เป็นข่าวลือกันมาพักหนึ่งที่ว่าฟิลลิป จิลแบร์ เอซ BMC จะลงแข่งสนามคลาสสิค Cobble อย่าง Paris-Roubaix และ Tour of Flanders ในฤดูกาลหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนใจเสียแล้วครับ จิลแบร์ให้สัมภาษณ์ Velonews ว่าฤดูกาลหน้าโปรแกรมการแข่งของเขาจะเน้นไปที่ Ardnenes Classics อย่างสนาม Amstel Gold, Fleche Wallonne, และ Liege-Bastonge-Liege และอาจจะรวมถึง Milan-San Remo ช่วงต้นปีด้วย
“ผมเคยบอกว่าผมอยากจะลงแข่งสนามถนนหิน (pavé) ก่อนที่จะรีไทร์ แต่ไม่ใช่ในปีหน้า ตัวเลือกที่ดีที่สุดของผมตอนนี้คือรายการแข่งที่ explosive สักหน่อย อย่างพวก Giro d’Lombardia, San Remo และ Liege เมื่อผมแข่งสนามพวกนี้ไม่ไหวแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนไปลงพวก Roubaix แทน ผมว่าถ้าจะให้ฟิตแข่งสนามคลาสสิคทั้งสองประเภทคงไม่ใช่เรื่องง่ายนแน่ๆ (Amstel Gold เริ่มหลังจาก Paris-Roubaix 1 สัปดาห์)
ครั้งสุดท้ายที่จิลแบร์ลงแข่ง Flanders คือปี 2012 และ Roubaix ในปี 2007 เขาเคยขึ้นโพเดี้ยม Flanders ถึงสองครั้ง
“ความฝันของผมคือชนะรายการ Liege ให้ได้อีกครั้ง แต่ผมมักจะแข่ง Amstel Gold ได้ดีกว่าทุกที (ปีนี้เขาชนะ Amstel Gold) เนิน Cauberg ที่เป็นเส้นชัยของรายการมันเหมาะกับสไตล์การปั่นผมที่สุด ผมสามารถสปรินต์ขึ้นเนินด้วยจานหน้า 53 ออกแรงกดเยอะๆ ยืนระเบิดพลังขึ้นไป น้อยคนที่จะตามการโจมตีแบบนี้ได้”
สำหรับฤดูกาลหน้า จิลแบร์จะเริ่มสนามแรกในรายการ Dubai Tour ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นลง Tour of Oman ต่อก่อนจะเริ่มสนามแข่งในยุโรปช่วงต้นฤดูกาลคลาสสิคเช่นรายการ Milan-Sanremo ซึ่งปีนี้ผู้จัดแข่งดัดแปลงเส้นทางอีกครั้ง ตัดจำนวนภูเขาลง และจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของทีม BMC ในฤดูกาลหน้า
ในฤดูกาล 2014 ที่ผ่านมา จิลแบร์เก็บผลงานได้ค่อนข้างดีที่ยอดชัยชนะ 7 สนาม รวมถึงสเตจเรซสองรายการ (Ster ZLM Toer และ Tour of Beijing) แต่ก็ยังไม่ดีเท่าฤดูกาล 2011 ที่เขาคว้าแชมป์สนาม Ardennes Classics ทุกรายการ ฤดูกาลหน้าทีม BMC ต้องพึ่งพาจิลแบร์เป็นพิเศษ เพราะทีมเสียตัวเต็งสำคัญไปหลายคน ไม่ว่าจะเป็น คาเดล เอวานส์และธอร์ ฮุชชอฟ ที่รีไทร์อำลาวงการ และซามูเอล แซนเชส เอซนักไต่เขาที่ทีมตัดสินใจไม่จ้างต่อ ยังไม่รวมเทย์เลอร์ ฟินนี่ ตัวเต็งของทีมที่บาดเจ็บขาหัก และยังไม่น่าจะกลับมาลงสนามได้ 100% เร็วๆ นี้
นอกจากเป้าหมายสนามคลาสสิคแล้ว แฟนๆ เอซเบลเยี่ยมคนนี้น่าจะได้เห็นเขาลงแข่งแกรนด์ทัวร์อีกครั้ง อาจจะเป็น Giro d’Italia หรือ Tour de France พร้อมปิดฤดูกาลด้วยสนามชิงแชมป์โลกที่เขาเคยคว้าเสื้อสีรุ้งได้สำเร็จเมื่อปี 2012
