ขณะที่เทคโนโลยีในวงการเสือหมอบก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทั้งเฟรมคาร์บอน กรุ๊ปเซ็ท 11 สปีด หรือ ไฟฟ้า ล้อคาร์บอน อุปกรณ์ต่างๆที่เน้นความเบา ในขณะเดียวกันยังมีคนที่หลงใหลในรถวินเทจ เฟรมเหล็ก กรุ๊ปสับถัง ที่คงความเก่าไว้ให้ตรงยุคกับเฟรมที่เกิดมาในยุคนั้น แต่จะเป็นอย่างไรถ้าทั้งสองแบบมารวมอยู่ในคันเดียวกัน
“NEO-VINTAGE” มันคืออะไร?
หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับคำนี้ หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินว่าคืออะไร ในต่างประเทศ neo-vintage หรือบางที่เรียก new classic เริ่มกลายเป็นเทรนด์การทำรถเสือหมอบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากทางฝั่งยุโรป ในเอเซียที่ทำเยอะก็เป็นที่ญี่ปุ่น ซึ่งการทำรถประเภทนี้นิยมการเอารถเฟรมเหล็กยุคเก่า จะสับถัง หรือ มือตบก็ตาม มายัดใส่อุปกรณ์ของเสือหมอบรุ่นใหม่ทั้งคัน คงเหลือไว้แค่เฟรมกับตะเกียบ หรือ เฟรมเปล่าที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ความเก่าเอาไว้แต่ได้ความสะดวกและประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีกว่า
อย่างที่เราทราบกันว่าวัสดุที่เอามาทำเฟรมแต่ละประเภทย่อมมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปทั้ง เหล็ก อลูมิเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ หรือ แม้แต่ไทเทเนียม แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังหลงไหลในการใช้รถโครโมลี ที่ให้เรื่องความนุ่มนวลในการขี่ มีอายุยืนยาว ถ้ารักษากันดีๆ อยู่ได้หลายสิบปีโดยยังคงสภาพไม่มีเสื่อมสลาย ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรายังเห็นรถเหล็กที่ยังคงอยู่ในสังคมการปั่น แต่อะไหล่นั่นเองที่เป็นปัญหา ไม่ใช่แค่เฟรม ไม่ว่าจะกรุ๊ปเซ็ท หรือชุดล้อ ชุดดุม ด้วยตามอายุขัย และเลิกผลิตทำให้อะไหล่เริ่มหายากมากขึ้น บางบริษัทเลิกผลิต หรือแม้แต่ปิดตัวไปเลยก็มี จึงเกิดการรวมเอาอะไหล่สำหรับรถรุ่นใหม่ มาเอาใส่เฟรมเก่า
แต่ ! มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะเฟรมยุคเก่าที่มีพร้อมกับชุดเกียร์ 6-7 สปีด หางหลังแคบ 124 126mm ซึ่งความกว้างหางหลัง ไม่เท่ากับของรุ่นใหม่ นั่นจึงทำให้เกิดการดัดแปลง แต่ก็ไม่เกินกำลังมนุษย์อย่างเราๆ จะดีหน่อย ถ้าเฟรมเป็นยุคหลังๆที่เป็นหางหลัง 130mm แล้วจะทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่ต้องถ่างหางหลังออก ซึ่งปัจจุบันก็มีค่ายเฟรมหลายๆยี่ห้อยังคงทำรถเหล็กขายที่พร้อมสำหรับการประกบกรุ๊ปเซทรุ่นใหม่ๆเลย อย่าง De Rosa, Tommasini, Cinelli, Condor และอีกหลายๆบริษัทก็ยังทำออกมา ด้วยเพราะเฟรมเหล็กเองในปัจจุบัน
ตัวท่อเองก็ยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำหนักก็ยังไม่ได้มากอย่างที่หลายๆคนยังคงเข้าใจกัน ท่อเหล็กรุ่นใหม่ๆ ให้การตอบสนองในการควบคุม หรือ ความรู้สึกในการขับขี่ ที่ไม่ได้ด้อยกว่าเฟรมชนิดอื่นๆ นั่นจึงยังเป็นเสน่ห์ที่ยังทำให้หลายคนหลงใหล และยังยินดีจะใช้รถเหล็กแล้วทำใหม่ เพราะเป็นความรู้สึกที่เฟรมชนิดอื่นยังให้ความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้
เฟรมเหล็กในยุคคาร์บอนเนี่ยนะ!?
แล้วเฟรมเหล็กปัจจุบัน มันมีกี่เกรด ถึงบอกว่าปัจจุบันนี้เฟรมเหล็กก็ไม่ได้ด้อยกว่าวัสดุอื่น ถ้าจะอ้างอิงตามแหล่งผู้ผลิตอย่าง Columbus หรือ Reynolds ต่างมีท่อเหล็ก (steel tubes) เป็นสินค้าสำคัญอยู่ยี่ห้อละหลายรุ่น (ไม่นับรวม Stainless Steel) ซึ่งแตกต่างกันไปตามวัสดุที่นำมาผสมเป็นท่อในรุ่นต่างๆ เหมือนกับท่อคาร์บอนที่มีหลายแบบ
ผลคือให้คุณลักษณะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละเกรด แต่ก็ยังคงความเป็น steel อยู่และไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่เพียงด้วยท่อโครโมลี่อย่างเดียวเท่านั้น (ยกเว้น Tange จากญี่ปุ่นที่ยังคงเน้นทำท่อจากโครโมลีอยู่) รวมไปถึงการรีดท่อในแบบต่างๆ และด้วยส่วนผสมต่างๆออกไปตามแต่ละเกรด นั่นจึงทำให้รถเหล็กในปัจจุบันมีน้ำหนักเบาลงมาก ไม่แพ้วัสดุตัวอื่นๆ อย่างจักรยานค่าย Cherubim จากญี่ปุ่นมีเฟรมรุ่น Uli ที่ทำจาก Cr-Mo หนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น (ไม่รวมตะเกียบคาร์บอน)
ข้อดี / ข้อเสีย?
แต่ยังไงแล้วทุกวัสดุย่อมมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเฟรมเหล็กเองก็เช่นกัน หลักๆก็จะคล้ายๆกันแม้ว่าจะคนละเกรด อาจจะให้ผลที่แตกต่างกันบ้างตามลักษณะของท่อที่นำมาใช้ ซึ่งข้อดีบางข้อ ก็ให้ผลเสียในขณะเดียวกัน
ข้อดีที่เห็นได้คือ ซึมซับแรงกระแทกได้ดี ให้ตัวได้เยอะกว่าวัสดุอื่นๆ, หากเกิดอุบัติเหตุ เฟรมสามารถซ่อมแซมได้ง่าย, ทนต่อความเครียดของแรงกระทำได้มากกว่า
ข้อเสียคือ สามารถเป็นสนิมได้ และ เมื่อให้ตัวได้มากกว่า ย่อมสูญเสีย stiffness ของเฟรมไปบางส่วน
แต่เรื่อง stiffness สามารถปรับเปลี่ยนได้ ด้วยลักษณะของท่อที่ใช้ รูปแบบท่อ ความหนาของท่อ ซึ่งโดยมาก ท่อที่เกรดดีมากๆก็จะมีราคาสูงตามไป และยิ่งทำให้การเชื่อม การตัดท่อ การทำงานขึ้นรูปเฟรมก็ยิ่งยากตามไป เราจึงเห็นเฟรมเหล็กบางรุ่นขายกันอยู่ที่ราคาระดับเดียวกับเฟรมคาร์บอนในท้องตลาด เพราะเราก็ต้องยอมรับว่างานเชื่อมเฟรมเหล็กเป็นงานเชิงประดิษฐ์ประดอย (craftmanship) อย่างแท้จริง
แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีอีกหลายๆคนก้าวออกจากเฟรมเหล็กมาใหม่ขึ้นอีกนิดหน่อยเข้าสู่ยุคที่เฟรมอลูฯเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการแข่งขัน early 2000’s หรือ ปีลึก ที่หลายๆคนชอบเรียกชื่อจักรยานในยุคนี้ หลายๆคนยังใช้เฟรมอลูฯยุคแรกๆมาประกบกับกรุ๊ปเซ็ทรุ่นใหม่ด้วยความที่ง่ายกว่า เพราะเฟรมเองก็รองรับแต่แรกอยู่แล้ว และคุณภาพของเฟรมไม่ได้ด้อยไปกว่าเฟรมยุคใหม่แต่อย่างใด เมื่อรวมเข้ากับอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ บางครั้งการหาเฟรมแข่งอลูฯรุ่นเก่ายังให้คุณภาพการขับขี่ดีกว่าเฟรมยุคใหม่
ซึ่งครั้งนี้ DT เองก็ได้เก็บความเห็นจากบุคคลต่างๆที่ใช้รถอย่างข้างต้น ว่าเค้าเหล่านี้มีความคิดเห็นอย่างไร
คุณเพชร – ผู้บริหารออนเซ็น
“ในความเห็นส่วนตัวคือ ความละเอียดของงานสี งานเชื่อม ส่วนเรื่องวัสดุที่ไม่ล้ำสมัยนั้น สามารถ compensate ด้วยการ เลือกอุปกรณ์ที่เหลือให้เหมาะสมได้ เช่นอลูฯโดยธรรมชาติมันจะกระด้าง ก็หาล้อหรือยางที่ซับแรงได้ดี เติมลมอ่อนหน่อย ride quality ก็ดีไม่แพ้วัสดุใหม่ๆอย่างคาร์บอน ส่วนชิ้นส่วนส่วนรุ่นใหม่ๆ ก็มีข้อดีเรื่องอะไหล่ หาง่าย เทียบเคียงกับอะไหล่ยุคเดียวกันได้ เพราะเราใช้รถทุกวัน เกิดอะไหล่หายากจะพาลเสียอารมณ์เพราะไม่ได้ขี่”
คุณเนม – สถาปนิก
“ตอบในเชิงคนใช้รถเก่า ประกบอะไหล่ใหม่ เพราะมันไม่โหลและมันมีตำนานในตัวมันเอง ตัวเฟรมคุณภาพการผลิตดีกว่าสมัยนี้มากทั้งงานสีและงานเชื่อม และฟีลลิ่งการขี่ที่หาไม่ได้จากรถปัจจุบัน อีกทั้งความจุกจิกยังน้อยกว่า อย่างเช่นกระโหลก ทำไมเฟรมสมัยนี้ถึงวุ่นวายนัก? พอทุกอย่างมันน้อยชิ้นและเรียบง่าย เก่าแต่ไม่วุ่นวาย พอเราอยู่บนอานก็คือต้องปั่นยังไงให้เร็ว มันทำให้ผมมีสมาธิกับการปั่นดีนะ”
คุณวิ – Velayenn Bike Shop
“Neo-vintage ในแง่คนซ่อมจักรยานผมชอบครับเพราะอะไหล่ใหม่ปัญหาน้อยใช้งานได้ดี อะไหล่มือสองมักมีปัญหาจุกจิกไม่จบ ใช้เวลานานกว่าจะหาของได้ยิ่งถ้าเล่นตรงรุ่นกันทั้งกรุ๊ป ส่วนการใช้งานแทบไม่ต่างกัน มันก็ใช้ปั่นเหมือนกันนั่นแล ส่วนเฟรมเหล็กมันทนทานคลาสสิค เก็บไว้ยิ่งมีคุณค่า เปลี่ยนเฉพาะอะไหล่ก็ใช้ไปได้ 20-30 ปีสบายๆ”
รถ Track อย่าง Bianchi Pista ที่ถูกนำมาทำเป็น Neo-Vintage
สุดท้ายการจะใช้หรือจะแต่งจักรยานในรูปแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของอุปกรณ์ ความชอบ รสนิยมส่วนบุคคลเป็นที่ตั้ง ถึงแม้ว่าหลายๆคนที่ใช้เฟรมวินเทจจะชอบกรุ๊ปที่ตรงปีกับเฟรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนที่ชอบเฟรมวินเทจเฉกเช่นเดียวกัน ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชอบเสนห์ของเฟรมเหล็ก แต่ก็ยังชอบความทันสมัยของส่วนประกอบอื่น เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า การตกแต่งอาจเพียงแตกต่างกันเรื่องของอุปกรณ์ แต่สุดท้ายก็ยังคงไว้ซึ่งความเก๋าของเฟรม ที่พาเราไปตามสองเท้าต้องการในโลกจักรยานยุคใหม่ได้ไม่ต่างกัน
Image credits: sheldonbrown.com, forallmyfriends.com, tommasini.it, bikewar.com
ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ย้ายจากเฟรมคาร์บอนมาปั่นโครโมลี่ ตอนแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องฟีลลิ่งการปั่นเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟรมโครโมลี่มันนุ่มยังไง แค่ชอบที่ท่อมันกลมๆสวยดี :P
บวกกับค่อนข้างเบื่อกับการปั่นเร็วๆ (มันเหนื่อย 555) เลยตัดสินใจขายคันเก่าทั้งคันเลย แล้วหาซื้อของมือสองจากในเว็บจนสุดท้ายก็ประกอบจนครบคัน (ใช้เวลาในการหาของน้อยมาก สงสัยตอนนั้นดวงขึ้น) จาก TCR Advance SL กลายร่างมาเป็น Panasonic อะไรก็ไม่รู้ (ฮา) + กรุ๊ปเซ็ต Campagnolo…ตอนนี้ติดใจคันนี้ถึงขั้นกู่ไม่กลับ พยายามหลอกล่อเพื่อนหลายคนให้มาปั่นโครโมลี่ด้วยกัน เผื่อจะติดใจ อิอิ…แอบคิดๆไว้ว่าถ้ามีเวลาจะถอดมาทำสีใหม่ซะให้เข็ด ขอละเลงด้วยมือตัวเองด้วยนะ :P
…วัสดุที่ใช้ทำจักรยานแต่ละแบบนี่มันช่างลึกล้ำจริงๆ
ไปร้านสบายดีไบค์ บางซื่อเลยครับ คอนเซปป์ร้านเขาคือ นีโอ-วินเทจ จริงๆ
เสือหมอบคันที่สองของผมก็ใช้เฟรมโครโมลี่ของ Panasonic กับกรุ๊ป 105 หนักพอสมควรแต่ใช้ออกทริป และเดินทางได้คล่องตัวดีครับ ไหลนุ่ม แต่กระชากแล้วหมด
แหร่มหมี XD
ส่วนมากจะไม่ค่อยเจอคำนี้นะครับ
เจอแต่ Neo Retro แต่รถสไตล์นี้ใส่ Shimano ใส่ SRAM ก็ไม่สวยเท่า Campy เลยแฮะ
เคยลองขี่คาร์บอน แต่สุดท้ายกลับมาจบที่โคโม มันคลาสลิกกว่า ในความคิดของผมนะ