ทำเวลาหนีได้บ้าง แต่ขณะเดียวกันเราต้องคิดถึงศักยภาพคู่แข่งเราด้วย”

“ปีก่อนๆ ผมรุกหนักในภูเขา เพราะระยะทาง Time Trial มันไม่ยาวมาก ก็ต้องชิงเวลากันตรงนี้ แต่สองปีที่ผ่านมานี้ ผมเลือกที่จะเกาะกลุ่มหน้าก็พอและไม่โจมตีเยอะ เพราะรู้ว่ามีสเตจ Time Trial อยู่ท้ายการแข่งขัน ซึ่งผมมั่นใจว่าจะทำเวลาได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างอูราน (Cannondale-Drapac) และโรมัน บาเดต์ (AG2R)”

หลายคนมองว่าชัยชนะปีนี้ของฟรูมเป็นแชมป์ที่ไม่เด็ดขาดเท่าปีก่อนๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้แชมป์สเตจระหว่างแข่งแล้ว ระยะห่างระหว่างเวลาของเขากับอันดับสองนั้นก็น้อยที่สุดไม่ขาดลอยเหมือนปีก่อนๆ แต่ฟรูมไม่ได้คิดว่าตัวเองพลังตกหรือฟอร์มแย่ลง ถึงแม้ปีนี้จะมีอายุ 32 ปีแล้วก็ตม

“ผมไม่คิดว่าฟอร์มแย่ลงนะ ดูตัวเลขแล้วมันก็เท่าๆ เดิมครับ ทั้งเวลาและความเร็วไม่ได้ต่างจากเดิมมาก เอาจริงๆ ผมว่าผมไต่เขาดีกว่าเดิมอีก โดยเฉพาะใน Vuelta ที่ข้อมูลการปั่นผมชัดเจนว่าดีมากตลอดทั้งการแข่งขัน ซึ่งสะท้อนว่าฟอร์มผมยังพัฒนาได้อีกครับ”

“ก็ต้องยอมรับว่าคู่แข่งของผมก็เก่งขึ้นทุกปีนะ ผมคงไม่สามารถชนะรายการด้วยเวลานำ 5-6 นาทีได้หรอก คู่แข่งเราซ้อมดีขึ้นตลอดเวลา และซ้อมแบบเฉพาะทางมากขึ้นด้วย”

“อีกอย่าง เส้นทาง Tour de France ปีนี้เรามีเส้นชัยบนยอดเขาแค่ 3 ครั้ง ไม่เหมือนใน Vuelta ที่มีเป็นสิบ ถ้าคุณหลุดกลุ่มสักวัน คุณยังแก้มือได้อีก 8 วัน เพราะงั้นถ้าเส้นชัยบนยอดเขามีน้อยคุณจะเสี่ยงมากไม่ได้ ถ้าหลุดกลุ่มขึ้นมา อาจจะทำเวลาคืนยากครับ ผมเลยแข่งอย่างระมัดระวังมากกว่าปีก่อนๆ”

“ในฐานะนักปั่นผมคิดว่าผมยังพัฒนาได้กว่านี้นะ ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องประสบการณ์การแข่ง ว่าคุณต้องอยู่ตรงไหนของกลุ่ม ต้องเติมอาหารเมื่อไร ต้องประหยัดแรงช่วงไหน ขี่ยังไงให้ปลอดภัยที่สุด ผมพัฒนาตรงนี้มากเมื่อเทียบกับปีแรกๆ ที่เพิ่งออกมาจากแอฟริกา”

 

คิดยังไงกับดูโมลาน?

“ดูโมลานเป็นนักแข่งแกรนด์ทัวร์เจนเนอเรชันใหม่ เราอาจจะยังไม่เคยแข่งกันแบบตัวต่อตัว แต่ผมก็อยากแข่งกับเขานะ มันดีกว่าที่จะมีคู่แข่งที่กดดันเราได้จริงๆ ครับ”

“ผมไม่แปลกใจที่เขาได้แชมป์ Giro ก่อนการแข่งจะจบผมแอบพนันกับเพื่อนไว้ว่าเขาต้องชนะแน่ๆ แล้วเขาก็ชนะจริงๆ ถ้าดูการเติบโตของเขาผมว่าเขาพร้อมจะเป็นแชมป์แกรนด์ทัวร์มาสักพักแล้ว”

“คือถ้าเทียบกับคนอื่นผมมองว่าตัวเองยังเป็น all-rounder มากกว่า ถ้าคุณดู (ทอม) ดูโมลาน เขาเป็นนักปั่น Time Trial ที่มาหัดไต่เขาทีหลัง สำหรับการแข่งแกรนด์ทัวร์มันก็ต้องแบบนี้ล่ะนะ คุณต้องพร้อมรับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“สำหรับดูโมลาน เขาเป็นนักปั่น TT ที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ แล้วยังไต่เขาได้อย่างมั่นใจด้วย เขาเพซตัวเองเป็น คนอื่นอาจจะเห็นว่าเขา หลุดกลุ่ม แต่ผมว่าไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เขาแค่คุมเพซตัวเอง เป็นตัวเต็งแกรนด์ทัวร์คนเดียวที่ทำแบบนั้น ซึ่งผมว่าเป็นทักษะที่ดีมากๆ ครับ”

“เขาเป็นนักแข่งที่ต่างจากคนอื่นที่ผมเคยเจอมาทั้งหมด ถ้าผมต้องดวลกับเขาแบบตัวต่อตัว ผมอาจจะแพ้ใน Time Trial นะ คงต้องเดินเกมรุกในสเตจภูเขาหนักๆ”

ทั้งฟรูมและดูโมลานยังไม่คอนเฟิร์มแผนการแข่งในฤดูกาล 2018 อย่างไรก็ดี คริส ฟรูมมีโอกาสจะขึ้นทำเนียบนักปั่นที่ชนะ Tour de France เยอะที่สุด หากเขาได้แชมป์ในปีหน้า แทบไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ลงแข่งตูร์ ในขณะที่ดูโมลานเองเพิ่งชนะแชมป์ Giro d’Italia 2017 ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าเขาจะไม่ป้องกันแชมป์แล้วทุ่มการซ้อมเพื่อ Tour de France 2018 แทนครับ

Via: Cyclingnews

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *